นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 103

ตอนที่ 103 เรียกพี่เขย

เพียงพริบตาเวลาได้ผ่านไปสองวันแล้ว รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 8 เดือนเก้าวันที่ยี่สิบแปด ราชวงศ์หยูชิวเหวย ฝนในฤดูใบไม้ร่วงได้สิ้นสุดลงแล้ว

ช่วงกลางวันของสองวันที่ผ่านมา ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ออกไปไหนและขังตัวอยู่แต่ในโรงเตี๊ยมเพื่อฝึกฝนคัมภีร์พระสูตรเก้าหยาง และประพันธ์ความฝันในหอแดง

เมื่อคืนหยูเวิ่นหวินลอบออกจากวังหลวงมาหาเขา ทั้งสองก็เดินไปคุยไปที่แม่น้ำฉินหวาย แต่มิสามารถอยู่จนดึกดื่นได้ หากดึกเกินไปจนประตูวังหลวงปิดและหากเกิดเรื่องหยูเวิ่นหวินไม่ได้กลับไปยังวังหลวงจะต้องลำบากเป็นแน่

ฟู่เสี่ยวกวนทราบเรื่องที่ต่งชูหลานถูกกักบริเวณอย่างเข้มงวดแล้ว โดยมีฮูหยินต่งเป็นผู้คุมด้วยตนเอง และตอนนี้ตระกูลเยี่ยนก็กำลังหารือกับตระกูลต่งเรื่องปัญหางานสมรสของต่งชูหลานและเยี่ยนซีเหวิน

ช่างยอดเยี่ยมอะไรเยี่ยงนี้ !

ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกเดือดดาลอย่างยิ่ง แต่หยูเวิ่นหวินก็บอกเขาว่าอย่าเพิ่งเร่งร้อน ต่งชูหลานเขียนบทความขึ้นมาและไหว้วานให้นางนำไปให้องค์หญิงใหญ่ คิดว่าประเดี๋ยวองค์หญิงใหญ่คงจะออกหน้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เป็นแน่

ในสองวันนี้ฝ่าบาทยังมิได้เรียกเขาเข้าเฝ้า ฟู่เสี่ยวกวนจึงแอบกังวลเล็กน้อย เขามิได้แสดงออกไปต่อหน้าหยูเวิ่นหวิน เพียงแค่คิดว่าหากผ่านไปหลายวันเข้า แล้วฝ่าบาทยังมิเรียกเขาเข้าเฝ้า เกรงว่าคงจะต้องเดินไปตามทางที่ฉินปิ่งจงกล่าวไว้

ฉินปิ่งจงได้แนะนำคนผู้หนึ่งให้เขารู้จัก สีฉวินเหมย !

บุตรชายคนรองของหัวหน้าตระกูลสี เสนาบดีกรมราชทัณฑ์แห่งราชวงศ์หยู ทั้งยังเป็นลูกศิษย์ของฉินปิ่งจง และเป็นสหายสนิทกับฉินติ้งฟาง บุตรชายของฉินปิ่งจง หากมีคนเหล่านั้นมาเยือนในรอบสองรอบ บางทีอาจจะหลีกเลี่ยงความโชคร้ายของตระกูลฟู่ไปได้

จดหมายฝากฝังที่ฉินปิ่งจงเขียนนั้นยังคงอยู่ในแขนเสื้อของเขา หากมิต้องนำออกมาใช้ย่อมเป็นการดีที่สุด

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่ 8 เดือนสิบวันที่หนึ่ง เข้าสู่ช่วงกลางของฤดูใบไม้ร่วง ทะเลสาบเว่ยยางมีหมอกลอยไปมาเอื่อย ๆ บนน่านน้ำมีเรืออูเผิงตรงไปยังหลานถิงจี๋อย่างมากมาย วันนี้เป็นวันประกาศรายชื่อชิวเหวย ป้ายทองนั้นจะติดอยู่ที่หอหลานถิง

ต่งซิวเต๋อมาหาฟู่เสี่ยวกวนถึงโรงเตี๊ยมแต่เช้า มุ่งมั่นที่จะเชิญฟู่เสี่ยวกวนไปยังหลานถิงจี๋ นั่นทำให้ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เจ้ามิแม้แต่จะเข้าร่วมการทดสอบด้วยซ้ำ จะสนใจเรื่องรายชื่อของผู้อื่นเพื่ออันใดกัน

“ครึกครื้น ! ข้าขอบอกกับเจ้าเลย หลานถิงจี๋ในวันนี้ครึกครื้นอย่างยิ่ง”

เอาเถอะ คนผู้นี้อยากจะไปรับชมความครึกครื้น แน่นอนว่าย่อมมีความคิดอื่นที่นอกเหนือจากความครึกครื้นอยู่แล้ว ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงหยิบตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงให้เขาหนึ่งใบ

“ข้ารบกวนพี่รองจองหนึ่งโต๊ะที่หอซื่อฟาง”

ต่งซิวเต๋อดีใจขึ้นมาทันพลัน ดูสิ เขายังเป็นน้องเขยที่ยอดเยี่ยม

เมื่อนึกถึงคำว่าน้องเขย ต่งซิวเต๋อก็นึกถึงน้องสาวที่ถูกขังอยู่ในจวน

“น้องสาวข้า นางยังคงดิ้นรนอยู่ เจ้าสบายใจได้”

คำพูดนี้ ราวกับต่งชูหลานเป็นปลาที่อยู่บนเขียง

“สองวันมานี้ท่าทางของบิดาข้าดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างน้อยก็มิมีท่าทีเข้มงวดอย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อวาน ข้าเห็นสีหน้าของบิดาดูทนทุกข์ยิ่ง ท่านเดินไปเดินมาอยู่ภายในเรือนของน้องสาวข้า เดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด เจ้าได้ใช้กลอุบายอันใดแล้วหรือไม่ ข้ามิเคยเห็นท่านพ่อมีท่าทางยอมแพ้เยี่ยงนี้มาก่อนเลย”

ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองต่งซิวเต๋อ นึกสงสัยว่าองค์หญิงใหญ่ลงไปพบเสนาบดีต่งแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

เพียงไม่นาน หยูเวิ่นหวินก็มาถึงโรงเตี๊ยม นั่นทำให้ต่งซิวเต๋อตื่นตระหนกยกใหญ่ เพราะหยูเวิ่นหวินมักไปหาต่งชูหลานที่จวนต่ง ดังนั้นต่งซิวเต๋อจึงรู้จักตัวตนของหยูเวิ่นหวินเป็นอย่างดี

เป็นการพบพานที่น่าประหลาดยิ่ง ต่งซิวเต๋อกำลังจะคารวะ แต่หยูเวิ่นหวินก็จับเขาเอาไว้ “อย่าโหวกเหวกไป เรียกข้าว่าพี่สาวก็เพียงพอแล้ว”

“ฝ่า… มิใช่ เจ้าอ่อนกว่าข้าชัด ๆ !”

“เรียกข้าว่าพี่สาว ! ”

“อ่อ พี่สาว”

“อืม เยี่ยม ! ” หยูเวิ่นหวินหัวเราะ ต่งซิวเต๋อเหลือบมองหยูเวิ่นหวินและเหลือบไปมองฟู่เสี่ยวกวน นี่มันมิถูก ฝ่าบาทเข้ามาทำอันใดในห้องของฟู่เสี่ยวกวนกัน?

ฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวงเพียงไม่กี่วันก็เกี้ยวองค์หญิงเก้าได้แล้วหรือ ?

แล้วน้องสาวของข้าจะทำเยี่ยงไร?

เพียงแค่คิดว่าน้องเขยจะโผบินไป ต่งซิวเต๋อก็ไร้เรี่ยวแรง ในยามนี้เขากำลังมองฟู่เสี่ยวกวนและหยูเวิ่นหวินพูดคุยกัน ท่าทางเล่นหูเล่นตา อากัปกิริยาที่ชิดเชื้อสนิทสนม——มิได้ น้องสาวของเขาไร้หนทางจะออกมาจากจวน แต่จะปล่อยให้น้องเขยผู้นี้ถูกนางจิ้งจอกพาตัวไปมิได้เป็นอันขาด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)