บทที่ 797 หลักฐาน พิสูจน์ว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 797 หลักฐาน พิสูจน์ว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
คดีตกอยู่ในวังวนอันแปลกประหลาด เฟิ่งชิงเฉินถูกกำหนดให้เป็นจำเลยอย่างชัดเจน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้กล่าวหา อำนาจในการพิจารณาคดีดูเหมือนจะอยู่ในมือของหัวหน้าศาลต้าหลี่ แต่หัวหน้าศาลต้าหลี่กลับรู้สึกว่าตนเองอยู่ในการควบคุมของเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะจงใจทำให้ทุกคนเข้าใจผิด แต่ไม่ต้องการให้หัวหน้าศาลต้าหลี่ถามอะไรไปมากกว่านี้ นางชี้ไปยังเสื้อผ้าของตนเองและอธิบายออกมา
“เสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่เมื่อวานนั้นเปื้อน เสื้อผ้าที่ข้าสวมอยู่ในตอนนี้นั้นมาจากจวนอ๋องเก้า ใต้เท้าสามารถไปตรวจสอบที่จวนอ๋องเก้า ไปดูว่ามีการตัดชุดนี้อยู่จริงหรือไม่ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้
แค่ใต้เท้าส่งคนไปตรวจสอบจวนอ๋องเก้าก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนวานข้าอยู่ที่ไหน องครักษ์เสื้อโลหิตชอบใส่ร้ายผู้อื่นจนเป็นนิสัย โชคดีที่เมื่อคืนข้าไม่ได้ออกไปด้านนอก ไม่อย่างนั้นคงตกเป็นจำเลยโดยไม่สามารถปฏิเสธได้”
หลักฐานที่อยู่ของเฟิ่งชิงเฉินถูกพิสูจน์อย่างชัดเจน เสื้อผ้าชุดนี้ได้จัดเตรียมเอาไว้โดยจวนอ๋องเก้าตั้งแต่เดือนที่แล้ว ต่อให้ศาลต้าหลี่และองครักษ์เสื้อโลหิตส่งคนไปตรวจสอบ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่กลัว เนื่องจากนางคงไม่ได้วางแผนในการบุกเรือนจำเพื่อช่วยซุนซือสิงตั้งเดือนที่แล้วหรอกใช่ไหม?
ต้องรู้ก่อนว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซุนซือสิงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับองครักษ์เสื้อโลหิต ดังนั้นหากกล่าวหาว่าเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
การวางแผนของเฟิ่งชิงเฉิน แม้จะดูเร่งรีบและกระชั้นชิด แต่ทุกอย่างกลับลงตัวจนน่ากลัว องครักษ์เสื้อโลหิตไม่มีทางหาจุดเริ่มต้นได้
หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาทำได้เพียงจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างว่างเปล่า คิดจะหาร่องรอยของการโกหกบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน แต่กลับไม่พบเห็นสิ่งใด ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินไม่มีสิ่งใดแสดงออกมา ไม่ว่านางจะพูดอะไร สีหน้าและดวงตาของนางมีแต่ความดูถูกเหยียดหยามเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาด้วยความสงบ แต่คำพูดของนางราวกับพายุฝนอันรุนแรง ทำให้ทุกคนหลงทาง และไม่สามารถหาต้นตอของพายุได้
เมื่อคืนเหนื่อยมาก หลับลึกไปหน่อย เสื้อผ้าเปื้อน จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เสด็จอาเก้าเป็นคนเตรียมให้ ทำพูดทั้งหมดนี้ ความหมายของมันเปิดเผยออกมาด้วยตัวของมันเอง นั่นหมายความว่าเมื่อคืนเสด็จอาเก้าต้องทำเรื่องที่ไม่ปกติกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่นอน
แม้เฟิ่งชิงเฉินจะอยู่ที่จวนอ๋องเก้าตั้งแต่ช่วงค่ำ แต่เสด็จอาเก้าก็เคยพูดออกมาแล้วว่าเสด็จอาเก้าคือผู้หญิงของเขา และเฟิ่งชิงเฉินเองก็พูดออกมาว่า เมื่อคืนนางอยู่กับเสด็จอาเก้าตลอดเวลา เรื่องนี้ช่างกระตุ้นความสนใจของผู้คนยิ่งนัก
ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขาไม่มีความกล้าจะไปถามเสด็จอาเก้า แต่มีความกล้าที่จะถามเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเมื่อคืนเฟิ่งชิงเฉินพักอยู่ที่จวนอ๋องเก้าจริง
และเฟิ่งชิงเฉินก็ได้คลายข้อสงสัยก่อนหน้านี้ทั้งหมดอย่างชัดเจน ตอนนี้แม้องครักษ์เสื้อโลหิตต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินนำเสื้อผ้าชุดเมื่อวานออกมาก็เป็นไปไม่ได้ ต่อให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเก้าเพื่อขอเสื้อผ้าชุดที่เฟิ่งชิงเฉินสวมใส่เมื่อวาน คนของจวนอ๋องเก้าก็ไม่มีทางมอบให้พวกเขา และหากถามว่าทำไม พวกเขาก็แค่ตอบว่ามันหายไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินใช้จวนอ๋องเก้าเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้นางสามารถทิ้งเสื้อผ้าตัวซึ่งนางสวมใส่เมื่อวานได้ไปพร้อมกัน ซึ่งทุกอย่างลงตัวโดยไม่มีข้อกังขา
ในตอนนี้แม้แต่หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเองก็รู้สึกนับถือในตัวเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากคำถามที่เขาจะถามต่อไปมันเกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าซึ่งเฟิ่งชิงเฉินสวมใส่เมื่อวาน
เสื้อผ้าที่เฟิ่งชิงเฉินสวมใส่เมื่อคืนวานแปดเปื้อนไปด้วยเลือดและยาขององครักษ์เสื้อโลหิต ขอแค่เฟิ่งชิงเฉินนำมันออกมา ไม่ว่าเสื้อผ้าชุดนั้นจะถูกซักสักกี่ครั้ง พวกเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเมื่อคืนเฟิ่งชิงเฉินเดินทางมายังองครักษ์เสื้อโลหิต
และหากเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมนำเสื้อผ้าออกมานั่นก็แสดงว่านางไม่บริสุทธิ์ใจ ทำลายเสื้อผ้าทิ้ง แบบนั้นองครักษ์เสื้อโลหิตจะกล่าวหาเฟิ่งชิงเฉินต่อไปได้ แต่ตอนนี้เล่า?
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาด้วยตัวเองว่าได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่จวนอ๋องเก้า ตอนนี้ต่อให้องครักษ์เสื้อโลหิตพูดถึงเสื้อผ้า ก็เหมือนกับเดินไปตามทางที่เฟิ่งชิงเฉินวางไว้ จึงควรเอาเรื่องเสื้อผ้าไว้ก่อน ตอนนี้แค่พูดเรื่องที่พวกเขาดำเนินการล่าช้าเพียงเล็กน้อย กลับทำให้เฟิ่งชิงเฉินนำสิ่งเหล่านั้นมาสร้างความได้เปรียบ และบอกว่าพวกเขาองครักษ์เสื้อโลหิตจงใจทำให้นางต้องเดือดร้อน
หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาจ้องมองไปยังเฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าอันมืดมน เขาไม่อยากเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินจะหน้าด้านถึงเพียงนี้ ใช้เหตุผลที่ไร้ยางอายเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ เห็นได้ชัดว่าสิ่งซึ่งนางกล่าวมาเป็นเท็จ แต่พวกเขากลับไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นเสด็จอาเก้า หรือว่าคนในจวนอ๋องเก้า การปรากฏตัวของเขาคงมีแต่ช่วยเป็นพยานให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ว่าเมื่อคืนนางอยู่ในจวนอ๋องเก้าจริง
ในตอนนี้ ในที่สุดหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาก็เข้าใจว่าผู้ซึ่งเคยถูกกล่าวหาโดยองครักษ์เสื้อโลหิตนั้นรู้สึกโกรธและคับแค้นใจมากแค่ไหน นี่คือความรู้สึกของการถูกใส่ร้าย มันไม่ต่างอะไรกับการบังคับให้กลืนอุจจาระ มันช่างยากจะยอมรับ
ยิ่งองครักษ์เสื้อโลหิตรู้สึกอึดอัดมากเท่าไหร่ เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เหลือบตามองคนขององครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหวอย่างท้าทาย ท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินปราศจากซึ่งความกลัว ขอแค่คนพวกนี้หาตัวซุนซือสิงไม่พบ ก็อย่าหวังว่าจะมาเอาผิดนาง
เฟิ่งชิงเฉินมีหลักฐานชัดเจน พิสูจน์ว่าเมื่อวานนางไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ องครักษ์เสื้อโลหิตกล่าวคำเท็จ หัวหน้าศาลต้าหลี่และรองฝั่งซ้ายขวามองหน้ากัน ทั้งสามแสดงรอยยิ้มที่เหน็ดเหนื่อยออกมาจากสายตา และในขณะเดียวกัน ความอยากรู้และความสงสัยของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้น
ข้อความซึ่งฟังดูแล้วกำกวมในตอนแรก ตอนนี้ทุกอย่างถูกอธิบายออกมาอย่างชัดเจน คลายความสงสัยในใจของผู้คน ไม่เพียงแค่สามารถรักษาชื่อเสียงของตนเองต่อไปได้เท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรที่ดูน่าสงสัย แต่......
“ผู้หญิงไร้ยางอาย นางพูดออกมาแล้ว” ตงหลิงจื่อลั่วได้ยินก็รู้สึกไม่พอในใจคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าการพูดเช่นนี้จะดูเหมือนนางกับเสด็จอาเก้าไม่ได้มีอะไรกัน แต่มันก็แอบเป็นสัญญาณบ่งบอกว่านางเป็นนายหญิงผู้มีอำนาจในจวนอ๋องเก้า
นายหญิง? นายหญิงของจวนอ๋องเก้า เฟิ่งชิงเฉินฝันไปเถอะ
ตงหลิงจื่อลั่วกำมือแน่น ดวงตาทั้งสองข้างแหลมคม จ้องมองมายังเฟิ่งชิงเฉินราวกับต้องการเอาชีวิตของนาง
“น้องเจ็ด เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง” องค์ชายรองถูกคนพบตัว จึงรีบดึงตงหลิงจื่อลั่วเข้าไปยังมุมห้อง
บ้าที่สุด เฟิ่งชิงเฉินก็แค่เล่าเรื่องในสิ่งที่ตนเองทำกับเสด็จอาเก้าไม่ใช่หรือไง รวมถึงเล่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจวนเฟิ่งกับจวนอ๋องเก้า มันมีอะไรน่าโกรธอย่างนั้นหรือ
น้องเช็ดไม่ต้องการเฟิ่งชิงเฉินแล้วหรือไง ทำไมเมื่อได้ยินว่าเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้วยกันแล้วถึงมีท่าทางเช่นนี้ เข้าข้างอีกฝ่าย พลังของการถูกสวมเขามันน่าหวาดกลัวเสียจริง
เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ถึงความผิดปกติจากทางด้านหลัง แต่เมื่อหันกลับมาดูก็ไม่พบเห็นสิ่งใด เฟิ่งชิงเฉินแอบสงสัยว่าตนคิดมากเกินไป วันนี้เป็นธรรมดาที่องครักษ์เสื้อโลหิตจะส่งสายลับออกมา การที่นางถูกจ้องมองจากผู้คนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
การจับตาดู ตอนนี้นางไม่มีเวลาไปจัดการกับมัน ตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำคือบีบคั้นให้องครักษ์เสื้อโลหิตนำตัวซุนซือสิงออกมา ทำให้องครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหววุ่นวายมากที่สุด หลังจากนั้นค่อยพิสูจน์หลักฐาน หลักฐานว่าองครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหวร่วมมือกันโยนความผิดให้กับซุนซือสิง
ศิษย์ของนางจะถูกทรมานโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ จวนซุ่นหนิงโหวและองครักษ์เสื้อโลหิตจะต้องออกมาชดใช้เรื่องนี้ และผู้บงการเบื้องหลังเล่า?
ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องสืบหาให้จงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...