นับตั้งแต่เสด็จอาเก้าโตเป็นผู้ใหญ่ จักรพรรดิคิดที่จะมอบศักดินาอันไกลโพ้นให้แก่เสด็จอาเก้า หวังว่าจะขับไล่เสด็จอาเก้าออกไปจากเมืองจักรพรรดิ มอบศักดินาให้แก่เสด็จอาเก้า ปล่อยให้เขาปกครองและเป็นผู้นำในที่แห่งอื่น แต่ไม่รู้ว่าสายตาของจักรพรรดิมีปัญหาหรืออย่างไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นโอกาสเหล่านั้นเลย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เนื่องจากเหตุการณ์สุสานจักรพรรดิถูกทำลาย ทำให้เขาค้นพบโอกาส เสด็จอาเก้าเป็นคนมาขอบูรณะสุสานจักรพรรดิด้วยตนเอง แม้จะกล่าวว่าสงสัยในความสามารถของเขา แต่ที่ฝู่หลินพูดมานั้นก็ถูก สามารถขับไล่เสด็จอาเก้าออกไปยังสุสานจักรพรรดิอันไกลโพ้น ปล่อยให้เสด็จอาเก้าอยู่ที่นั่นแปดปีสิบปี ไม่ว่ามองอย่างไรเขาก็คือผู้ชนะ
เพียงอึดใจเดียว เรื่องทั้งสองเรื่องระหว่างเสด็จอาเก้าและจักรพรรดิได้รับการแก้ไข ทำให้จักรพรรดิรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เขาจึงให้ความสนใจที่จะปรนเปรอเหล่านางสนมในวังหลัง ขันทีข้างกายกล่าวออกมาว่า พวกเขายังไม่ได้จัดหาที่นอนให้พระสนมซูเหนียงเหนียงที่ตระกูลซูส่งมานั้น จักรพรรดิจึงโบกมือและให้คนพาพระสนมซูเหนียงเหนียงเข้าห้อง
สมแล้วที่ตระกูลซูได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่เริ่มด้วยสตรี สตรีที่เข้ามาในพระราชวังถึงแม้จะมีอายุไม่มาก แต่นางกลับมีความเชี่ยวชาญและทักษะในเรื่องพวกนี้สูง ด้วยรูปร่างที่สง่างามและมีเสน่ห์ เสียงที่พลิ้วไหวดุจสายลม คิ้วที่เป็นธรรมชาติ ทำให้จักรพรรดิเพลิดเพลินอย่างเต็มที่
เมื่อเห็นพระสนมซูเหนียงเหนียงกำลังนอนหายใจหอบอยู่ใต้ร่างกายของเขา เลือดของจักรพรรดิเดือดพล่าน รู้สึกว่าตนเองกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาจัดการกับพระสนมซูเหนียงเหนียงด้วยความรักอย่างเมามันในศึกแรกของพวกเขาไปสามถึงสี่ครั้ง
พระสนมซูเหนียงเหนียงเองก็ไม่ธรรมดา นางเปลี่ยนท่าเพื่อเอาใจจักรพรรดิ สตรีที่เพิ่งจะกลายเป็นเจ้าสาว ไม่ได้รู้สึกทุกข์ทรมานหรือขมขื่นกับการร่วมรักครั้งแรก ด้วยท่าทางและรูปร่างอันผอมบางของนาง ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากจะกลืนกิน
พระสนมซูเหนียงเหนียงเป็นสตรีที่มีสติปัญญาเป็นเลิศอย่างแน่นอน เมื่อจักรพรรดิแสดงอาการเหนื่อยล้า พระสนมซูเหนียงเหนียงรีบร้องขอความเมตตาออกมาทันที กล่าวว่าจักรพรรดิเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง นางทนไม่ไหว ต้องการให้จักรพรรดิไว้ชีวิตนาง
เวลานี้จักรพรรดิเองก็ไม่ไหว แต่จะบอกว่าไม่ไหวต่อสตรีที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร พระสนมซูเหนียงเหนียงกล่าวออกมาเช่นนี้ จักรพรรดิหัวเราะดังลั่น บีบหน้าอกอันอ่อนนุ่มของพระสนมซู “เจ้าปีศาจน้อย คืนนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
พระสนมซูกล่าวขอบคุณพร้อมกับนำร่างกายของตนเองถูไปบนร่างกายของจักรพรรดิ หลังจากความสนุกจบลง ท่าทางของจักรพรรดิดูดีขึ้นไม่น้อย แม้จะเหนื่อยจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่เขาก็ยังนอนไม่หลับ
พระสนมซูนอนอยู่ข้าง ๆ จักรพรรดิ พูดคุยกับจักรพรรดิอย่างนุ่มนวล สตรีที่ตระกูลซูเพาะเลี้ยงออกมานั้นฉลาดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่นอนก็คือ พวกนางสามารถรับมือกับเพศชายได้ดี
พระสนมซูพูดคุยกับจักรพรรดิเพียงไม่กี่คำ นางกล่าวว่าตนเองออกมาจากบ้านด้วยความไม่สบายใจ แต่โชคดีที่ได้มาเจอกับจักรพรรดิ นางรู้สึกเคารพและนับถือในตัวของจักรพรรดิมาก จากนั้นก็กล่าวอย่างช่ำชอง ขออนุญาตจักรพรรดิ ให้นางได้พบกับซูโหยว เพื่อเติมเต็มความเป็นพี่น้องของพวกนาง
จักรพรรดิได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีกับพระสนมซูมากขึ้น กล่าวว่านางเป็นที่มีความรักและความผูกพันอันลึกซึ้ง ในตอนที่พระสนมซูกล่าวว่านางออกจากบ้านมาเพื่อพบกับซูโหยวที่เป็นคนในครอบครัวของนาง จักรพรรดิไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด และอนุญาตอย่างไม่เห็นแก่ตัว
พระสนมซูรู้สึกขอบคุณ แต่นางดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย จักรพรรดิถามว่านางมีเรื่องไม่สบายใจอะไร พระสนมซูกล่าวออกมาแค่ว่านางรู้สึกเหนื่อย ขมวดคิ้วทั้งสองข้าง หลังจากนั้นไม่ว่าจักรพรรดิจะถามสิ่งใดออกมา พระสนมซูก็ไม่ตอบ แค่ฝืนยิ้มออกมาเท่านั้น
จักรพรรดิไม่พูดไปมากกว่านั้น เขาเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในหัวใจ ตอนที่จักรพรรดิเห็นหยดน้ำตาตรงขอบตาของพระสนมซู คิดถึงความรักที่พระสนมซูมีต่อซูโหยวและตระกูลซู จักรพรรดิรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ทำให้พระสนมซูไม่มีความสุขนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลซู และช่วงนี้ตระกูลซูก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือพ่ายแพ้การประลองให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ตระกูลซูต้องนำแผ่นป้ายประจำตระกูลลงมา และต้องทำลายชื่อเรียกของตระกูลซูแห่งหนานหลิงให้หายไปจากแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่
เรื่องแบบนี้จักรพรรดิเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่เมื่อเห็นสตรีผู้งดงามกำลังโศกเศร้า จักรพรรดิจึงตัดสินใจเรียกเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในพระราชวัง จากนั้นก็ให้ฮองเฮาสั่งสอน ตักเตือนนางว่าเป็นเพียงสตรีตัวน้อย ๆ อย่างทำเรื่องที่ไร้มารยาทจนเกินเหตุเช่นนี้
ไม่มีใครคุยเป็นเพื่อนจักรพรรดิ จักรพรรดิเองก็รู้สึกเหนื่อย โอบกอดพระสนมซูที่อ่อนเยาว์ ไม่นานก็เผลอหลับไป จักรพรรดิไม่รู้ ช่วงเวลาที่เขากำลังกอดหญิงสาวและนอนหลับใหล เวลานี้เหล่าขุนนางของเขากำลังเผชิญหน้ากับหายนะ
หลักการปฏิบัติของทหารม้าทมิฬนั้นไม่ต่างอะไรกับโจรผู้โหดเหี้ยม เสด็จอาเก้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสั่งสอนและฝึกฝนให้ทหารม้าทมิฬของเขาเป็นวีรบุรุษ ทหารม้าทมิฬที่อยู่ในมือของเสด็จอาเก้า ก็เหมือนกับอาวุธสังหารในมือของเสด็จอาเก้า
ทหารม้าทมิฬเป็นกองทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทหารม้าทมิฬหนึ่งพันนายถูกแบ่งออกเป็นสิบสี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีหกสิบกว่านาย ส่วนที่เหลือก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการขัดขวางเหล่าทหารที่เข้ามาเป็นกำลังเสริม
นี่คือการต่อสู้ของทหารม้าทมิฬ แม้เสด็จอาเก้าจะช่วยพวกเขาแทรกซึมเขามา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาอ่อนโยนกับองครักษ์ของเมืองจักรพรรดิเลย เพราะท้ายที่สุด การอ่อนโยนต่อองครักษ์ของเมืองจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หากเสด็จอาเก้ารับรู้ขึ้นมา พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่ต้องรับโทษ
ทหารม้าทมิฬหนึ่งพันนายถอดชุดเกราะอันสง่างามออก สวมเสื้อผ้าอันเบาบางราวกับผีเสื้อในยามค่ำคืน พวกเขาวิ่งไปตามถนนอย่างรวดเร็ว แต่ละกลุ่มมุ่งเป้าไปยังเป้าหมายของตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...