ตอนที่ 1015 ความในใจ
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หนึ่ง วันที่สิบเเปด เดือนสาม
พิธีถวายความเคารพจากเก้าเเคว้นต่อประเทศต้าเซี่ยได้เริ่มขึ้นตอนยามเฉิน โดยพิธีจัดขึ้นที่จัตุรัสด้านนอกของท้องพระโรงซวนเต๋อ
นี่เป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ของต้าเซี่ยและเป็นความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิเเห่งต้าเซี่ย ซึ่งมิว่าแคว้นใดก็มิอาจเทียบเคียงได้ !
นี่คือยุคสมัยอันรุ่งเรืองของต้าเซี่ยอย่างไร้ข้อกังขา !
ขุนนางในราชสำนักตื่นนอนตั้งเเต่ฟ้ายังมิสาง เเต่ละคนได้หวีผมเเต่งกายเต็มยศ จากนั้นก็ไปร่วมงานสำคัญด้วยท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา
ในช่วงนี้ชาวเมืองกวนหยุนล้วนเเสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
สองวันที่ผ่านมาท่าป๋าวั่งได้เที่ยวชมตรอกซอกซอยต่าง ๆ ในเมืองกวนหยุน เขารู้สึกตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีกเพราะเมืองกวนหยุนเจริญรุ่งเรืองเกินกว่าที่เขาคิด !
จักรพรรดิเเห่งต้าเซี่ยช่างมีเกียรติอันสูงส่งในหัวใจของราษฎร !
ที่นี่มีประชากรอาศัยถาวรมากกว่า 2 ล้านคน นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?
ในยุคสมัยอันรุ่งเรืองสูงสุดของเมืองซิ่งชิง เมืองหลวงเเห่งซีเซี่ยยังมีประชาชนอาศัยถาวรเพียงแค่ 1 ล้านคน
ทว่าทุกวันนี้เมืองซิ่งชิงมีประชากรหลงเหลืออยู่เพียง 800,000 คนเท่านั้น อีกทั้งส่วนมากยังเป็นสตรี เด็กเเละคนชรา
ทุกวันนี้คนหนุ่มถูกเกณฑ์ไปทำศึกสงคราม หลายคนได้จบชีวิตลงในสงครามโดยไร้โอกาสหวนคืนบ้านเกิด
เมืองซิ่งชิงถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกของความเศร้าหมอง ดุจหมอกหนาที่มองมิเห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็มิเคยจางหายไปจากหัวใจ เพียงเเค่หายใจก็ทำให้รู้สึกเศร้าสลดแล้ว
ทว่าบรรยากาศที่เมืองกวนหยุนกลับเเตกต่างไปโดยสิ้นเชิง !
ที่นี่มีร้านรวงชวนให้ตื่นตา สีหน้าของผู้คนแย้มยิ้มทุกชั่วขณะ
สิ่งที่พวกเขาเอ่ยถึงมากที่สุดก็คือองค์จักรพรรดิเเละเเผนการอันสวยงามที่พระองค์ทรงวาดไว้
ราวกับว่าฟู่เสี่ยวกวนคือผู้ยกระดับชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น อนาคตของต้าเซี่ยจึงไร้ขีดจำกัดในสายตาของราษฎร
“เจ้าคิดว่าต้าเซี่ยจะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดจริงหรือ ? ”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อม…กระหม่อมมิกล้าเอ่ยพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่มันยามใดเเล้ว อีกประเดี๋ยวพวกเราต้องเดินทางไปยังพระราชวังแล้ว มีอันใดให้ท่านมิกล้าเอ่ยกัน ? ”
ท่าป๋ายวี่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “กระหม่อมเห็นว่า…อย่างน้อยในตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนยังมีชีวิตอยู่ อนาคตของต้าเซี่ยย่อมไร้ขอบเขตพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านหมายความว่าหากซีเซี่ยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของต้าเซี่ย อนาคตของแคว้นซีเซี่ยก็จะไร้ขอบเขตเช่นกันเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ท่าป๋ายวี่รีบก้มคารวะ “ทูลฝ่าบาท นี่… นี่ก็ขึ้นอยู่กับพระดำริของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลบางอย่างที่มิบังควร ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับต้าเซี่ยตามที่จักรพรรดิเเห่งต้าเซี่ยทรงตรัส ณ กวนหยุนถายเมื่อวันนั้น การที่ว่าให้ชาวซีเซี่ยปกครองตนเองก็หมายความว่าฝ่าบาทยังคงผู้ปกครองแคว้นซีเซี่ยอยู่ ทว่า…ฝ่าบาทจะมิได้ดำรงตำเเหน่งองค์เหนือหัวอีกต่อไปแล้ว ฝ่าบาทจะได้เป็นจ่งตูประจำเขตปกครองตนเองซีเซี่ย หมายถึงเป็นขุนนางในองค์จักรพรรดิต้าเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เป็นเเค่ประการเเรกเท่านั้น ประการที่สองก็คือทางประเทศต้าเซี่ยจะใช้วิธีสอบคัดเลือกขุนนาง กระหม่อมได้ยินจากหยวนตงเต้าซึ่งก็คือเเคว้นหลิวในอดีตว่าทุกวันนี้พวกเขาได้ใช้ตำราการสอนเเบบเดียวกันกับต้าเซี่ย นี่คือการหลอมรวมวัฒนธรรมให้เป็นหนึ่งเดียวซึ่งเป็นดั่งเช่นนโยบายที่ฟู่เสี่ยวกวนใช้สร้างต้าเซี่ยขึ้นมาในตอนเเรกเริ่ม… ใช้ตัวอักษรเดียวกัน ใช้ขนาดของรถม้าเท่ากัน ใช้ระบบบริหารเดียวกันและใช้กฎหมายเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมเห็นว่าในอีกมิกี่ปีหลังจากนี้ ซีเซี่ยคงมิอาจดำรงอยู่ต่อไปได้แล้ว ผืนปฐพีนี้จะมีเพียงประเทศต้าเซี่ยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ดังนั้น…เรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ท่าป๋ายวี่มิได้เอ่ยอย่างคลุมเครือ แต่ก็มิได้เอ่ยโน้มน้าวให้ท่าป๋าวั่งปล่อยวางอำนาจแห่งองค์ฮ่องเต้เช่นกัน
เพราะเมื่อได้กุมอำนาจแล้ว หากต้องการปล่อยวางก็จำต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยว
ทั่วทั้งใต้หล้าไร้ซึ่งจักรพรรดิพระองค์ใดที่เต็มใจยินยอมสละอำนาจในมือให้หลุดลอยไป เพราะเมื่ออำนาจของจักรพรรดิเสื่อมถอย เมื่อนั้นสามัญชนจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
แน่นอนว่าท่าป๋าวั่งเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี ช่วงนี้เขาจึงนอนมิค่อยหลับ จิตใจว้าวุ่นพลิกตัวไปมาบนเตียงนอนด้วยสาเหตุนี้
ความกลัดกลุ้มใจย่อมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ อาทิเช่นหากฟู่เสี่ยวกวนเป็นคนไร้คุณธรรมไร้น้ำใจขึ้นมา อืม…แน่นอนว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปมิได้เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยย่อมเป็นผู้ที่หนักแน่นในวาจา
ทว่าอีกหนึ่งร้อยปีหลังจากนี้เล่า ?
เมื่อประเทศต้าเซี่ยเปลี่ยนองค์จักรพรรดิ เขตปกครองตนเองซีเซี่ยจะยังเป็นเขตปกครองตนเองเสมอไปหรือไม่ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)