เฟิ่งชิงเฉินหยุดฝีเท้าลงแล้วกำลังจะหันมากลับไป ลู่เส้าหลินจึงได้เอ่ยขึ้นอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมที่ข้างหูของนางว่า "เฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของเจ้างดงามยิ่งนัก ราวกับมันสามารถพูดได้ อย่าให้ข้ามีโอกาสควักลูกตาเจ้ามาทำสุราล่ะ"
ลู่เส้าหลินไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอะไร เนื่องจากผู้ที่มีจิตใจดีคงไม่อาจนั่งในตำแหน่งเขาได้
"ใต้เท้าลู่ โปรดวางใจเถิด ท่านไม่มีโอกาสนั้นแน่" เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนจะก้าวขาเดินออกไปข้างนอก
เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่อยู่ข้างหลังเห็นดังนั้นล้วนตกตะลึง
คุณหนูเฟิ่งซึ่งมีความสามารถยิ่งนัก
เนื่องด้วยว่าคนเบื้องบนกำชับมาแล้วว่านางเป็นคนที่ต้องให้ "การต้อนรับเป็นอย่างดี" แต่นางกลับมีความสามารถทำให้ใต้เท้าลู่ปล่อยนางไปได้
เก่งกาจ เก่งกาจยิ่งนัก
เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนมีความสามารถเช่นกัน เมื่อพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดเล่ากล้าคิดจะจัดการกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ละคนล้วนพยายามแย่งกันเอาอกเอาใจเฟิ่งชิงเฉิน
ทั้งยาทาแผล น้ำร้อน ผ้าไหม ผ้าห่ม ไม่ว่าต้องการอะไรล้วนมีทุกอย่าง เมื่อนึกถึงว่าด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉินมีบาดแผล พวกเขายังได้เชิญหมอหญิงมาใส่ยาให้แก่เฟิ่งชิงเฉินด้วย
เช่นนี้เรียกว่าเฟิ่งชิงเฉินติดคุกอยู่หรือ นี่นางกำลังอยู่ในคุกองครักษ์เสื้อโลหิตที่เรียกว่าไม่ตายก็สาหัสหรือ นางกำลังพักผ่อนอยู่ต่างหาก
ช่างน่าเห็นใจอวี่เหวินหยวนฮั่ว โจวสิง หวังชี ซูฉีและคนอื่นเหลือเกิน ที่เป็นห่วงกังวลนางจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
......
หลังจากกินอิ่มนอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว เช้าวันที่สองเมื่อเฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมานางก็กระปรี้กระเปร่า บาดแผลบนร่างกายเนื่องจากถูกรักษาได้ทันเวลาจึงดีขึ้นไม่น้อย
ในขณะที่กำลังรับประทานอาหารเช้าไปได้ครึ่งหนึ่ง ลู่เส้าหลินก็เดินตรงเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองดูลู่เส้าหลินด้วยใบหน้าที่สดใส จึงรู้ว่าว่ายาเม็ดสีฟ้าเล็กๆ นั้น ออกฤทธิ์ได้เป็นอย่างดี
เฟิ่งชิงเฉินดีใจยิ่งนัก แต่ใบหน้าของนางมิได้เผยออกมาถึงความดีใจหรืออย่างไร เพียงยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน "ใต้เท้าลู่ รับประทานมื้อเช้าหรือยัง ร่วมรับประทานด้วยกันดีหรือไม่ อาหารเช้าขององครักษ์เสื้อโลหิตไม่เลวเลย"
มันอร่อยและดีกว่าตอนที่นางกินในจวนเฟิ่งเสียอีก เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินช่างยากจนยิ่งนัก
"อืม ข้ายังไม่ได้กินจนอิ่ม จะได้นั่งกินเป็นเพื่อนคุณหนูเฟิ่ง" เมื่อกล่าวจบเขาก็นั่งลงไปโดยไม่รู้สึกรังเกียจ
บรรดาเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังจ้องมองเสียจนลูกตาแทบกระเด็นออกมา
นายท่าน! ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือไร?
ใต้เท้าลู่ของพวกเขา ผู้ที่ได้รับสมญานามว่ามัจจุราชลู่ ในวันนี้ไม่เพียงแต่เดินทางมายังองครักษ์เสื้อโลหิตด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม แต่กลับนั่งรับประทานมื้อเช้ากับนักโทษในคุก เรื่องนี้หากเผยแพร่ออกไปคาดว่าคงไม่มีใครเชื่อ
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คุณหนูเฟิ่งมีเสน่ห์อะไรตรงไหนกัน จึงทำให้ใต้เท้าลู่อนุโลมให้นางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ประหลาด น่าประหลาดใจยิ่งนัก!
เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย มองไปทางเฟิ่งชิงเฉินด้วยดวงตาอันลุกร้อน
เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ "ทหารของใต้เท้าลู่ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาเหลือเกิน ถูกพวกเขาจับตามองอยู่เช่นนี้ ชิงเฉินไม่กล้าแม้แต่จะรับประทานอาหารเลย"
ลู่เส้าหลินกำลังคิดหาโอกาสจะสนทนากับเฟิ่งชิงเฉินเพียงลำพังอยู่แล้ว เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ก็ได้รีบฉวยโอกาสใช้อำนาจไล่ทุกคนให้ออกไป
"คุณหนูชิงเฉินช่างเป็นผู้ประหลาดนัก แม่ทัพเฟิ่งมีบุตรสาวซึ่งมีความสามารถเยี่ยงนาง ต่อให้ตายก็ตายตาหลับแล้ว จะว่าไปข้าและแม่ทัพเฟิ่งก็นับว่าอยู่ในรุ่นเดียวกัน เพียงแต่ตอนนั้นแม่ทัพเฟิ่งเป็นทหารระดับสามแล้ว แต่ข้ายังคงเป็นทหารผู้ต่ำต้อย" ลู่เส้าหลินยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วสนทนากับเฟิ่งชิงเฉินเพื่อกระชับความสัมพันธ์
ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อโลหิตต้องการจะสร้างความสัมพันธ์กับเจ้า เจ้าจะปฏิเสธหรือ?
แน่นอนว่าคงไม่
ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งมีใจหนักแน่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ ส่วนอีกคนหนึ่งให้ความร่วมมือยิ่งนัก เพียงแค่สองสามประโยค เฟิ่งชิงเฉินก็เปลี่ยนคำเรียกจากลู่เส้าหลินเป็นท่านลุงลู่ ส่วนลู่เส้าหลินเองก็ได้เรียกนางเพียงแค่หลานชิงเฉิน
หากผู้ใดที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่าทั้งสองคนเป็นลุงหลานกันจริงๆ
แท้จริงแล้วทั้งสองคนนี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าและจิ้งจอกสาว หลังจากรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ลู่เส้าหลินก็ได้รับยาเม็ดเล็กๆ สามเม็ดมาจากมือของเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนเฟิ่งชิงเฉินก็ได้รับอำนาจในการเดินไปไหนมาไหนตามอำเภอใจในคุกขององครักษ์เสื้อโลหิต
แน่นอนว่ายังมีการแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างใหญ่โตอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือเฟิ่งชิงเฉินจะต้องให้ยาแก่ลู่เส้าหลินอย่างไม่มีจำกัด โดยเงื่อนไขคือเฟิ่งชิงเฉินจะต้องออกไปได้อย่างไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ