ตอนที่ 10 พ่อค้าหลวง
เสียงจักจั่นเรไรค่อย ๆ เบาลง ลมร้อนก็คลายหายไป
ฟู่ต้ากวนตื่นขึ้นในตอนเย็น แม้ว่าร่างกายของเขาจะทรงตัวไม่ดีนัก แต่สมองของเขายังคงปลอดโปร่ง
เขาเดินลงมาจากเรือน เมื่อเห็นต่งชูหลานอยู่ไกล ๆ ก็ยกมือขึ้นมาประสานแล้วกล่าวว่า “ข้าดื่มมากจนเกินไป ขอคุณหนูโปรดให้อภัยด้วย”
ต่งชูหลานยิ้มบาง ๆ แล้วตอบกลับว่า “ท่านหัวหน้าตระกูลฟู่ทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเสียแล้ว การที่ข้าน้อยเดินทางมาพักที่นี่โดยมิได้แจ้งล่วงหน้าต่างหาก จึงเป็นเรื่องที่ต้องขออภัย”
เมื่อทั้งสามคนนั่งรวมตัวกัน ฟู่เสี่ยวกวนจึงตัดสินใจนำอาหารเย็นมารับประทานที่ศาลา เขารู้สึกว่าที่แห่งนี้มีลมเย็นพัดผ่าน อีกทั้งการได้ฟังเสียงสายน้ำไหลช่างดีนัก แต่หากเปรียบกับห้องอาหาร ที่นี่อาจจะเป็นกันเองมากเกินไปเสียหน่อย
แต่เรื่องนี้ต่งชูหลานก็มิได้ติดใจ นางไม่คิดว่าฟู่เสี่ยวกวนไม่รู้จักมารยาท แต่กลับคิดว่าบรรยากาศเช่นนี้เหมาะสมนักแก่การเจรจาเรื่องพ่อค้าหลวง
พวกเขามิได้ดื่มเหล้ากันอีก ฟู่ต้ากวนไม่หิวเท่าไรนัก ส่วนต่งชูหลานก็ทานอาหารไม่เยอะ แต่ฟู่เสี่ยวกวนไม่เกรงใจ เขารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ร่างกายในวัยนี้ต้องการอาหารปริมาณมาก จึงจะเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ดังนั้นอาหารบนโต๊ะเกินกว่าครึ่งถูกเขาจัดการจนไม่เหลือเปล่า
เมื่อเก็บโต๊ะเรียบร้อย ฟู่เสี่ยวกวนก็ทำหน้าที่ต้มชา ส่วนฟู่ต้ากวนก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก และไม่ได้กลับเข้ามาเป็นเวลานาน
“เป็นดังที่ข้าคิดไว้ นี่คือข้อความที่พ่อค้าข้าวรายใหญ่ทั้งสามส่งให้ท่านหัวหน้าตระกูลฟู่……ขออภัยที่ข้าน้อยจะเอ่ยไปอย่างตรง ๆ ท่านหัวหน้าตระกูลฟู่ ท่านคงทราบถึงผลประโยชน์ของพ่อค้าหลวงดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร”
ต่งชูหลานในตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อตอนบ่าย
นางไม่ได้ใส่ผ้าคลุมหน้า แม้จะปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า แต่คำพูดนั้นแสดงถึงความหนักแน่น
“คุณหนูฉลาดยิ่งนัก” ฟู่ต้ากวนเองก็มิได้อ้อมค้อม เขายกถ้วยชาขึ้นดื่มแล้วเอ่ยว่า “เดิมทีพวกเขาประสงค์จะส่งตัวแทนไป นั่นก็คือหยางจี้ โดยให้หยางจี้ลงนามกับคุณหนู ทั้งสามร้านร่วมมือกันทำการค้าในครั้งนี้ ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“ทางข้าไม่ติดขัดสิ่งใด เพียงแต่เรื่องของราคา……”
ฟู่ต้ากวนถอนหายใจยาว และฝืนยิ้มว่า “เรื่องของราคานั้น……พวกเขาเห็นตรงกันที่จะให้ข้าเป็นผู้กำหนด”
“ถ้าเช่นนั้นท่านให้ราคาเท่าไร?”
“เรื่องนี้ทำให้ข้าต้องคิดมากอยู่พอควร หากข้าเป็นคนกำหนดราคา ก็ต้องให้ราคาที่ต่ำกว่าแน่นอน ธุรกิจนี้ไม่คุ้มค่าจริง ๆ”
ต่งชูหลานเม้มริมฝีปาก การกระทำของฟู่ต้ากวนนี้เรียกว่าทำดีแต่ไม่มีผลตอบแทน ดังนั้นนางจึงเอ่ยว่า “ข้าเองก็เข้าใจท่านดี……ช่วงบ่ายข้าได้พูดคุยกับคุณชายฟู่อยู่บ้าง ท่านว่าเช่นนี้เป็นอย่างไร? หากการค้านี้เจรจาสำเร็จ หลังจากที่ข้าเดินทางกลับไปรายงานให้องค์หญิงรับทราบแล้ว ข้าจะช่วยเปิดทางให้กับท่าน …… อย่างเช่น ยอดสุราซีซาน และสินค้าชนิดใหม่ของคุณชายหลังจากนี้ ข้าจะช่วยนำเข้าไปขายในวังให้”
แท้จริงแล้วพ่อค้าหลวงนั้นเป็นเพียงแค่นาม อย่างเช่น พ่อค้าข้าว ในแต่ละปีคลังหลวงจะประกาศรับซื้อข้าวเป็นจำนวนมาก เพื่อนำมาเก็บกักตุนไว้ใช้ในยามคับขัน หรือแจกจ่ายให้แก่ทหารแนวหน้า
แต่ราคาที่รับซื้อนั้นค่อนข้างต่ำ เรียกได้กว่าต่ำกว่าราคาตลาดถึง 1 ส่วน
แต่พ่อค้าหลวงก็มีสิทธิพิเศษ หากสามารถนำสินค้าดี ๆ มาเสนอได้ เหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ยินดีจะจ่ายให้ในราคางาม อีกทั้งยังมีตราการค้าขายมอบให้ สำหรับร้านค้านั้น นี่เปรียบเสมือนเครื่องหมายที่สูงส่งยิ่งนัก
ดังนั้นเมื่อฟู่ต้ากวนได้ยินต่งชูหลานเอ่ยขึ้นมา เขาก็เริ่มเกิดความคิดในใจ
“แม่นาง……ข้ามีเพียงไร่นาที่หลินเจียงเท่านั้น นอกจากข้าวแล้วข้าก็ไม่มีสิ่งอื่นใด ส่วนยอดสุราซีซานที่ลูกชายข้าหมักขึ้นมานั้น ข้าขอเอ่ยตามตรงว่า มีปริมาณเหล้าไม่มากนัก และทำได้ยาก ดังนั้นแม้ต้องการจะส่งให้วัง ก็อาจจะผลิตไม่ทันความต้องการ แต่หากเหล้านี้สามารถนำเข้าไปในวังหลวงได้ บ้านตระกูลฟู่ของข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก……คุณหนูเชิญเอ่ยมาตามตรงเถอะ ราคาข้าวที่วังหลวงกำหนดนั้นคือเท่าใด?”
ต่งชูหลานชูนิ้วออกมาสามนิ้ว “ต่ำกว่าราคาตลาด 3 ส่วน!”
ฟู่ต้ากวนกำลังจะเอ่ย แต่ต่งชูหลานก็พูดต่อว่า “ช้าก่อน ขอท่านจงฟังข้า”
“ราคาข้าวของเจียงเป่ยนั้นสูงกว่าเจียงหนาน 1 ส่วน สูงกว่าจงหยวน 2 ส่วน ผืนดินของเจียงหนานอุดมสมบูรณ์กว่าจึงทำให้มีราคาต่ำกว่าเจียงเป่ย ข้าวของจงหยวนไม่สามารถนำมาเทียบกับเจียงหนานเจียงเป่ยได้ข้าเข้าใจดี วังหลวงคงประสงค์ซื้อข้าวสาลีจากจงหยวนมากกว่า”
“ส่วนเจียงเป่ยจากฉีโจวจนถึงมี่โจว ราคาข้าวสูงขึ้น 1 ส่วน ดังนั้นที่ข้าเอ่ยว่าต่ำลง 3 ส่วน ก็สมเหตุสมผล”
ฟู่เสี่ยวกวนไม่เข้าใจในเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่เขายอมรับว่าสตรีนางนี้เก่งเสียจริง
จากสถานการณ์ การเดินทางมาเจียงหลินของนางในครั้งนี้ได้เตรียมตัวมาอย่างดี และต้องการดูว่าเขาจะทำอย่างไร
ฟู่ต้ากวนผงกหัว “แม่นางพูดถูกต้องแล้ว เพียงแต่ คุณหนูต่งอาจมีสองเรื่องที่ไม่เข้าใจ”
“หนึ่งคือ ปริมาณผลผลิตของเจียงหลินน้อยกว่าหยูโจว”
“สองคือ ค่าเช่าพื้นที่เพาะปลูกในเจียงหลินสูงกว่าหยูโจว”
“เหตุผลมีหลายประการ เจียงหลินนั้นมีเนินเขามากมาย ผืนนาน้อย ยากต่อการเพาะปลูก แต่จำนวนประชากรที่อาศัยในเจียงหลินนั้นมาก……ตามสถิติแล้ว มีถึง 674,852 คน ส่วนที่มี่โจวนั้นพื้นที่กว้างขวางแต่ประชากรเพียง 580,000 คน ในหลินเจียงพื้นที่ 1 หมู่ มีประชากร 6 คน, ส่วนมี่โจวพื้นที่ 1 หมู่ มีประชากรเพียง 3 คน”
“ดังนั้นราคาข้าวที่หลินเจียงจึงสูงกว่า แท้จริงคุณหนูไม่ทราบว่า ผลผลิตที่หลินเจียงนั้นไม่พอต่อการขาย เราต้องเดินทางไปซื้อที่หยูโจว”
“หากหยูโจวขายข้าวแก่วังหลวง เมืองหลินเจียงจะเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร และจำเป็นต้องออกเดินทางไปซื้อในเมืองอื่น ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวแพงมากขึ้นไปอีก หลินเจียง……จะมีข้าวเพียงพอหรือไม่ ?”
ต่งชูหลานขมวดคิ้ว เรื่องเหล่านี้นางไม่รู้มาก่อน หากสิ่งที่ฟู่ต้ากวนกล่าวมานั้นเป็นความจริง ราคาที่นางบอกไปเมื่อครู่ก็ต่ำเกินไปจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)