นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 829

“แม่นางรับราชโองการ......”

กงกงบุกเข้ามาในจวน หายใจหอบ เปิดปากและอ่านออกมาในทันใด

ความหมายโดยสรุปคือ สนมเอกเซี่ยมีเลือดไหลไม่ยอมหยุด มีสัญญาณของการแท้ง หมอหลวงทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นว่าบุตรแห่งมังกรกำลังจะหายไป ตระกูลเซี่ยจึงทูลจักรพรรดิให้เชิญเฟิ่งชิงเฉินมาทำการรักษา จักรพรรดิเห็นด้วย ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าวังโดยด่วน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาเด็กในท้องของสนมเอกเซี่ยคนนี้เอาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นอาจต้องแลกมาด้วยชีวิตของเฟิ่งชิงเฉิน

เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินยังคงคุกเข่าฟังราชโองการ ขันทีก้าวไปด้านหน้าอย่างร้อนรน พยุงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า “แม่นางเฟิ่ง ท่านรีบหน่อย เวลานี้ทุกคนกำลังรอให้ท่านไปช่วยชีวิตคน หากช่วยมิได้อาจส่งผลร้ายแรงต่อตระกูล ท่านใจเย็นอยู่แบบนี้ได้อย่างไร?”

ส่งผลร้ายแรงต่อตระกูล? เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกขันในใจ ทั้งจวนเฟิ่งมีแค่นางเพียงคนเดียว เอาครอบครัวมาขู่นางมันไม่เกิดประโยชน์ แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่มีความสามารถในการปฏิเสธ นางจึงทำได้แค่คำนับขันทีและกล่าวออกไปว่า “เซี่ยกงกง ชิงเฉินขอเตรียมตัวสักครู่”

พูดจบนางก็หันหลังและเดินเข้าไปในลานด้านใน เดินอย่างสงบ ไม่มีวี่แววของความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ความสงบนี้ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่ตะลึงงัน เห็นกันอยู่ว่าเฟิ่งชิงเฉินได้รับพระราชโองการ หรือว่านางไม่เห็นพระราชโองการอยู่ในสายตา?

น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ ภายใต้พระราชโองการของจักรพรรดิ หากเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถช่วยเด็กในท้องของสนมเอกเซี่ยไว้ได้ ต่อให้เสด็จอาเก้าออกหน้าด้วยตนเองมันก็ไม่มีประโยชน์

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเคลื่อนไหวของนางเชื่องช้า ระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เฟิ่งชิงเฉินเตรียมอุปกรณ์รักษาเสร็จสิ้น สวมเสื้อคลุมสะอาด กลับไปพร้อมขันทีตามพระราชโองการของจักรพรรดิ

ตลอดทางมีองครักษ์คอยเปิดทางให้ รถม้าแล่นไปด้วยความรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าสนมเอกเซี่ยร้อนรนแค่ไหน

ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินก้าวเท้าออกจากจวนเฟิ่ง ข่าวเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว หากไม่มีองครักษ์ของจักรพรรดิเหล่านี้คอยเปิดทางให้ ไม่แน่คนเหล่านี้อาจลงมือขัดขวางไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าวังได้สำเร็จ ทำให้นางสูญเสียโอกาสในการช่วยเหลือชีวิตคน

พวกเขาไม่ได้ต้องการทำร้ายเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขาไม่อยากให้บุตรแห่งมังกรปลอดภัย วังหลังมีนางสนมอีกเจ็ดคนที่กำลังตั้งครรภ์ แต่สิ่งซึ่งล้ำค่าที่สุดนั้นก็คือเด็กในครรภ์ของสนมเอกเซี่ย หากเด็กในครรภ์ของสนมเอกเซี่ยนั้นหายไป บุตรของนางสนมพวกนั้นก็มีสิทธิ์เป็นบุตรแห่งมังกร

ผู้คนมีความคิดนี้มากมาย แต่ไม่มีใครกล้าลงมือแม้แต่คนเดียว ตระกูลเซี่ยไม่ใช่สัตว์กินพืช หากวันนี้ลงมือกับเฟิ่งชิงเฉิน และนางมีชีวิตรอดต่อไปได้ เช่นนั้นคนที่ลำบากคงเป็นพวกเขา

จวนหนิงกั๋วกง ฮูหยินแห่งหนิงกั๋วกงซื่อจื่อ เพิ่งจะปลอบโยนฝาแฝด จากนั้นก็รับไปหากั๋วกงฮูหยิน นำเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินเข้าวังมาเพื่อช่วยสนมเอกเซี่ยออกไปอย่างละเอียด

“ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด พวกเราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี” หนิงกั๋วกงฮูหยินดูเหมือนจะนั่งอยู่อย่างสงบ แต่ความเป็นจริงนางกังวลเป็นอย่างมาก

จะปล่อยให้สนมเอกเซี่ยรักษาบุตรแห่งมังกรไว้ได้อย่างไร จวนหนิงกั๋วกงของพวกเขาทุ่มเทไปไม่น้อย หากเฟิ่งชิงเฉินสามารถช่วยเด็กในครรภ์เอาไว้ได้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่ยังอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีกด้วย

ฮูหยินซื่อจื่อไม่ได้นิ่งสงบถึงขนาดนั้น เมื่อได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินมาช่วยคน นางก็พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร เสียแรงที่พวกเราดีกับนางเสียขนาดนี้ แต่นางกลับมอบยาช่วยตั้งครรภ์ให้กับคนอื่น ทำให้นางสนมในวังหลายคนตั้งครรภ์ และตอนนี้ยังมาช่วยสนมเอกเซี่ยรักษาเด็กในครรภ์อีก ข้าไม่รู้จะพูดยังไงจริง ๆ”

หนิงกั๋วกงฮูหยินเหลือบมองฮูหยินซื่อจื่อ กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่รู้จะพูดอะไร? เจ้าบอกว่าไม่รู้จะพูดอะไรกับใคร อย่าลืม คนที่ช่วยชีวิตแม่ของพวกเจ้าทั้งสามก็คือเฟิ่งชิงเฉิน หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้หญ้าคงขึ้นหลุมศพของแม่เจ้าไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณจวนหนิงกั๋วกงของพวกเรา ตรงกันข้าม พวกเราต่างหากที่เป็นหนี้บุญคุณนาง จวนหนิงกั๋วกงปฏิบัติดีต่อนาง? ดีตรงไหน? มอบเงินให้ก็ถือว่าดีแล้วงั้นหรือ? เกิดเรื่องขึ้นกับศิษย์ของเฟิ่งชิงเฉิน หนิงกั๋วกงได้ช่วยนางบ้างหรือไม่? งานศพของแม่ทัพเฟิ่งกับเฟิ่งฮูหยิน จวนหนิงกั๋วกงของพวกเราช่วยอะไรบ้าง? เจ้าบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร แต่ข้ากลับมองว่าคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรเป็นเจ้ามากกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ