อ่านสรุป ตอนที่ 1053 สหาย จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1053 สหาย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 1053 สหาย
เมืองต้าติ้งแห่งนี้ตกอยู่ในความโกลาหล
นี่คือเมืองที่มีประชากรมากถึง 800,000 คน ทว่าบัดนี้ผู้คนเหล่านั้นกำลังพาครอบครัวหนีตายไปทางประตูเมืองทั้งสี่ทิศ
ผู้บัญชาการกองทหารรักษาเมืองหยวนเปียวได้รับคำสั่งจากองค์ชายรอง นับตั้งแต่บัดนี้สืบไป เขาและทหารรักษาเมืองทุกคนจะอยู่ในการควบคุมของถังเชียนจวิน
สถานการณ์ภายในเมืองต้าติ้งบัดนี้ได้กระจ่างชัดแล้ว เชื้อพระวงศ์ทุกคนกลายเป็นตัวประกันของกองทัพที่ได้ชื่อว่าพันธมิตรแล้ว รวมถึงเขาและครอบครัวของหัวหน้าหน่วยเหล่านั้นต่างก็กลายเป็นตัวประกันไปแล้วเช่นกัน เขายังจะสามารถทำอันใดได้อีกกัน ?
ศึกครานี้ปะทะกันได้ยุ่งเหยิงถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
เขารู้สึกว่าตนเองยังมิเข้าใจว่าบัดนี้มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่
องค์ชายรองนำทัพพาพวกเขาไปยึดครองเมืองชั้นนอก โจมตีเมืองชั้นใน ทันทีที่เมืองชั้นในถูกยึดครอง สุดท้ายก็ได้มีกองทัพพันธมิตรที่มีพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังเหินนภาลงมา
กองพันธมิตรได้ยึดครองเมืองชั้นในไปแล้ว ทั้งยังทำการจับกุมเชื้อพระวงศ์และเสนาบดีในราชสำนักเอาไว้ทั้งหมด เขาคิดว่านี่คือพระประสงค์ขององค์ชายรอง แต่เขากลับคาดมิถึงว่าผลลัพธ์จะกลายเป็นว่าองค์ชายรองก็คือหนึ่งในเชลยศึกเช่นกัน
แท้จริงแล้วภูมิหลังของกองทัพพันธมิตรเป็นเยี่ยงไร ?
สุดท้ายเขาก็ได้ทราบว่านี่คือกองนาวิกโยธินของประเทศต้าเซี่ย !
เขาเพิ่งทราบว่าบุรุษที่ตบบ่าแล้วเรียกเขาว่าสหายผู้นั้นเป็นผู้นำของกองทหารทัพนี้ เขามีนามว่าเฮ้อซานเตา !
กองพันธมิตรแย่งชิงผลประโยชน์กันเองเยี่ยงนั้นหรือ ?
ดังนั้นข้ายังสามารถทำอันใดได้อีกกัน ? ข้าเป็นเนื้อปลาส่วนผู้อื่นเป็นมีดแล่ เขาทำได้เพียงรับคำสั่งจากองค์ชายรอง และปฏิบัติตามเท่านั้น
“เจ้าจงนำทหารรักษาเมือง 100,000 นายไปขับไล่ชาวเมืองที่ยังมิยอมย้ายออกไป และจงขนย้ายเสบียงของชาวเมืองทั้งหมดไปยังเมืองชั้นใน เร็วเข้า…ศัตรูใกล้จะมาถึงแล้ว ! ”
“ขอรับ ข้า…ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้ ! ”
หยวนเปียวรู้สึกกลัดกลุ้มใจมากยิ่งนัก ศัตรูใกล้จะมาถึงแล้ว ทว่าสุดท้ายแล้วศัตรูคือผู้ใดกัน ?
องครักษ์หลวงขององค์ชายห้าเยลู่ซ่วยก็ได้ส่งมอบให้กับถังเชียนจวินแล้ว เขาทำการจัดระเบียบใหม่อีกครา และให้คนเหล่านั้นออกไปด้านนอกกำแพงเมืองเพื่อเตรียมการป้องกัน
บัดนี้เฮ้อซานเตาได้ครอบครองกำลังพลมากถึง 300,000 นาย เขาเปลี่ยนจากแผนเดิมที่ตั้งใจจะคุ้มกันเพียงเมืองชั้นในเท่านั้นเปลี่ยนเป็นคุ้มกันทั่วทั้งเมืองต้าติ้ง
น่าเสียดายที่มิมีปืนใหญ่หงอี ทว่าข้ามีลูกกระสุนปืนเหมาเซ่อมากถึง 400,000 นัด
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป จงไปบอกทหารของกองนาวิกโยธินทุกนาย ให้เหลือไว้ 500 นายคอยคุ้มกันเชลยศึก ส่วนที่เหลือให้ไปพักผ่อนตามอัธยาศัย นอกจากนี้ปล่อยคนครัวของห้องอาหารมาทั้งหมด ส่งคนไปจับตามองตอนที่พวกเขาทำอาหารก็พอ เมื่อท้องอิ่มถึงจะมีแรงสู้ต่อ”
เฮ้อซานเตากำชับกับจ้าวลี่จู้หนึ่งประโยค จ้าวลี่จู้รับคำสั่งและรีบออกไปทันใด
ซุยเยว่หมิงนั่งลงตรงข้ามเฮ้อซานเตา จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย “เจ้ามิกลัวพวกเขาจะทรยศจริง ๆ หรือ ? ”
“ทรยศอันใดกัน ? นั่นเป็นกลุ่มที่มิมีประโยชน์อันใดเลย อ่า…องค์ชายรอง กระหม่อมมิได้กล่าวถึงพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงเป็นสหายของกระหม่อมแล้ว มา ๆ ๆ พวกเรามาดื่มชากันเถิด ในกองทัพมีกฎอยู่ ยามที่ทำศึกมิสามารถดื่มสุราได้ หลังจากจบสงครามครานี้แล้ว ข้าจะเชิญท่านมาดื่มด้วยกันอย่างเป็นทางการสักครา”
องค์ชายรองเยลู่ซู่หดหู่ใจยิ่งกว่าเดิม “ท่านแม่ทัพ…เกรงว่าท่านยังมิทราบข่าวว่ากองทัพอสนีบาตเก่งกาจมากเพียงใด ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ” เฮ้อซานเตาหัวเราะร่า “เกรงว่าพระองค์คงยังมิทราบว่าวิธีการฝึกของกองทัพอสนีบาตก็ได้มาจากการทหารดาบเทวะของพวกเรา พระองค์ว่าซูฉางเซิงที่ศึกษามาอย่างผิวเผินเพื่อตอกหน้าทหารดาบเทวะที่เป็นต้นฉบับ มิใช่ว่าเขากำลังรนหาที่ตายอยู่หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่พวกเขามีจำนวนมากกว่า ! ”
“ดี ดีมาก ซานเตา ทั้งหมดเพื่อประเทศต้าเซี่ย ! ”
“เพื่อเป็นการรับประกันคุณงามความดีของท่าน พี่ซู่ กระหม่อมขอแนะนำให้ท่านลงไปควบคุมกองทัพด้วยตนเองและรอต้อนรับการมาถึงของทหารฝ่ายเหนือ เรื่องการป้องกันมอบให้กับถังเชียนจวิน เขาสามารถจัดการได้ สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือทำให้กองทัพฝ่ายเหนือยอมศิโรราบ เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นคุณงามความดีคราใหญ่แล้ว”
เยลู่ซู่ลุกขึ้นยืน ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ดี ! เยี่ยงนั้นข้าจะไปรอการมาถึงของกองทัพฝ่ายเหนือที่ด้านนอกกำแพงเมือง เจ้าสามารถส่งคนมาติดตามข้าได้ กองทัพฝ่ายเหนือเป็นกองทัพของข้า ข้ารับประกันได้เลยว่ากองทัพฝ่ายเหนือจะสวามิภักดิ์ต่อประเทศต้าเซี่ยอย่างแน่นอน”
เฮ้อซานเตาโบกมือ “ท่านเอ่ยได้ห่างเหินมากยิ่งนัก พวกเราต่างก็เป็นสหายกัน สิ่งสำคัญของการเป็นสหายคืออันใดเล่า ? ก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจ กระหม่อมเชื่อว่าพี่ซู่จะมิเกิดความลังเลอีกเป็นแน่ กระหม่อมจะรอฟังข่าวดีจากพี่ซู่พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้น…ข้าขอตัวก่อน”
“ตามสบาย เมื่อศึกครานี้จบลงแล้ว พวกเราค่อยมาสนทนาและดื่มสุราด้วยกัน ! ”
“อืม ! ”
ซุยเยว่หมิงนั่งมองเฮ้อซานเตาเกลี้ยกล่อมเยลู่ซู่จนสำเร็จทั้งอย่างนั้น ในยามที่เยลู่ซู่เดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรก็มิมีทหารคนใดตามเขาไปแม้แต่คนเดียว เขาสาวเท้าอย่างรวดเร็ว ราวกับได้ค้นพบความหวังใหม่แล้ว
“เจ้า…เจ้ามิกลัวว่าเขาจะหนีไปพร้อมกับกองทัพฝ่ายเหนือเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ซุยเยว่หมิง ท่านคิดอันใดอยู่กัน ดินแดนแห่งนี้ใกล้จะเป็นของประเทศต้าเซี่ยเต็มทีแล้ว เขาจะสามารถหนีไปที่ใดได้อีกกัน ? ”
เฮ้อซานเตาดื่มน้ำชาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ “เขาเป็นคนฉลาด ข้าเอ่ยจากใจจริงออกมาให้เขาฟังจนหมดแล้ว หากเขายังมิเข้าใจว่ากำลังจะเกิดอันใดขึ้น… เยี่ยงนั้นเขาก็จะมีชีวิตอยู่เยี่ยงสุนัขไปชั่วชีวิต”
เยลู่ซู่ย่อมมิหนีเป็นแน่ เขาเองก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างดี
ประเทศต้าเซี่ย… มิมีประเทศใดสามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)