ตอนที่ 1004 หนังสือพิมพ์ต้าเซี่ยรายวัน
วันที่สอง เดือนสอง ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ต้าเซี่ยที่เปรียบดั่งพญามังกรกำลังผงาดขึ้นทางทิศบูรพา
ใจความสำคัญของโครงร่างแผนพัฒนาประเทศโดยมีเศรษฐกิจเป็นศูนย์กลางได้ถูกเผยแพร่ในเมืองกวนหยุนเป็นลำดับแรกทันทีที่การประชุมได้สิ้นสุดลง
เรื่องนี้ย่อมเป็นดั่งก้อนหินยักษ์ที่ตกกระทบผืนทะเลสาบที่เงียบสงบจนเกิดเป็นระลอกคลื่น หลังจากนั้นก็กระจายวงกว้างไปทั่วทั้งประเทศต้าเซี่ย
เหล่าผู้ค้าขายต่างก็มั่นอกมั่นใจว่ายุคสมัยอันรุ่งเรืองทางการค้าได้เปิดม่านออกอย่างเป็นทางการแล้ว
ส่วนราษฎรทั่วไปก็พอรู้เรื่องรู้ราวอยู่บ้าง พวกเขารู้ว่าพืชผลที่หว่านไปบนแปลงนาของตนจะสามารถนำไปขายที่ตลาดแห่งใดก็ได้
เศรษฐกิจที่ทรงพลังของต้าเซี่ยได้ถูกปลดล็อคจากพันธนาการพร้อมกับระลอกคลื่นนี้
นี่เพิ่งจะวันที่หกเดือนสองเท่านั้น บรรดาเต้าถายยังมิทันได้เดินทางกลับไปที่ทำการของตน ข้อสรุปวาระการประชุมจึงยังเผยแพร่ไปมิทั่วถึง
ณ ตำหนักฉืออัน แห่งวังหลังของเมืองกวนหยุน
“บัดนี้การเผยแพร่ข่าวสารยังค่อนข้างมีปัญหา” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยพลางรินน้ำชาให้กับสวี่หยุนชิง จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับต่งชูหลาน “นโยบายของประเทศล้วนต้องอาศัยขุนนางไปติดประกาศ… และมันย่อมมีข้อจำกัด หากขุนนางชั้นผู้น้อยมีความเข้าใจผิดเพี้ยนไป ทั้งยังแสดงท่าทีเย่อหยิ่ง จะมิทำให้เกิดความเข้าใจผิดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เรื่องนี้มีวิธีแก้ไขหรือไม่เพคะ ? ” ต่งชูหลานยิ้มในขณะที่กำลังนวดหลังให้สวี่หยุนชิง “นอกเสียจากว่าจะสร้างรถไฟเหมือนที่ท่านเอ่ย หนึ่งวันสามารถเดินทางได้ 800 ลี้ หรือไม่ก็ใช้รถม้าในการเผยแพร่ข่าวสาร ทว่าก็ยังมิวายล่าช้าอยู่ดีเพคะ”
ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง บัดนี้หอเทียนจีคือหน่วยงานที่สามารถเผยแพร่ข่าวสารได้รวดเร็วที่สุด เนื่องจากพวกเขาใช้นกพิราบที่ได้รับการฝึกเฉพาะทางมาช่วยกระจายข่าวสาร ทว่าการส่งจดหมายในลักษณะนี้ส่วนมากจะใช้เฉพาะเรื่องเร่งด่วนและสำคัญจริง ๆ เท่านั้น
นโยบายจากราชสำนักกลางของประเทศกว่าจะถูกส่งถึงมณฑลห่างไกลก็เกรงว่าต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือน และกว่าจะสนองนโยบายก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
ดูเหมือนว่าการก่อสร้างรถไฟคงต้องเร่งลงมือตั้งแต่ตอนนี้เสียแล้ว
เหตุผลก็เพื่อให้ราษฎรได้รู้เรื่องราวในเมืองกวนหยุนซึ่งเป็นศูนย์กลางของประเทศอย่างทันเหตุการณ์ ดังนั้นจึงเห็นสมควรที่จะมีการก่อตั้งศูนย์กระจายข่าวสารแห่งประเทศต้าเซี่ยขึ้นมา
เยี่ยงนั้นก็เริ่มที่หนังสือพิมพ์ก่อนก็แล้วกัน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ฟู่เสี่ยวกวนก็ตื่นเต้นจนนั่งมิติด
“ท่านแม่ ชูหลาน ข้ามีธุระต้องสะสางที่ห้องทรงพระอักษร ข้าจะกลับมาอีกทีตอนมื้อค่ำ”
“ไปเถิด… ชูหลาน เจ้าไปเรียกพวกเวิ่นหวินมาสิ พวกเรามาเล่นไพ่นกกระจอกกันสักสองสามตา”
“เพคะ”
……
……
ฟู่เสี่ยวกวนพาหลิวจิ่นมายังห้องทรงพระอักษร “เจ้าจงไปเชิญใต้เท้าเมิ่ง…และเสนาบดีเหว่ยประจำกรมโยธาธิการมาพบข้า”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
เมื่อหลิวจิ่นผละออกไป ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เอากระดาษออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็ใช้ดินสอขีด ๆ วาด ๆ บางอย่าง
สิ่งที่เขาวาดก็คือรถไฟ เขามิรู้ว่าห้องคนขับของไอ้เจ้ารถไฟนี้มีหน้าตาเยี่ยงไร เขาจึงวาดตู้โดยสารของรถไฟขึ้นมาก่อน…ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากนั้นก็เติมล้อด้านล่าง เพียงแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือก็ให้ฉินเฉิงเย่ไปคิดหาหนทางเอาเองเถิด
เมื่อมีเครื่องจักรไอน้ำแล้ว คาดว่าการทำของสิ่งนี้คงมิยากเกินความสามารถของเขา
รอมินานนัก เมิ่งฉางผิงและเหว่ยชังก็เดินทางมาถึงห้องทรงพระอักษร
ทั้งสองทำการคารวะแล้วนั่งลงตามบัญชา จากนั้นสายตาก็จับจ้องอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เงยหน้าขึ้นมองพวกเขา เพราะฟู่เสี่ยวกวนกำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปอยู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ว่า “เจ้าสิ่งนี้เรียกว่ารถไฟ ที่ข้าวาดคือภาพสเกตหรือที่เรียกว่าแบบร่างนั่นเอง มันยังมีรายละเอียดบางอย่างที่ข้าจะอธิบายให้พวกท่านได้ฟัง…. ”
“เส้นสองเส้นที่วางขนานกันไปตรงนี้เรียกว่ารางรถไฟซึ่งใช้เหล็กในการประกอบ ฐานของรางให้ปูด้วยก้อนหินละเอียดและปูไม้หมอนทับลงไป… ซึ่งต้องใช้ไม้หมอนที่มีขนาดเท่ากันทุกท่อน ส่วนความกว้าง…ความกว้างของรถไฟก็ให้พวกฉินเฉิงเย่ไปคำนวณโดยต้องมั่นใจว่ากว้างพอที่จะให้รถไฟเลี้ยวได้แบบมิตกราง…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)