นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 101

ตอนที่ 101 การรวมตัวยามค่ำคืน

หยูเวิ่นหวินออกจากวังหลวงขึ้นรถม้าและตรงไปยังจวนต่ง

จิตใจของนางร้อนรนอย่างยิ่ง ครุ่นคิดถึงนโยบายของฟู่เสี่ยวกวนที่ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ เสด็จพ่อตรัสแล้วว่าต้องการจะใช้เขา และจะต้องพระราชทานตำแหน่งให้เป็นแน่ เมื่อมีสถานะกับทางราชสำนัก และรวมกับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อ เกรงว่าคนเหล่านั้นจะมิกล้าแตะต้องเขาอีกแล้ว

ข่าวที่ดีเยี่ยงนี้ นางอยากจะไปเจอหน้าฟู่เสี่ยวกวน และเล่าข่าวดีนี้ให้เขาฟัง

เมื่อมาถึงจวนต่ง ฮูหยินต่งก็ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง องค์หญิงเก้าและบุตรีของนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นางย่อมชื่นชอบ และองค์หญิงเก้าก็มาหาอยู่บ่อยครั้ง จนนางคุ้นชินแล้ว

“ฝนตกหนักถึงเพียงนี้ หากฝ่าบาทมีธุระกับชูหลานแค่ส่งจดหมายมาก็พอเพคะ มิจำเป็นที่ฝ่าบาทจะต้องมาด้วยตนเองเลย ทอดพระเนตรสิเพคะ เสื้อผ้าเปียกชื้นหมดแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”

หยูเวิ่นหวินหัวเราะน้อย “ข้าหาได้บอบบางถึงเพียงนั้น ท่านป้า ชูหลานอยู่หรือไม่ ? ”

“อยู่เพคะ หม่อมฉันนำทางให้พระองค์เองเพคะ”

“ขอบพระคุณท่านป้า”

ทั้งสองเดินพูดคุยกันไปทางด้านหลังเรือน ในยามนั้นซูม่อกำลังคุกเข่าอยู่บนสันกำแพงทางด้านหลังเรือน สวมหมวกสานและห่มเสื้อคลุม หยิบขวดสุราขึ้นมาและดื่มมันครั้งแล้วครั้งเล่า น่าสงสารยิ่ง

เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นแผ่วเบา จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง…หยูเวิ่นหวินและฮูหยินต่ง !

นางมาที่นี่ได้เยี่ยงไรกัน ?

จะจัดการอย่างไรดี ?

หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองทางด้านหลังของทั้งสองคน หงจวงยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา และกำลังจ้องมองมาทางเขาอย่างระมัดระวัง

จบสิ้นแล้ว ไร้โอกาสที่จะทำให้ทั้งสองคนนั้นสลบลงไปแล้ว

ซูม่อครุ่นคิด เก็บขวดสุราคาดไว้ที่เอว เดินข้ามผ่านกำแพง และพลิกตัวลงไปยืนบนพื้น เขาไม่ได้เข้าไปรบกวนหยูเวิ่นหวินและฮูหยินต่ง แต่กลับเดินไปทางหงจวง

“เจ้ากำลังจะทำอะไร ?” มือของหงจวงยังคงกุมอยู่ที่ด้ามดาบ ดวงตาเย็นชาคู่นั้นยังคงมิผ่อนคลาย

“หากข้ากล่าวว่าข้ามาเฝ้ายาม เจ้าจะเชื่อหรือไม่ ? ”

หงจวงเอียงศีรษะหันมองไปทางหยูเวิ่นหวิน และพยักหน้า “ข้าเชื่อ นั่นหมายความว่าชูหลานมิได้อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ? ”

“เป็นเยี่ยงนั้น ตอนนี้เรื่องราวมันขัดแย้งกันหมดแล้ว จะจัดการเยี่ยงไร ? ”

“นั่นมิใช่เรื่องของข้า ข้าสนว่าเขาจะจัดการเยี่ยงไร”

และแล้วก็มีเสียงตื่นตระหนกดังขึ้นมา “ชูหลาน ชูหลาน ว้าย… !”

คาดว่าฮูหยินต่งคงพบแล้วว่าผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นสาวใช้นามว่าเสี่ยวฉี ซูม่อแบมือทั้งสอง “บอกกับองค์หญิง คุณชายฟู่และคุณหนูชูหลานไปจวนของอาจารย์ฉิน ข้าต้องไปแล้ว”

กล่าวจบซูม่อก็กระโดดข้ามกำแพงไป และหายตัวไปภายใต้ฝนของยามค่ำคืน จวนต่งในยามนี้ตกอยู่ในความอลหม่าน

“ตามคนมา ตามคนมาเดี๋ยวนี้ มีคนชั่วมาลักพาตัวชูหลานไปแล้ว ! ”

คบเพลิงจากทุกที่ในจวนต่งต่างไปรวมตัวกันที่ท้ายเรือน ทหารยามหลายสิบนายตกอยู่ในความแตกตื่น เสี่ยวฉีคลำท้ายทอยที่ยังคงปวดเล็กน้อยและมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า

หงจวงยกยิ้ม เจ้าหนุ่มนี่ช่างใจกล้า ถึงขนาดกล้าใช้กลอุบายเยี่ยงนี้มาชิงตัวคน !

นางเดินไปหาหยูเวิ่นหวินด้วยท่าทีตึงเครียด หยูเวิ่นหวินได้ยินเยี่ยงนี้ ตื่นตะลึงขึ้นมาทันพลัน ครุ่นคิดใคร่ครวญ และนางจึงกล่าวกับฮูหยินต่งด้วยอารามตื่นตระหนก “โอ้ ท่านป้า เข้าใจผิดไปแล้ว เมื่อครู่ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้าได้นัดชูหลานไปที่วังหลวงในตอนค่ำ ท่านดูการจดจำของข้าสิ เกรงว่าจะคลาดกันระหว่างผ่านทาง ท่านอย่าได้ตื่นตกใจไป ประเดี๋ยวข้าจะส่งชูหลานกลับมา เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ ข้าคงต้องรีบกลับไปโดยด่วนแล้ว”

ฮูหยินต่งชะงักนิ่งยืนอยู่กับที่ ด้วยสีหน้างุนงง มิใช่ชูหลานถูกกักบริเวณ วันนี้นางอยู่ในจวนทั้งวันมิได้ออกไปไหน แล้วฝ่าบาทไปนัดกับชูหลานเมื่อใดกัน?

และต่อให้ฝ่าบาทนัดกับชูหลานไว้แล้ว แล้วเหตุใดเสี่ยวฉีจึงถูกทำให้สลบและสวมรอยนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน?

นอกจากนี้ยังมีทหารยามที่อยู่ทางด้านหลัง เขากล่าวจะต้องมีฝีมือระดับสูง เขามิทันได้เห็นหน้าว่าใครก็ถูกทำให้สลบเสียก่อน เห็นได้ชัดว่านี่คือการลักพาตัว และเมื่อครู่องค์หญิงก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เหตุใดจึงได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเยี่ยงนี้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)