ตอนที่ 1009 จักรพรรดิเหมือนกัน
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ก้าวก่ายอันใดมากมายนักเกี่ยวกับบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) เพราะเขาคิดว่าเงิน 200 ล้านตำลึงนี้ใช้เพื่อซื้อความสำราญใจให้แก่มารดาก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
เพียงแต่เขาเห็นตรงกันกับหยุนซีเหยียนและเชื่อมั่นว่าบริษัทส่วนใหญ่ภายใต้สังกัดบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) จะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล…เว้นแต่บริษัทติดตั้งสรรพาวุธจินเฟิ่งต้าเซี่ยแห่งนั้น
ใต้หล้าในทุกวันนี้ ยังไร้แคว้นใดที่มีระบบและหน่วยงานด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์เฉกเช่นเดียวกันกับต้าเซี่ย
ฟู่เสี่ยวกวนและฉินเฉิงเย่ได้ส่งจดหมายถึงกันอยู่บ่อยครั้ง
ตั้งแต่ที่เขากลับมาจากหยวนตงเต้าเมื่อปีกลาย เขาก็ยิ่งให้ความสำคัญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น
เขาเสนอความคิดเรื่องปืนเหมาเซ่อให้แก่ฉินเฉิงเย่ฟัง อีกทั้งยังส่งกระสุนปืนตัวอย่างหนึ่งนัดไปให้เขา ฟู่เสี่ยวกวนเพียงหวังว่าต้าเซี่ยจะถือครองเทคโนโลยีด้านอาวุธที่ล้ำสมัยเหนือแคว้นใดทั้งปวงไปตลอดกาล
ทว่าในความเป็นจริงปืนเหมาเซ่อรุ่นแรกยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ยกตัวอย่างเช่นการเพิ่มแผงบรรจุกระสุนหรือเปลี่ยนมาใช้ดินปืนควันน้อย เรื่องเส้นผ่าศูนย์กลางของกระสุนก็สามารถเล็กลงได้อีกหรืออาจจะเปลี่ยนมาใช้ปืนสองลำกล้องเป็นต้น
การปรับปรุงและพัฒนาสิ่งเหล่านี้ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือปืนเหมาเซ่อรุ่นแรกเพื่อนำไปติดตั้งอาวุธให้แก่กองนาวิกโยธิน
ดังนั้นเมื่อเขาได้รับปืนตัวอย่างจากฉินเฉิงเย่มาทดลองยิง เขาจึงตอบรับคำขอผลิตของฉินเฉิงเย่ทันที อีกทั้งยังเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาปืนเหมาเซ่อรุ่นที่สองให้แก่ฉินเฉิงเย่อีกด้วย
ประวัติศาสตร์ของการพัฒนาปืนจึงเป็นไปอย่างก้าวกระโดด มันได้ข้ามยุคปืนไรเฟิล ไปสู่ยุคของปืนกลมือทั้งอย่างนั้น
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คือความลับขั้นสุดยอด
ความลับที่แม้แต่เสนาบดีทั้งสามสำนักก็มิเคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อน
……
……
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หนึ่ง วันที่สิบสี่ เดือนสาม ปรากฏขบวนรถม้าลึกลับวิ่งเข้ามายังเมืองกวนหยุนอย่างเงียบเชียบ
ในขบวนนั้นมีรถม้าขนาดใหญ่ 3 คันด้วยกัน และหนึ่งในรถม้าสามคันนั้นมีคนนั่งอยู่ด้านใน 2 คน คนหนึ่งเป็นชายชราผมหงอกและเครายาวสีขาว ส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปี
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิพร้อมด้วยสีหน้าสง่างามดูมีราศี
บัดนี้เขากำลังเบิกตากว้าง นัยน์ตาส่องประกายระยับราวกับมีบทกวีหวานซึ้งแฝงอยู่ในนั้น
“ได้ยินชื่อเสียงของฟู่เสี่ยวกวนคราแรกเมื่อครึ่งปีหลังของงานชุมนุมวรรณกรรมแห่งราชวงศ์อู๋….” ชายวัยกลางคนหันไปมองชายชราที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ยื่นมือไปเลิกมุมผ้าม่านขึ้น เพื่อมองเมืองกวนหยุนที่เจริญรุ่งเรืองแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็กลายเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จักรอู๋ จากนั้นก็ได้กลายเป็นจักรพรรดิของราชอาณาจักรอันเกรียงไกร… ท่านราชครู เขาเพิ่งอายุ 23 ปีเท่านั้น เจิ้นเองก็อายุ 43 ปีเข้าไปแล้ว เขาใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีก็สามารถสร้างราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้แล้ว แต่เจิ้นเล่า ? ”
“เจิ้นรบกับเยลู่ชิงมาทั้งชีวิต อาณาเขตของพวกเราหดหายลงเรื่อย ๆ แคว้นของพวกเราก็ยากจนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน…หากมิใช่เพราะการรุกรานเข้ามาของเยลู่ชิง”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “เจิ้นคงมิต้องมาเยือนต้าเซี่ยด้วยตนเองเพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิที่มีอายุเพียงแค่ 23 ชันษาหรอก ! ”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือท่าป๋าวั่ง ฮ่องเต้แห่งแคว้นซีเซี่ย !
และชายชราที่ถูกเรียกว่าท่านราชครูแห่งซีเซี่ย มีนามว่าท่าป๋ายวี่ ปรมาจารย์ผู้เลื่องชื่อลือนาม !
ท่าป๋ายวี่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เลิกมุมผ้าม่านข้างหนึ่งขึ้นมาเพื่อชมบรรยากาศด้านนอก
“ทูลฝ่าบาท ระหว่างทางที่ผ่านด่านภูเขาเฮ้อหลานมานั้น กระหม่อมก็คิดเช่นเดียวกันฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่าซีเซี่ยอันเกรียงไกรต้องมาแสดงความภักดีต่อจักรพรรดิผู้มีพระชนมายุเพียง 23 ชันษาย่อมเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ทว่า…”
เขาวางผ้าม่านลง จากนั้นก็หันไปมองท่าป๋าวั่งพร้อมกับเอ่ยอย่างตั้งใจ “ทว่าหลังจากที่พวกเราได้เดินทางเข้าสู่เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวน กระหม่อมได้นำทุกสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมาใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง… เดิมทีแค้วนฮวงถูกปกครองโดยตระกูลท่าป๋าของเราเช่นกัน ท่าป๋าเฟิงผู้เป็นที่หนึ่งก็ยังต้องยอมสยบแทบเท้าของฟู่เสี่ยวกวน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)