อ่านสรุป ตอนที่ 1003 วันที่สองเดือนสอง จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1003 วันที่สองเดือนสอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 1003 วันที่สองเดือนสอง
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หนึ่ง วันที่สอง เดือนสอง
การประชุมเชิงเศรษฐกิจแห่งประเทศต้าเซี่ยครั้งที่หนึ่งได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการในยามเฉิน ณ ท้องพระโรงซวนเต๋อ
ผู้เข้าร่วมการประชุมในครานี้มีเต้าถายทั้งสิ้น 18 ท่าน มีจ่งตูสี่ท่านซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจ่งตูท่าป๋าคังจากเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวน
ทั้งยังมีเสนาบดีกรมคลังต่งคังผิงและหลี่ฉายหัวหน้ากรมการค้าจากเมืองหลวงรองจินหลิงมาเข้าร่วมด้วย
ผู้เข้าร่วมจากราชสำนักกลางของต้าเซี่ยมีหัวหน้ากรมการค้าหยุนซีเหยียน หนานกงอี้หยู่เสนาบดีสำนักตรวจสอบพระราชโองการ เสนาบดีฝ่ายบริหารเมิ่งฉางผิง เสนาบดีกรมคลังโหยวเซียนจือ เลขาธิการเหวินชังไห่และหลิวจิ่น
องค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยเป็นผู้จัดการประชุมในครานี้ขึ้นมา
“เศรษฐกิจเป็นศูนย์กลางพื้นฐานสำคัญของต้าเซี่ยในทุกวันนี้ พวกท่านจงจำเอาไว้ว่าเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดโครงสร้างและมีเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างจริงจังเท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้ชาติบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ต้าเซี่ยถึงจะสามารถยืนเด่นตระหง่านบนผืนปฐพีอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ได้”
“ในฐานะเต้าถาย พวกท่านต้องปลดปล่อยความคิดก่อนสิ่งอื่นใด จงแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล”
“การประชุมเชิงเศรษฐกิจครานี้จัดขึ้นเพื่อให้พวกท่านได้มีพื้นที่ในการแถลงสิ่งที่ปรารถนาได้อย่างเต็มที่ และที่เรียกพวกท่านมาเพราะข้าอยากได้ยินความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งแผนพัฒนาด้านการบริหารของพวกท่านด้วย”
“ขอเชิญทุกท่านออกมาแถลงแนวคิดอย่างกระตือรือร้นเถิด มิต้องกลัวว่าจะเอ่ยอันใดผิด เนื่องจากข้ามิเอาผิดผู้ใดเพียงเพราะเอ่ยผิดพลาดหรอก มา…เริ่มที่ผู้ใดก่อนดี ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ด้านล่างสุด เขาเงยหน้าขึ้นมองขุนนางฝ่ายบริหารส่วนท้องถิ่นของตน
ฉินโม่เหวินยืนขึ้นเป็นคนแรก เขาคำนับต่อฟู่เสี่ยวกวนแล้วเอ่ยว่า
“ทูลฝ่าบาท…กระหม่อมเป็นเต้าถายจิงซีเป่ยเต้า เมื่อปลายปีที่แล้วระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จิงซีเป่ยเต้าได้ดำเนินการจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในปีนี้แผนการของกระหม่อมคือความมั่นคงทางการเกษตร การนำเข้าเมล็ดพันธุ์ข้าวและมันเทศเพื่อพัฒนาการเกษตรควบคู่กับการปศุสัตว์พ่ะย่ะค่ะ”
“ในขณะเดียวกัน กระหม่อมจะใช้เมืองฉางอันเพื่อเข้าถึงเทือกเขาฉางหลิงและเปิดเส้นทางเศรษฐกิจระหว่างจิงซีเป่ยเต้ากับชื่อเล่อชวนพ่ะย่ะค่ะ…”
ฉินโม่เหวินเอ่ยน้ำไหลไฟดับนานกว่า 1 ก้านธูป อีกทั้งยังอธิบายถึงอนาคตในอีกสองปีข้างหน้าโดยละเอียด… ซึ่งตรงกับสองปีสุดท้ายของโครงร่างแผนพัฒนาระยะห้าปีแรกของต้าเซี่ย ทางหน่วยราชการจิงซีเป่ยเต้ามีภารกิจอันใหญ่หลวงต้องกระทำ
ภารกิจที่ว่านั้นได้ครอบคลุมทั้งด้านอุตสาหกรรม การเกษตรและด้านการศึกษา เป็นต้น
คำเอ่ยของฉินโม่เหวินได้ช่วยจุดประกายความคิดของขุนนางบางส่วน ทำให้พวกเขาตระหนักขึ้นมาได้ว่าตนเองยังมีวิสัยทัศน์มิเพียงพอ… ทว่าเยี่ยงไรก็มิอาจโทษพวกเขาได้เต็มปาก เพราะในสมัยก่อนขอเพียงแค่บริหารบ้านเมืองให้ผู้คนมิอดอยากและมิก่อจลาจลก็ถือเป็นความสำเร็จขั้นสูงสุดแล้ว
ทว่าบัดนี้ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว !
สิ่งที่ฝ่าบาทประสงค์คือการพัฒนา !
ประสงค์ให้บรรดาผู้นำแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างมีวิสัยทัศน์
ฝ่าบาทได้กำหนดให้เศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา ดังนั้นในอนาคตอีกหลายปีต่อจากนี้ไป นโยบายของต้าเซี่ยจะมุ่งเน้นด้านนี้มิเปลี่ยนแปลง
เศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังครอบคลุมในหลายมิติ
มีพื้นที่ให้ทำผลงานมากมายในด้านเศรษฐกิจ เพียงแต่ว่าพวกเขามิเคยนำไปขบคิดเลยก็เท่านั้น
การแสดงวิสัยทัศน์ของฉินโม่เหวินประสบความสำเร็จอย่างมิต้องสงสัย เขาได้รับเสียงปรบมือดังเกรียวกราว ทั้งยังได้รับคำชมจากฟู่เสี่ยวกวนอีกด้วย
“เมื่อเป็นขุนนางก็ให้เป็นดั่งใต้เท้าฉินโม่เหวิน ! ”
“การบริหารประเทศเป็นการปรุงอาหารจานเด็ด และการบริหารมณฑลใดมณฑลหนึ่งก็มิได้แตกต่างกับการบริหารประเทศเลย”
“หากต้องการให้อาหารมีรสชาติอร่อย พวกเจ้าก็ต้องเลือกวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่ดี เมื่อเตรียมสิ่งเหล่านี้เสร็จสรรพก็ยังต้องควบคุมไฟให้ดี หากใช้ไฟแรงจนเกินไปย่อมทำให้อาหารดี ๆ ไหม้เสียหมด ถ้าไฟเบาเกินไปก็สุกยาก กว่าอาหารจะสุก ราษฎรคงอดตายเสียก่อน”
คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนทำให้ขุนนางในที่ประชุมได้ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะบรรดาขุนนางที่ยังอายุน้อย พวกเขาเร่งรีบไขว่คว้าความสำเร็จ จนถึงขั้นยอมใช้แผนการเลวทรามอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
หลังจากได้ฟังทั้งหมด พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมิได้ง่ายดายดั่งเช่นการจ่ายยาชนิดแรงให้แก่ผู้ป่วยหนัก
ชื่อเล่อชวนมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีดอกลาเวนเดอร์อันงดงาม มีวัวและแกะฝูงใหญ่ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดขายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้เช่นกัน
นานาความคิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวล้วนได้รับความสนใจจากบรรดาเต้าถาย เพียงแต่เมืองท่องเที่ยวมีหน้าตาเป็นเยี่ยงไรก็ยังมิมีผู้ใดรู้ได้ชัดแจ้ง
ฟู่เสี่ยวกวนมองว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านการบริการ หากต้องการยกระดับเรื่องนี้ขึ้นมาก็จำต้องรอแผนการพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สอง
เห็นทีว่าการร่างแผนพัฒนาระยะห้าปีในคราถัดไปคงต้องผนวกเรื่องการบริการเข้าด้วยกันเสียแล้ว
การประชุมเชิงเศรษฐกิจได้ดำเนินไปเป็นเวลา 2 วัน
ในวันที่หนึ่ง ทุกคนรวมทั้งเสนาบดีทั้งสามสำนักได้แถลงความเห็นของตนในที่ประชุมจนครบถ้วน
และในวันที่สองเป็นวันสรุปการประชุม
ฟู่เสี่ยวกวนยอมรับในแผนพัฒนาของทุกคน อีกทั้งยังได้วิเคราะห์และชี้แจงถึงปัญหาที่พบเห็นในช่วงเวลานี้ของแต่ละแผนการ ควรปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไปและรอให้มันสุกงอมไปเองตามธรรมชาติ
ในช่วงสุดท้ายของการประชุม ฟู่เสี่ยวกวนได้ออกนโยบายเรื่องจัดการประชุมเชิงเศรษฐกิจขึ้นมาทุก ๆ สองปี ในการประชุมคราต่อไปก็จะเปิดโอกาสให้บรรดาเต้าถายได้ประเมินถึงผลดีและผลเสียในการทำงานของตน พร้อมกับแถลงถึงแผนการพัฒนาเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในแต่ละพื้นที่
“เหตุใดข้าถึงให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจมากมายเพียงนี้น่ะหรือ ? ก็เพราะการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ยังหนีมิพ้นการเกื้อหนุนทางเศรษฐกิจ เมื่อมีความก้าวหน้าเกิดขึ้นในแต่ละขั้นของวิทยาศาสตร์ เครื่องมือเครื่องไม้ใหม่ ๆ ล้วนถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความก้าวหน้าของสังคมและย้อนกลับไปผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น”
“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นลำดับแรกของการผลิต ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นต้องการเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งไปเกื้อหนุน โครงร่างแผนพัฒนาระยะห้าปีแรกยังเหลืออีกสองปี และภายในสองปีนี้ต้องก่อร่างสร้างฐานเศรษฐกิจของต้าเซี่ยให้แข็งแกร่ง”
“ในโครงร่างแผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับถัดไป ต้าเซี่ยจะเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบ หรืออาจจะก้าวกระโดดไปเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สองเลยก็เป็นได้”
“พวกท่านจะได้เห็นรถไฟวิ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้หลายพันคนในคราเดียว พวกท่านอาจจะได้เห็นเรือโดยสารที่ใช้เวลาเดินทางจากเมืองเจียงไปยังเมืองจินหลิงโดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 วัน เป็นต้น”
“นั่นคือยุคสมัยที่ต้าเซี่ยจะผงาดขึ้นมา ทุกท่านอย่ามัวแต่ตกตะลึงเลย พวกเรามาตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันนั้นด้วยกันเถิด ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)