นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 9

ตอนที่ 9 แผนการ

แค่ประโยคเดียวก็เข้าใจ ทำให้ต่งชูหลานหันไปมองฟู่เสี่ยวกวนอีกครา

นางเคยไปหงซิ่งจาว สุราเทียนเซียงนางก็เคยดื่ม แต่เมื่อเทียบกับยอดสุราซีซานแล้ว สุราเทียนเซียงด้อยกว่าในทันที

ในฐานะบุตรีของเสนาบดีกรมคลัง นางได้รับอิทธิพลจากการเลี้ยงดูอย่างตั้งใจจากบิดา นางจึงเข้าใจโอกาสทางธุรกิจเหนือกว่าคนทั่วไป ดังนั้นองค์หญิงใหญ่ที่ได้เฝ้ามองการเติบโตของนางมา จึงได้มอบเรื่องพ่อค้าหลวงในหลินเจียงให้นางจัดการ

สุรานี้ หากได้เข้าวังหลวง ย่อมดีที่สุดในใต้หล้า!

เมื่อชุนซิ่วรินสุราจนเต็มจอกให้แก่ต่งชูหลาน นางจึงรู้สึกละอายเล็กน้อย ขณะกล่าวกับฟู่ต้ากวนว่า “หัวหน้าตระกูลฟู่… ที่ชูหลานมาในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องจะเจรจากับหัวหน้าตระกูลฟู่ อย่าให้ความเมามายมาทำให้ทุกอย่างผิดพลาดเลย เพียงจอกนี้จอกเดียวก็พอแล้ว”

ฟู่ต้ากวนกล่าวยิ้ม ๆ “คุณหนูเดินทางมาเหนื่อย ๆ เรื่องพวกนี้มิต้องรีบร้อน เรือนของข้าแม้จะเรียบง่ายแต่ก็สะอาดสะอ้าน” เขาหันหน้าไปกล่าวกับชุนซิ่ว “ไปจัดการห้องให้เรียบร้อยเสีย คุณหนูต่งจะได้พักกลางวัน”

ฟู่ต้ากวนย่อมต้องการให้ต่งชูหลานเมา เพราะหลังจากที่เขารู้ว่าต่งชูหลานมาที่นี่ ก็ได้ส่งม้าเร็วไปที่เมืองหลินเจียง เขาต้องการส่งข่าวนี้ไปถึงพ่อค้าข้าวรายใหญ่ทั้งสาม

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องนิ่งไว้ก่อน

หากต่งชูหลานเมาแล้ว การเจรจาก็จะเลื่อนออกไปเป็นตอนค่ำ ทางหลินเจียงก็คงจะตอบกลับมา เมื่อถึงเวลานั้นตัวเขาค่อยจัดการอีกครายามสบโอกาส เรื่องนี้มันไม่ง่ายที่จะเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง

ดังนั้นเขาจึงพยายามชักชวนให้ดื่มสุราอย่างเต็มที่

หลังจากนั้น ดวงตาของต่งชูหลานยิ่งฉ่ำวาว แต่ฟู่ต้ากวนกลับเมาแล้ว

“ข้า…ดื่มไม่เก่ง”

ต่งชูหลานรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย

“มิเป็นไร คุณหนูเชิญดื่มชาที่ศาลา ข้าจะไปจัดการกับบิดาของข้าก่อน”

ต่งชูหลานเดินออกไป เสี่ยวฉีก็รีบติดตามเข้ามา และเอ่ยเสียงแผ่วเบา “คุณหนูเจ้าคะ… หมดแล้วเจ้าค่ะ”

“อือ” เสียงของต่งชูหลานราวกับเสียงยุง “อร่อยเกินไป จนควบคุมไม่ได้เลย”

“แล้วธุระล่ะเจ้าคะ”

“มิรีบ”

……

…..

สายลมพัดลอดระหว่างเส้นผม ต่งชูหลานยืนอยู่ข้างลำธารเพียงลำพัง

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนจัดการกับบิดาของตนเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับเดินมา และเห็นว่าต่งชูหลานยืนอยู่เพียงลำพัง

ภายใต้ฤทธิ์สุราสามส่วน ใบหน้าของต่งชูหลานราวกับดอกท้อหยกที่เบ่งบาน ทรวดทรงองเอวที่เตะตา ปอยผมที่ปลิวไสวไปตามสายลม ราวกับเทพธิดาที่บินขึ้นฟ้า

เขาข่มใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า แล้วเอ่ยถาม “ห้องทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนูต่งต้องการพักผ่อนหรือไม่ ? ”

“มิจำเป็น… เรือนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก”

“บิดากล่าวว่า นี่คือสิ่งที่มารดาสร้างขึ้น”

ทั้งสองเดินไปตามยังลำธารอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจะนั่งลงตรงที่ร่มไม้

ต่งชูหลานนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ ฟู่เสี่ยวกวนนั่งบนก้อนหินริมลำธาร

“…เมื่อหลายวันก่อน ที่องค์รักษ์ของข้าทำร้ายเจ้า ตอนนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง”

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้ม “ท่านหมอกล่าวว่าอาจจะมีผลข้างเคียงในภายหลัง อาจจะกลายเป็นคนโง่ไปก็ได้ ดังนั้นข้าเองก็มิรู้ว่าวันใดที่ข้าจะกลายเป็นคนโง่ไป”

“เรื่องนั้น… ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”

ต่งชูหลานรู้สึกละอายใจอย่างมาก ในเวลานั้นหลังจากที่ได้ตรวจสอบฟู่เสี่ยวกวนโดยละเอียดแล้ว ข้อมูลที่นางได้รับก็คือชายผู้นี้คือคนชั่วร้ายที่สุดในเมืองหลินเจียง แต่ทางการกลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ยอมรับทำคดี

นางเข้าใจในเรื่องนี้ดี อย่างไรเสียจวนฟู่ก็ร่ำรวยที่สุดในหลินเจียง การใช้เงินซื้อความสัมพันธ์กับทางการนั้นเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นนางจึงเรียกให้องค์รักษ์ไปจัดการ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เขาถึงแก่ความตาย ในตอนนี้แม้จะยื้อชีวิตกลับมาได้ แต่ก็ยังคงมีอาการข้างเคียงตามมาในภายหลังอยู่ดี

“มิได้เป็นอุปสรรคใหญ่อันใดนัก เจ้ามิต้องนำมาใส่ใจ… อย่างไรเสีย ข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้า”

“ขอบคุณข้าหรือ ? ” ต่งชูหลานเอียงศีรษะหันไปมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยความงงงวย

ฟู่เสี่ยวกวนเพียงยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบกลับ เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วโยนลงไปในลำธาร พลางเอ่ยถามว่า “การเดินทางมาที่หลินเจียงในครั้งนี้ ราบรื่นดีหรือไม่?”

“โดยพื้นฐานแล้วมิมีสิ่งใดผิดปกติ เพียงแค่ข้ายังคิดน้อยเกินไป ทั้งยังเสียเวลาไปอีกเล็กน้อย”

เด็กสาวตัวเล็ก ๆ มาจัดการธุรกิจที่ใหญ่ขนาดนี้ถึงหลินเจียงตามลำพัง นับว่าไม่ง่ายนัก ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ใส่ใจในเรื่องนี้ จึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป และไม่ได้เอ่ยถามออกมา

จักจั่นส่งเสียงร้องอยู่ในป่า ฝูงปลาเวียนว่ายอยู่ในน้ำ ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบ แต่จู่ ๆ ต่งชูหลานก็เอ่ยขึ้นมา

“ตัวอักษรของเจ้า…ต้องหมั่นฝึกฝนอย่าให้ขาด”

“อื้อ”

“ทุกวันผลิตยอดสุราซีซานได้เท่าไหร่?”

“เพิ่งทำออกมาเมื่อคืนวาน ยังไม่ได้มีการจดสถิติ แต่คงไม่ได้มีจำนวนมาก อย่างน้อยในตอนนี้ ก็ยังมิมีวิธีที่จะเพิ่มผลผลิตได้”

“สุรานี้…สามารถจำหน่ายให้กับเชื้อพระวงศ์ได้”

ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าเหลือบมองต่งชูหลาน

“หากจวนฟู่ของเจ้าได้สถานะพ่อค้าหลวง สุรานี้ย่อมขายได้ราคาดีมาก” ต่งชูหลานกล่าวเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค

“เรื่องนี้… หากข้าเป็นคนตัดสินใจ มิจำเป็นที่เจ้าจะต้องถ่อมาหาข้า ข้าย่อมหาหนทางแย่งชิงมันเอง แต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือ บิดาข้าเหมือนจะไม่เต็มใจเท่าใด เพราะยุ่งยากมาก อีกทั้งอาจจะทำให้พ่อค้าขายข้าวทั้งสามแห่งในหลินเจียงเกิดความขุ่นเคือง เราทำงานร่วมกันมานับสิบปี มิมีเหตุอันใดที่จะต้องฉีกหน้ากัน บิดาเองก็หาได้สนใจผลประโยชน์อันน้อยนิดนี้ เขาแค่ไม่อยากสร้างศัตรู เรื่องนี้คงต้องขออภัยด้วยที่ข้าช่วยเจ้าไม่ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)