ตอนที่ 1026 ปืนนี้มิเลว !
ณ ท่าเรือเซี่ยเย๋ ค่ายฝึกของกองนาวิกโยธิน
เฮ้อซานเตาถือปืนเหมาเซ่อราวกับเด็กน้อยที่กำลังถือของเล่นชิ้นโปรด เขาพลิกมันไปมาเพื่อสำรวจ จับตรงโน้นทีตรงนี้ที ทั้งยังแบกขึ้นบ่าแล้วนำมาเล็งเป็นระยะ
เสนาธิการถางเชียนจวินเบ้ปากแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพ…ข้าน้อยเห็นว่าท่านแบกปืนอยู่เป็นชั่วยามแล้ว ยังมิพออีกหรือขอรับ ? ”
เฮ้อซานเตาฉีกยิ้มยิงฟัน “เสี่ยวถางเอ๋ย เจ้ามิเข้าใจความสุขของลูกผู้ชายเอาเสียเลย ความสุขของผู้ชายก็เรียบง่ายเช่นนี้แหละ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อถือปืนขึ้นมา ข้าก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด ! ”
เขายกปืนขึ้นแล้วจ้องมองถางเชียนจวินที่หน้าดำคร่ำเครียด จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “เมื่อมิกี่วันก่อน ถางจู้กั๋วได้ส่งจดหมายถึงข้า เขาขอให้ข้าฝึกเจ้าโหด ๆ เจ้าไปทำอันใดให้ท่านปู่ขุ่นเคืองมาเล่า ? หรือว่าเขายังมิรู้ว่าปกติข้าฝึกคนเยี่ยงไร ? ”
ถางเชียนจวินเริ่มใจคอมิดีเพราะตั้งแต่ผู้บัญชาการที่มิน่าเชื่อถือผู้นี้เข้ามาดูแลกองนาวิกโยธิน ตนก็ติดกับจนขยับเขยื้อนมิได้ ทั้งยังอับจนหนทางในการเอาคืน…ทหารทุกนายล้วนแต่เป็นผู้มีฝีมือขั้นหนึ่งเหมือนกันทั้งสิ้น ทว่าสู้เยี่ยงไรก็มิอาจเอาชนะเจ้าหมอนี่ได้ !
เพลงดาบของเฮ้อซานเตานั้นไร้เทียมทาน แต่ละกระบวนท่าราวกับมีพลังที่สามารถขโมยจิตวิญญาณของผู้คนได้ !
การที่ต้องเผชิญหน้ากับเฮ้อซานเตาคือการถูกกดขี่รูปแบบหนึ่ง สรุปก็คือฝีมือขั้นหนึ่งของอีกฝ่ายค่อนข้างโดดเด่นมิเหมือนผู้ใด
“นี่เขากำลังบีบบังคับให้ข้าน้อยกลับไปนัดดูตัวใช่หรือไม่ ? อีกอย่างช่วงนี้ข้าน้อยยังถูกฝึกมิโหดพออีกหรือ ? ”
เฮ้อซานเตารู้สึกสนใจขึ้นมาทันใด เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยถามว่า “บุตรสาวตระกูลใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หลานสาวของท่านเสนาบดีเมิ่ง มีนามว่าเมิ่งอวีเหลียนขอรับ”
“ก็ดีนี่ ! พวกเจ้าทั้งสองคนก็ดูคู่ควรกันดี เหตุใดถึงมิกลับไปดูตัวเล่า ? ข้าอนุญาตให้เจ้าลากลับได้หนึ่งเดือน ! ”
“ข้าน้อยมิรีบร้อน รอให้ฝึกเสร็จก่อนเถิดค่อยว่ากัน ไปกันเถิดขอรับ ปืนนี้มิเหมือนกับปืนรุ่นก่อน ต้องรีบนำไปให้ทหารฝึกฝนเพื่อที่จะได้คุ้นชิน”
“ก็ได้ ! ทว่าข้าจะจำเรื่องนี้ของเจ้าไว้อย่างดีและเมื่อฝึกเสร็จแล้ว เจ้าต้องกลับไปดูตัว เรื่องใหญ่เช่นนี้ต้องกำหนดให้ชัดเจนเนื่องจากโบราณกล่าวไว้ว่า…ลูกผู้ชายต้องมีครอบครัวและมีหน้าที่การงาน ที่เอ่ยให้ครอบครัวอยู่ด้านหน้าก็เพราะการมีครอบครัวสำคัญกว่าการมีหน้าที่การงานเยี่ยงไรเล่า ! ”
ทั้งสองเดินออกจากค่ายพักไปยังสนามฝึก “จงเอาข้าเป็นกรณีตัวอย่าง เจ้าดูเถิด…ทุกวันนี้ข้าเป็นผู้บัญชาการควบสองกองทัพ นี่มิใช่เพราะข้าเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วหรอกหรือ ? เสี่ยวถางเอ๋ย…”
“หยุดเรียกข้าน้อยว่าเสี่ยวถางสักทีเถิด ข้าน้อยอายุ 22 ปีแล้วนะ ! ”
“ได้ ๆ ๆ เสี่ยวถางเอ๋ย ข้าจะบอกให้ว่าลูกผู้ชายเมื่อเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วชีวิตย่อมมั่นคง พี่ชายจะบอกเจ้าว่าก่อนที่พี่ชายจะแต่งงานนั้น…”
เฮ้อซานเตายังมิทันได้เอ่ยจนจบ ฮว่าหนานสวินเสนาธิการของกองทัพเรือที่สามก็วิ่งเข้ามาขัดอย่างรีบร้อนเสียก่อน “รายงานท่านแม่ทัพ มีคำสั่งด่วนมาจากกรมกลาโหมขอรับ ! ”
เฮ้อซานเตาฉีกยิ้มยิงฟัน “มีงานให้ทำแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฮว่าหนานสวินพยักหน้าอย่างตั้งใจ “เกรงว่าจะเป็นงานใหญ่เสียด้วยขอรับ ! ”
เฮ้อซานเตารับกระดาบคำสั่งมาอ่านด้วยความดีอกดีใจ ‘คำสั่งที่หนึ่งจากกรมกลาโหม ให้กองนาวิกโยธินฝึกปืนรุ่นใหม่จนคุ้นชินภายในห้าวัน จากนั้นให้กองนาวิกโยธินเข้าประจำฐานทัพเพื่อรอฟังคำสั่งต่อไป ! ’
คำสั่งเพียงสั้น ๆ ทว่าตีความหมายได้มิง่ายเลย
เฮ้อซานเตาขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็ส่งกระดาษรายงานให้กับถางเชียนจวิน “เจ้าร่ำเรียนมาเยอะ ช่วยวิเคราะห์ให้ข้าทีว่านี่หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
ถางเชียนจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ประการแรก นี่คือคำสั่งที่หนึ่งจากกรมกลาโหมซึ่งมิเคยมีมาก่อนจึงบ่งบอกถึงความสำคัญของคำสั่งฉบับนี้ได้เป็นอย่างดี ประการที่สองคือให้ฝึกใช้ปืนเหมาเซ่อจนคุ้นชินภายในห้าวัน…แสดงว่าเรื่องนี้เร่งด่วนเป็นอย่างมาก ดังนั้นอาจจะมีงานใหญ่ให้ทำขอรับ”
“และประการที่สามคือให้ประจำฐานทัพเพื่อรอฟังคำสั่ง…แสดงว่าแผนการรบกำลังอยู่ในขั้นตอนหารือ หรืออาจจะอยู่ระหว่างเดินทางมาที่นี่ ท่านแม่ทัพขอรับ บัดนี้พวกเราต้องรีบฝึกเหล่าทหารให้คุ้นชินกับปืนโดยเร็วที่สุด”
เฮ้อซานเตายืนทื่ออยู่ครู่หนึ่ง “ช้าก่อน…ปืนนั่นเพิ่งส่งมาถึงเพียงแค่ 1,000 กระบอก ทว่าพวกเรามีกำลังพลตั้ง 20,000 นาย แล้วจะให้ทำเยี่ยงไร ? ”
“เรียนท่านแม่ทัพ นี่คืออาวุธรูปแบบใหม่ ทางกรมสรรพาวุธคงจัดซื้อมามิเพียงพอ เช่นนั้นก็ให้ทหารผลัดกันฝึกเพราะกระสุนได้ส่งมาตั้ง 20,000 นัดมิใช่หรือขอรับ ? ”
เฮ้อซานเตาหันไปถลึงตาใส่ “กระสุน 20,000 นัดจะใช้ได้กับผีอันใด เช่นนั้นหนึ่งคนก็ยิงได้เพียงแค่หนึ่งคราน่ะสิ จะฝึกใช้ให้คล่องได้เยี่ยงไรเล่า ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)