ตอนที่ 1037 วิทยาศาตร์และเทคโนโลยีคือกำลังการผลิตหลัก !
ณ ศาลาเถาหราน จวนเซิ่งกั๋วกง
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ในนั้นเพียงลำพัง
ชายอ้วนเป็นหมัน เรื่องนี้ได้ทำให้เขาเข้าใจหลากหลายเรื่องราวในที่สุด
ชายอ้วนยืนกรานที่จะมิขึ้นครองบัลลังก์ เพราะเขารู้ดีว่าหากตนได้เป็นจักรพรรดิ การสืบทอดราชบัลลังก์ก็จะเกิดปัญหา !
ชายอ้วนรังแกไทเฮาซั่ง ทั้งยังทำให้จักรพรรดินีเซียวต้องประสบกับหายนะ คาดว่าทั้งหมดนี้อาจจะมีต้นตอมาจากจิตใจที่วิปริต
บรรพบุรุษของตนได้ทำให้ชีวิตของชายอ้วนย่อยยับมิมีชิ้นดี ทว่าเพราะตนเป็นลูกชายของสวี่หยุนชิงและอู๋ฉางเฟิง ชายอ้วนจึงตั้งใจเลี้ยงดูตนราวกับว่าเป็นลูกในไส้
ชายอ้วนมิได้ร้องขอให้ตนปลดเขาออกจากตำแหน่งจักรพรรดิพระเจ้าหลวง เพราะเขาเห็นตนเป็นลูกแท้ ๆ
เขาไปยังภูเขาต้าเซียนเปยเพื่อตามหาซูฉางเชิง ทั้งยังมิอนุญาตให้ซูเจวี๋ยและเกาหยวนหยวนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะเขาอยากตาย !
เขาบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการแล้ว ทว่าก็แข็งใจกลับมาเพียงเพราะอยากพบตนเป็นคราสุดท้าย เพื่อให้ตนได้เป็นคนส่งลงหลุมศพในวาระสุดท้าย ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นความปรารถนาของเขา
ทว่าเป็นเพราะยาเสริมกำลังภายในเม็ดนั้น เขาจึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครา
เขามิให้ตนกลับไปยังจวนฟู่ที่หลินเจียง เพราะเขาต้องการฆ่าล้างบางบรรดาน้า ๆ และบุตรของพวกนางเป็นแน่ !
เพราะพวกเขามิใช่ลูกแท้ ๆ ของชายอ้วน
ที่เขามิยอมกลับไปสักที ก็เพราะเขาทำใจสังหารพวกนางมิได้
เขาเป็นผู้ที่น่าสงสารคนหนึ่ง เพราะสิ่งเดียวที่เขามีในใต้หล้านี้ก็คือบุตรชายเยี่ยงตน
เฮ้อ…ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจยาว เขาเองก็จนปัญญาที่จะรักษาอาการเป็นหมันอย่างแท้จริง และตัวเขาเองก็มิใช่หมอที่มากประสบการณ์อันใด
ชายอ้วนเลี้ยงดูตนจนอายุได้ 16 ปี เขาคู่ควรกับตำแหน่งจักรพรรดิพระเจ้าหลวง และเมื่อเขาได้ลาลับใต้หล้านี้ไปแล้ว ร่างของเขาก็ควรถูกฝังไว้ที่สุสานจักรพรรดิ
ว่าแต่เขาจะลงมือสังหารบรรดาน้า ๆ และบุตรของพวกนางได้ลงคอหรือ ?
……
……
เมืองจินหลิงในช่วงเดือนห้านั้นงดงามมากยิ่งนัก
ฟู่เสี่ยวกวนฝึกคัมภีร์พระสูตรเก้าหยางอยู่ที่ศาลาเถาหรานเป็นเวลา 2 เค่อ เมื่อเขาได้บรรลุเป็นผู้มีฝีมือขั้นสอง เขาก็รู้สึกได้ถึงกำลังภายในที่แข็งแกร่งมากขึ้นได้อย่างชัดเจน
เขามิได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างใดที่ต้องใช้ยาเสริมกำลังภายใน 1 เม็ดเพื่อช่วยชีวิตของชายอ้วนเอาไว้ การที่สามารถยื้อชีวิตชายอ้วนไว้ได้ มันคุ้มค่ายิ่งกว่าการบรรลุเป็นปรมาจารย์เสียอีก
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้พาเจี่ยหนานซิงไปเยือนท้องพระโรงเฉิงเทียน
นี่เป็นคราแรกที่เขาได้ขึ้นไปเหยียบบนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรงเฉิงเทียน
เขารู้จักขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นเป็นอย่างดี เขาเองก็เคยยืนอยู่ด้านล่างนี้เช่นกัน อีกทั้งยังยืนอยู่ด้านหลังสุดอีกด้วย
เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อมองไปยังตำแหน่งที่ตนเองเคยยืนอยู่ ทว่าวันนี้มีหลี่ฉายหัวหน้ากรมการค้าประจำเมืองหลวงรองยืนอยู่ที่ตรงนั้น
เมื่อรู้ว่าฝ่าบาทเสด็จมาเยือนเมืองจินหลิงและวันนี้ต้องร่วมการประชุมราชสำนัก เหล่าขุนนางของเมืองหลวงรองจึงรีบมารอที่หน้าประตูพระราชวังตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่าง
ขุนนางหลายคนมีความรู้สึกเอ่ยมิออกบอกมิถูกต่อฟู่เสี่ยวกวน สุดท้ายแล้วเขาก็คือคนที่กวาดล้างราชวงศ์หยู ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็ลบล้างราชวงศ์อู๋ออกไปด้วย จากนั้นก็สถาปนาต้าเซี่ยขึ้นมาใหม่… นี่ช่างเป็นแผนการที่ชาญฉลาดมากยิ่งนัก !
ขุนนางที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์หยูกลับมิได้รู้สึกโกรธแค้นเขาอย่างที่คิด กลับกันในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาต่างก็ยอมรับคำสั่งจากราชสำนักส่วนกลางของต้าเซี่ย ทั้งยังปฏิบัติอย่างแข็งขัน
ในขณะที่กำลังดำเนินการตามคำสั่งเหล่านั้น พวกเขาจึงค่อย ๆ เข้าใจว่านโยบายการบริหารบ้านเมืองของฟู่เสี่ยวกวนโดยสรุปยังคงเป็นนโยบายการค้าคู่การเกษตร เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ภายใต้การบริหารของฟู่เสี่ยวกวน การดำเนินนโยบายนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
แน่นอนว่ายังมีขุนนางอีกหลายคนที่มิเข้าใจบางนโยบายของเขา ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาภาคบังคับหรือบ้านพักคนชรา และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รวมไปถึงศูนย์วิทยาศาสตร์และศูนย์วิจัยทางการแพทย์เป็นต้น
นี่มันผิดเพี้ยนไปจากสำนักศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แบบเดิม แม้ว่าแต่ก่อนอาจจะมีเค้าโครงให้เห็นบ้าง ทว่าก็มิได้แตกแขนงออกมาเฉกเช่นทุกวันนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)