"เจ้าพูดอะไรกัน พวกข้าหาได้ช่วยอันใดจ้าไม่" เมื่อพูดตรงนี้อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกผิดยิ่งนัก
ท้ายที่สุดแล้ว ในบรรดาผู้คนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้จัก มีเพียงเขาผู้เดียวที่ได้เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ภายในกลุ่มขุนนาง อีกทั้งมิได้มีตำแหน่งเล็ก ๆ ด้วย แต่ทว่า เขาก็ไม่อาจออกหน้าช่วยอะไรเฟิ่งชิงเฉินได้เลย
"ข้ารู้ดี ว่าพวกเจ้าทำเพื่อข้ามามาก คำขอบคุณที่ซาบซึ้งอันใดข้าคงมิพูดให้มากความ เฟิ่งชิงเฉินหาใช่คนไม่รู้จักบุญคุณคนไม่ " ไม่อาจช่วยได้ มิได้หมายความว่าพวกเขาจะมิได้ช่วยเหลือนาง เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจได้เป็นอย่างดี
ยามที่นางต้องไปกับพวกองครักษ์เสื้อโลหิตนั้น แค่ซูเหวินชิงกับอวี่เหวินหยวนฮั่วมิได้ขีดเส้นแบ่งแยกกับนาง นี่ก็เป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่แล้ว ยังมีหวังจิ่นหลิงอีก
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ในยามนี้ เขายังยืนกร่านที่จะอยู่ข้างเดียวกับนาง หากว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ซาบซึ้งก็คงจะเป็นเรื่องโกหก ถึงแม้ว่าในยามนี้นางจะไร้อำนาจ แต่ทว่า นางก็ยังมีสหายที่จริงใจต่อนางเช่นกัน
"พอแล้ว พอแล้ว พวกเราอย่าได้มาพูดคุยกันตรงนี้เลย พี่เพิ่งจะออกมาจากองครักษ์เสื้อโลหิต รีบเข้ามานั่งเร็วเข้า หากมีเรื่องอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันเถิด"
หลังจากที่โจวสิงมีความสุขยิ่งนัก เขาก็เริ่มทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี จุดไฟ รินน้ำชา เพื่อทำการต้อนรับพวกเขา
เนื่องจากก่อนหน้ามีเพียงแสงไฟสลัว ๆ จึงมองสภาพร่างกายของทั้งสี่คนไม่ค่อยออก ในยามนี้ เมื่อมีแสงไฟสว่างมากเพียงพอแล้วนั้น สถาพร่างกายของแต่ละคนจึงมิได้แตกต่างกันมากนัก
อวี่เหวินหยวนฮั่ว ซูเหวินชิงและโจวสิง อาภรณ์ของพวกเขาไม่รู้ว่าสวมใส่มาตั้งแต่วันใดแล้ว พวกมันดูยับยูยี่ราวกับผักดองยิ่งนัก ใบหน้าที่เประเปื้อนไปด้วยฝุน รอบดวงตาที่ดำคล้ำ เสมือนว่าเพิ่งออกมาจากคุกเช่นกัน
ทว่า เฟิ่งชิงเฉิน? สีหน้าที่เป็นเลือดฝาด ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก มีที่ใดกันที่ดูเหมือนว่านางจะไปโดนนำไปทรมานมา
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าแน่ใจหรือ ว่าเจ้าเพิ่งจะออกมาจากองครักษ์เสื้อโลหิตจริง ๆ ? เหตุใดเจ้าถึงปลอดัยไร้ร่องรอยบาดแผลเล่า? " อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลยจริง ๆ
องครักษ์เสื้อโลหิตได้กลายเป็นที่เขตอภัยทานไปตั้งแต่เมื่อใดกัน เรื่องของเฟิ่งชิงเฉินใหญ่โตถึงเพียงนั้น เหตุใดนางถึงไม่มีร่องรอยบุบสลายไปเลยเล่า
ในยามที่เขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ตรงนั้น เขายังอยากจะถามว่า เฟิ่งชิงเฉินได้โดนพวกองครักษ์เสื้อโลหิตทรมานเช่นไรบ้าง เหตุใดนางถึงได้มีแรงยืนอยู่เช่นนั้น แต่ทว่า คนอื่น ๆ เอาแต่แย่งกันถามนางเช่นนั้น เขาจึงมิได้มีโอกาสได้ถามคำถามออกไป
หากแต่ เมื่อเห็นท่าทางเฟิ่งชิงเฉินที่สดใสและมีท่าทางสง่างามเช่นเดิม ก็พลันทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
หรือว่าในองครักษ์เสื้อโลหิตมิได้มีการทรมาน
พระเจ้า!
"เจ้า เจ้าอยู่ที่องครักษ์เสื้อโลหิตมิได้ถูกทรมานเลยหรือ?" ทั้งซูเหวินชิงและโจวสิงพลันอ้าปากค้างไปในทันที
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย
"จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ เฟิ่งชิงเฉินเจ้ากำลังหลอกพวกเราอยู่ใช่หรือไม่? หรือว่า เจ้าจะไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉิน? เจ้าเป็นเฟิ่ขชิงเฉินตัวปลอมงั้นหรือ?"
ในช่วงเวลาของประวัติศาตร์ราชวงศ์ตงหลิงนั้น หาได้เคยมีผู้ใดเข้าไปในองครักษ์เสื้อโลหิตโดยมิได้ถูกทรมานออกมาไม่ แม้แต่ลูหลานภายในราชวงศ์ เมื่อเข้าไปในองครักษ์เสื้อโลหิตแล้วนั้น ยังอดไม่ได้ที่จะต้องโดนแส้โบยออกมาสักสองสามไม้
หรือว่า เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ จะเป็นคนมาพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ตงหลิงกัน!
นี่มันมากไปหรือไม่?
หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินไม่อาจใช้เหตุผลธรรมดาในการตัดสินใจได้?
อวี่เหวินหยวนฮั่วและสายตาของทั้งสามคนต่างหันไปมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยความตกตะลึง
บางที นางอาจจะมิได้ไร้ประโยชน์อย่างที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ก็ได้ อย่างน้อยนางก็มีความสามารถมากนัก ที่สามารถมีชีวิตรอดจากองครักษ์เสื้อโลหิตออกมาได้ใช่หรือไม่ ?
ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินพลันแย้มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยท่าทีมั่นใจว่า "พวกเจ้ามิต้องไปคาดเดาสิ่งใดแล้ว ข้าก็คือเฟิ่งชิงเฉิน หาใช่ตัวปลอมตัวใดไม่ ที่ข้ามิถูกทรมานจากองครักษ์เสื้อโลหิต นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าโชคดี"
ใช่ นางโชคดีที่รู้การแพทย์ นางโชคดี ที่ได้พบกับเสด็จอาเก้า
ในยามที่ทั้งสามคำกำลังคาดหวังอยู่นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ได้เล่าเรื่องราวที่อยู่ในองครักษ์เสื้อโลหิตออกมาให้ฟังอีกรอบหนึ่ง
นางเพียงเล่าว่า ตนเองรักษาโรคลับ ๆ ให้กับลู่เส้าหลิน อีกทั้งเป็นโรคเช่นไร นางมิได้กล่าวออกมา เนื่องจากว่า เป็นเพราะว่าลู่เส้าหลินมิได้ทำการทรมานนาง
ต่อมา ในยามที่องค์หญิงอันผิงต้องการจะให้ทรมานนางนั้น นางก็ได้พบกับเสด็จอาเก้าพอดี ท้ายที่สุดแล้ว เสด็จอาเก้าก็ได้ช่วยนางเอาไว้ จึงทำให้นางมิได้รับการถูกทรมานแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะออกมาอย่างปลอดภัยก็ตาม ทว่า เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินบอกเล่าเรื่องราวภายในเรือนจำออกมาด้วยตนเองนั้น ชายฉกรรจ์ทั้งสามจึงได้แต่เช็ดเหงื่อเย็นที่ไหลออกมา
แม้ว่าจะออกมาได้อย่างปลอดภัย ทว่า ชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินตลอดห้าวันที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ง่ายเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ