นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 917

หลังจากเย่เย่ได้รู้จากปากจักรพรรดิว่ามือสังหารคือราชวงศ์ซีหลิง เขาได้ทำการแอบตรวจสอบด้วยตนเองและพบว่าเป็นฝีมือของคนจากซีหลิงโดยแท้จริง เย่เย่สงบสติอารมณ์และขังตัวเองไว้ในห้องทั้งวัน

“เป็นผู้แข็งแกร่งที่ชอบรังแกผู้ซึ่งอ่อนแอกว่า”

เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงความเย่อหยิ่งของเย่เย่ที่มาบุกรุกจวนของนางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ “เหตุใดจึงไม่เห็นเขาไปบุกรุกและทำลายประตูพระราชวังซีหลิงบ้าง เป็นผู้ชายไร้น้ำยาเสียจริง”

ทงจือและทงเหยายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พระราชวังซีหลิงนั้นนำมาเทียบกับจวนเฟิ่งไม่ได้ ต่อให้เย่เย่มีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า เขาก็ไม่กล้าไปก่อความวุ่นวายถึงพระราชวังซีหลิง ถึงเวลาเขายังไม่ทันเดินทางไปถึงพระราชวังด้วยซ้ำ เขาคงถูกคนจับกุมตัวไว้ก่อน

เฟิ่งชิงเฉินง่ายต่อการรังแก แต่ราชวงศ์ซีหลิงนั้นไม่ง่ายที่จะยั่วยุ ต่อให้เย่เย่โอหังและไม่รู้กาลเทศะสักแค่ไหน เขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถพาคนไปบุกซีหลิงได้ แม้กระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่หลักฐานไม่เพียงพอ เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทนระงับความโกรธ ทำเป็นว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

เย่เย่ขังตัวเองอยู่ทั้งวัน หลังจากออกมาแล้วเขาเขียนข้อความร้องขอเชิญตัวฝู่หลินกลับสู่เมืองเย่เฉิง จักรพรรดิเห็นด้วย และพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานของเย่เย่อย่างไม่เป็นทางการ หวังว่าเย่เย่จะสามารถจัดพิธีแต่งงานขึ้นได้ภายในร้อยวัน เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่แสดงความกตัญญูต่อบิดาที่เสียชีวิตภายในสามปีและพลาดโอกาสหาคู่ครองไป

เย่เย่ปฏิเสธโดยอ้างว่าภายในร้อยวันนั้นเร็วเกินไป เขากล่าวว่าให้รอผ่านสามปีแห่งความกตัญญูไปก่อนแล้วค่อยพูดคุยเรื่องการแต่งงาน จักรพรรดิไม่พอใจ เย่เย่จึงบอกว่าสามารถนำทหารของตงหลิงเข้าเมืองเย่เฉิงเพิ่มได้อีกห้าพันนาย จักรพรรดิถึงพอใจ

“ช่างเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรู้สึกเสียจริง” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มอย่างดูถูก

เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว ถึงขั้นยอมทิ้งหน้าที่และเมืองเย่เฉิง นางมองเห็นความเสื่อมโทรมของเมืองเย่เฉิงแล้ว หากไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น จักรพรรดิก็สามารถบีบคั้นเมืองเย่เฉิงได้มากขึ้น และการที่ยอมให้ทหารม้าอีกห้าพันนายเข้าเมือง สำหรับเมืองเย่เฉิงแล้วมันคือการข่มขู่โดยแท้จริง

ทหารห้าพันนายไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ มีเพียงคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องของการทหารอย่างเย่เย่เท่านั้นถึงยอมอนุญาตให้ตงหลิงนำทหารม้าอีกห้าพันนายเข้าเมือง

แต่สิ่งเหล่านี้นั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเฟิ่งชิงเฉิน สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินใจคือความช่วยเหลือด้านวัตถุและการค้าจำนวนมากที่จักรพรรดิมอบให้กับเมืองเย่เฉิง

เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าจักรพรรดิมองเห็นโอกาสจากการล่มสลายของเมืองเย่เฉิง และวางแผนที่จะลงโทษทางด้านเศรษฐกิจกับเมืองเย่เฉิง ถึงเวลานั้นเมืองเย่เฉิงคงทำได้เพียงพึ่งพาตงหลิง จนถึงขั้นมอบอำนาจในการปกครองเมืองเย่เฉิงให้

จักรพรรดิลงมือ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วและสั่งออกไปว่า “ดูเหมือนการโจมตีทางด้านการค้าจะไม่ได้ผล” ทงเหยา เจ้ากลับไปบอกกับตระกูลซูให้พวกเขาถอนกำลัง

เวลานี้เมืองเย่เฉิงเป็นบริวารของตงหลิง ไม่ใช่เมืองที่โดดเดี่ยวและไร้ความช่วยเหลืออีกต่อไป มันดูงี่เง่าเล็กน้อยสำหรับนางที่จะใช้กลอุบายเช่นนี้อีกครั้ง

เมืองเย่เฉิง......ดูเหมือนว่าคงต้องปล่อยให้เสด็จอาเก้าเป็นคนจัดการ รอให้ความขัดแย้งของจักรพรรดิและองค์รัชทายาทปรากฏออกมา จากนั้นก็ใช้หลักฐานเพียงเล็กน้อยที่มีอยู่ทำให้ความสัมพันธ์และการร่วมมือทั้งหมดล่มสลาย

แม้ว่าสิ่งซึ่งเกิดขึ้นกับเมืองเย่เฉิงในตอนนี้จะทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อลองคิดถึงสิ่งที่เมืองเย่เฉิงต้องเผชิญในอนาคต อารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินก็ดีขึ้นเป็นกอง

สำหรับเย่เย่แล้ว สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดนั้นไม่ใช่ชีวิตของเขา แต่เป็นการปล่อยให้เขาได้เห็นเมืองเย่เฉิงล่มสลายภายใต้การปกครองของเขาอย่างช้า ๆ และสุดท้ายก็เปลี่ยนผู้ปกครอง

หากต้องการแก้แค้น การสังหารอีกฝ่ายเป็นวิธีการซึ่งแย่ที่สุด การลงมือกับคนหรือสิ่งที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญจะเป็นอะไรที่ดีกว่า เช่นเดียวกับเย่เย่ที่เข้ามาขวางทางงานศพของพ่อแม่นางในตอนนั้น มันดูมีเหตุผลที่จะอวดดีมากกว่า

เวลานี้เย่เย่ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่แม่พระที่จะยืนเคียงข้างอีกฝ่ายยามทุกข์ใจ แต่นางพร้อมที่จะเหยียบย่ำอีกฝ่ายตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ