นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 729

ประกายไฟสาดส่อง จิตสังหารเพิ่มพูน ซีหลิงเทียนเหล่ยหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมกับรอยยิ้มบนริมฝีปาก จากนั้นเอ่ยปากโยนความผิดให้กับเฟิ่งชิงเฉินทันที “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าเจ้าจะไม่ไปช่วยเหยาหวาใช่หรือไม่? แม้ข้าจะมาเชิญเจ้าด้วยตนเอง เจ้าก็จะไม่ไปงั้นหรือ?”

“ทำให้ข้าอับอายในที่สาธารณะ แสร้งทำว่าจะตายต่อหน้าโลงศพพ่อแม่ของข้า ทำไม ทำร้ายตัวเองมากเกินไปจนได้รับบาดเจ็บกลับมาขอความช่วยเหลือจากข้า องค์รัชทายาทเหล่ย ราชวงศ์ซีหลิงของพวกเจ้าทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายอยู่มากมายขนาดนี้ จะรังแกผู้อื่นมันก็ต้องมีขอบเขต” ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจความแตกต่างของสถานะ นางโต้เถียงกลับไปอย่างประชดประชัน

หากต้องการให้นางช่วยเหลือองค์หญิงเหยาหวา นางว่าให้นางกินแมลงวันเข้าไปยังรู้สึกน่าขยะแขยงน้อยกว่า นางเกรงว่า.....เกรงว่าตอนที่ตนเองกำลังรักษาซีหลิงเหยาหวา มือของนางถือมีดผ่าตัด กลัวทิศทางของมีดจะผิดไป ปาดคอของซีหลิงเหยาหวาโดยตรง

“เฟิ่งชิงเฉิน ไม่รู้ว่าเจ้ากล้าดียังไงถึงพูดเช่นนี้ออกมา เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถฝังเจ้าได้ทั้งเป็น” คำพูดนี้ของซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นแค่คำขู่เท่านั้น หากเป็นเมื่อก่อนอาจจะพอมีความจริงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ล่ะ?

ด้วยชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงในตอนนี้ แม้แต่ราชวงศ์ซีหลิงเองก็ไม่กล้าเข้ามาแตะต้องเฟิ่งชิงเฉินสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าน้อยในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีทางกล้าอย่างแน่นอน

“เชื่อ แน่นอนว่าข้าเชื่อ องค์รัชทายาทแห่งซีหลิงต้องการสังหารข้าที่เป็นแค่หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่องค์รัชทายาทเหล่ย แม้แต่จักรพรรดิยังต้องใช้เหตุผล แสดงว่าการที่เจ้าจะสังหารข้า ข้าเองก็ต้องมีความผิด หรือความผิดของข้าคือการไม่ยอมช่วยองค์หญิงเหยาหวา?”

ข้าเคยได้ยินมาว่าการฆ่าคนนั้นมีความผิด แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าการไม่ช่วยเหลือคนจะมีความผิด ไม่รู้ว่าทางซีหลิงตั้งกฎหมายข้อนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ องค์หญิงเหยาหวาป่วย ข้าเฟิ่งชิงเฉินจำเป็นต้องให้การรักษา หากไม่ให้การรักษาข้าจะมีความผิด

ชิ จักรพรรดิไม่เคยใช้เหตุผลมี แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าจักรพรรดิไร้เหตุผล

“เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะไม่ไปช่วยรักษาเหยาหวาใช่หรือไม่?” ซีหลิงเทียนเหล่ยมองข้ามเรื่องที่ไร้ประโยชน์ของตนเองและดึงกลับมายังหัวข้อหลัก ตอนแรกคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางไปอย่างแน่นอน เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจะเปลี่ยนไป

“องค์รัชทายาทเหล่ย ในเมื่อเจ้ากระตือรือร้นที่จะมาเชิญข้าไปช่วยองค์หญิงเหยาหวาด้วยตนเอง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้ นอกเสียจากองค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าจะเห็นด้วยว่า ไม่ว่าองค์หญิงเหยาหวาจะเป็นหรือตาย เรื่องทั้งหมดจะไม่เกี่ยวข้องกับข้า ในตอนที่ข้าช่วยองค์หญิงเหยาหวา หากองค์หญิงเหยาหวาสิ้นลมหายใจ เจ้าก็ห้ามมาถามถึงความรับผิดชอบจากข้า”

เฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจะกล้ารับปาก ขนาดนางเองยังไม่กล้ารับประกันว่าระหว่างกระบวนการรักษา นางจะไม่พลั้งมือฆ่าเหยาหวา แล้วซีหลิงเทียนเหล่ยจะเชื่อใจนางได้อย่างไร

“เจ้า......” เฟิ่งชิงเฉินเดาถูก ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่กล้าเดิมพัน

ข้อแรก อาการของเหยาหวายังไม่หนักถึงขั้นว่ามีเพียงเฟิ่งชิงเฉินคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรักษาได้ ข้อสอง จากเรื่องที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเหยาหวาได้รับความเวทนาจากตงหลิงจื่อชุน เหยาหวายังมีประโยชน์ หากนางตายลงด้วยเนื้อมือของเฟิ่งชิงเฉิน แบบนั้นจะเสียหายเป็นอย่างมาก

แต่หากซีหลิงเทียนเหล่ยปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปแบบนี้ เขาไม่มีทางทำใจได้ ทั้งสองคนสู้กันด้วยสายตา ตงหลิงจื่อชุนรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายหนาวสั่น เขาอยากเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทพผู้สังหารทั้งสอง นอกจากอ้าปากเขาก็พูดอะไรไม่ออก

ในตอนนั้นเอง ซุนซือสิงถือกล่องยาเดินเข้ามา “อาจารย์......”

แค่เอ่ยปากก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศนั้นผิดปกติ ซุนซือสิงหันไปมองซีหลิงเทียนเหล่ยและตงหลิงจื่อชุน หลังพบว่าทั้งสองคนกำลังรังแกอาจารย์ของตนเอง แววตาอันใสสะอาดของเขาเต็มไปด้วยความโกรธทันที

หมอทึ่ม สมแล้วที่เป็นหมอทึ่ม สัมผัสไม่ได้ถึงจิตสังหารที่แพร่ออกมาจากร่างกายของซีหลิงเทียนเหล่ยและตงหลิงจื่อชุนด้วยซ้ำ พุ่งเข้าไปโดยตรง ขวางอยู่ด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน “องค์......องค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เห็นได้ชัดว่าถูกตกใจกับความแข็งแกร่งของซีหลิงเทียนเหล่ย แต่ซุนซือสิงก็ยังคงระงับความกลัว เผชิญหน้าต่อไป

อาจารย์ของเขาเพิ่งจะส่งแม่ทัพเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยินไปสู่สุคติ อารมณ์ของนางตกต่ำ คนพวกนี้ยังมาสร้างปัญหา ข้าว่ามันทำเกินไป

“ข้ากับชุนอ๋องมาที่นี่เพื่อเชิญอาจารย์ของเจ้าไปช่วยชีวิตคน” ซีหลิงเทียนเหล่ยพูดความประสงค์ของตนเองที่มาที่นี่ออกไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ลากตงหลิงจื่อชุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ในที่สุดตอนนี้ตงหลิงจื่อชุนก็มีโอกาสพูดออกมาแล้ว กล่าวอ้อนวอนออกมาว่า “ชิงเฉิน ข้ารู้เจ้ากับเหยาหวามีความขัดแย้งกัน แต่ขอให้เจ้าเห็นแก่เด็กที่ยังไม่ได้เกิดมา ช่วยทำการรักษาเหยาหวาด้วยเถิด”

ตงหลิงจื่อชุนรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เต็มใจช่วยเหลือเหยาหวา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเปิดไพ่ตายอันน่าเศร้า แต่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันเอ่ยปาก ซุนซือสิงก็พูดขึ้นมาก่อนแล้วว่า

“อะไรนะ? พวกเจ้าจะให้อาจารย์ของข้าไปช่วยองค์หญิงเหยาหวา? พวกเจ้าจะมากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงเหยาหวาจะเป็นหรือตายมันเกี่ยวอะไรกับอาจารย์ของข้า? นางเป็นคนไม่รักชีวิตของตนเอง ทำให้ชีวิตของตนเองและเด็กต้องเสื่อมเสีย ยังมีหน้าจะให้อาจารย์ของข้าไปช่วยนาง นี่มันเหตุผลอะไรของพวกเจ้า”

องค์รัชทายาทเหล่ย ชุนอ๋อง ข้าจะบอกพวกเจ้าเอาไว้ ไม่ต้องพูดว่าอาจารย์ของข้าสามารถช่วยเหลือองค์หญิงเหยาหวาได้หรือไม่ ถึงต่อให้ช่วยได้ อาจารย์ของข้าก็ไม่มีทางไปอย่างแน่นอน พวกเจ้าอย่ารังแกคนอื่นให้มากเกินไป ต่อให้พวกเจ้าเป็นองค์รัชทายาทก็ไม่สามารถมาสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ของข้า ในวันที่นางส่งพ่อและแม่ไปสู่สุคติ

ในพระราชวัง เมื่อพ่อแม่ของหมอหลวงตา สามารถหยุดไว้ทุกข์ได้สามปี แต่พวกเจ้ามันอะไรกัน ทำไมถึงได้มาหาอาจารย์ของข้าที่เพิ่งทำพิธีศพของพ่อแม่ในวันนี้ ไปรักษาผู้ป่วย พวกเจ้านี่มันอะไรกัน......”

ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ซุนซือสิงก็มีความกล้าหาญขึ้นมา แต่การกระทำของซีหลิงเทียนเหล่ยนั้นมันรังแกกันมากเกินไป เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงเหยาหวาอุ้มท้องของตนเพื่อมาสร้างปัญหาให้เฟิ่งชิงเฉิน สุดท้ายทำไม่สำเร็จกลับหันมาขอร้องให้เฟิ่งชิงเฉินไปรักษา นี่พวกเขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่มนุษย์หรืออย่างไร

การกระทำเช่นนี้มันเหมือนกับว่า ตบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแล้วหันไปถามองค์หญิงเหยาหวาว่าเจ็บหรือเปล่า มัน มันเกินไปจริงๆ

กระต่ายตกใจยังกล้ากัดคน แต่นี่ซุนซือสิงไม่ใช่กระต่าย

“ช่วยชีวิตคนหนึ่งคน บุญกุศลของมันมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เฟิ่งชิงเฉินจัดพิธีศพให้พ่อแม่ของนางในวันนี้ การช่วยชีวิตเหยาหวาก็ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ที่ส่งให้พ่อแม่ของนางไปสู่สุคติ มันมีอะไรไม่เหมาะสมกัน” ซีหลิงเทียนเหล่ยหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ หันเข้าหาปัญหาเล็ก พูดถึงเรื่องคุณธรรม แต่เขาแอบได้ยินคำพูดรั่วไหลมาจากซุนซือสิง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ไม่ช่วย แต่ช่วยไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ