สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา!
ไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินไม่อยากพูด แต่เป็นเพราะความกลัวของหวังจิ่นหลิงและความไม่สบายใจของเสด็จอาเก้า ทำให้เฟิ่งชิงเฉินพูดไม่ออก อีกอย่างเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พูดหรือไม่พูดมันก็ไม่ต่างกัน
พวกเขาต่างเข้าใจ เรื่องบางเรื่องเมื่อพูดออกมาแล้วจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จะพูดหรือไม่พูดมันก็ไม่สำคัญ หากไม่มีอะไรน่าสงสัย เฟิ่งชิงเฉินจะรับรู้ถึงการทดสอบของพวกเขาได้อย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินยืนถามพวกเขาอยู่ตรงนี้ นั่นเท่ากับว่านางได้ยอมรับในข้อสงสัยของพวกเขา นางไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉินคนเดิม เฟิ่งชิงเฉินคนเดิมได้ตายไปแล้ว!
เงียบ......เงียบสงัด แม้แต่สายลับที่ซ่อนตัวอยู่ก็ทนไม่ไหว พวกเขาแอบเช็ดเหงื่อ คืนวันอันหนาวเหน็บ สายลมพัดทำให้เย็นถึงกระดูก ขนาดพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวยังมีเหงื่อออกมากถึงขนาดนี้ ฉากที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างกดดันพวกเขาเหลือเกิน
ท้องฟ้าสีเทา สีอันจืดชืด ทั้งสามคนยืนอยู่นอกบ้านที่เต็มไปด้วยท้องนา นิ่งราวกับภาพวาด ภาพนี้งดงามมาก แต่บรรยากาศหนักอึ้งเกินกว่าที่ใครจะทนได้
สุดท้ายภาพวาดก็เคลื่อนไหว......แต่มันไม่เหมือนกับที่ทุกคนกำลังคิด กลับไปเหมือนตอนแรก เฟิ่งชิงเฉินนำมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ผลักหวังจิ่นหลิงออกไป เดินกลับไปยังห้องของตนเองโดยไม่หันกลับมามอง ตลอดการเคลื่อนไหวของนาง นางไม่ได้ชายตามองเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย
นี่คือการจบบทสนทนาในครั้งนี้ ด้วยความเจ็บปวดของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าผู้เฉยเมยและหวังจิ่นหลิงต่างตำหนิตนเอง หวังจิ่นหลิงจ้องมองเงาหลังของเฟิ่งชิงเฉินที่ลับตาออกไป แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่แม้แต่หันกลับมา ไม่พูดอะไรกับเสด็จอาเก้าสักคำ หากมีวันหนึ่งเฟิ่งชิงเฉินตัดสินใจจากไป นางจะต้องจากไปอย่างไร้ความรู้สึก และไม่มีทางหันกลับมา......
เสด็จอาเก้าเองก็เช่นกัน มองเฟิ่งชิงเฉินที่เดินจากไปไกล ในวินาทีนั้นเขารู้สึกว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะเดินออกไปจากชีวิตของเขา
ยื่นมือออกไป แต่มันไกลเกินไป......ระยะห่างระหว่างพวกเขามันช่างแสนไกล ไกลขนาดที่แม้เขาจะยื่นมือออกมาก็สัมผัสไม่ได้แม้แต่เส้นผมของเฟิ่งชิงเฉิน
เสด็จอาเก้าคิดจะตามไป แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่เปิดโอกาสให้เขา ปัง......เสียงปิดประตูดังขึ้น ชายทั้งสองถูกขังไว้ด้านนอก
วินาทีที่ประตูปิดลง หลังของเฟิ่งชิงเฉินพิงกำแพง ร่างของนางค่อย ๆ เลื่อนลงไปตามประตู มือทั้งสองข้างกอดเข่า แอบร้องไห้ออกมา
ปัง......ด้วยเสียงปิดประตู หัวใจของเสด็จอาเก้ารู้สึกเจ็บปวด ดึงมือที่ยื่นออกไปกลับมา กุมไว้ตรงหัวใจของตนเอง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเสด็จอาเก้ามีน้ำตาไหลออกมา
ไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ไม่มีการนองเลือด แต่หัวใจกลับเจ็บปวดถึงขนาดนี้
น่าเสียดาย เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงไม่มีเวลามากพอใจการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ชุยห้าวถิงพร้อมกับองครักษ์ตระกูลชุย ปรากฏตัวขึ้นในลานขนาดเล็กตามที่ตกลงกันไว้
เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงจัดการกับอารมณ์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยชุยห้าวถิงไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของพวกเขาสองคน หลังจากกล่าวคำทักทาย ชุยห้าวถิงเข้าปัญหาหลัก บอกว่าต้องการพาตัวของหลานอีหลินกลับไป
ใครก็ไม่ใช่คนโง่ ชุยห้าวถิงไม่ได้ปิดบังตัวตนของหลานอีหลิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากมาย สามารถหาข้อมูลได้มากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง
“คนที่ยอมจ่ายสองแสนแผ่นทองเพื่อเอาชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินเป็นใคร?” เสด็จอาเก้าไม่อ้อมค้อม ถามออกไปโดยตรง
อารมณ์ของเขาในวันนี้ ไม่เหมาะกับการใช้ไหวพริบต่อสู้กับชุยห้าวถิง
“ฮูหยินแห่งผู้นำเผ่าเสวียนเซียวกง” เห็นได้ชัดว่าชุยห้าวถิงเองก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี โดยพื้นฐานแล้วตระกูลชุยพอจะเดาออกว่าเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงต้องการเอาตัวของหลานอีหลินมาแลกกับอะไร
สิ่งที่สองคนนี้ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือเฟิ่งชิงเฉิน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองคนจะไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไร
เป็นนางอย่างที่คิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...