นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1063

ตอนที่ 1063 ช่วยหน่วยทหารของเฮ้อซานเตา (2)

ท้องนภามืดสลัวได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองต้าติ้ง

ทหารรักษาเมืองที่กำลังทานข้าวอยู่จำต้องกลืนอาหารไปทั้งอย่างนั้นโดยที่ยังมิทันได้เคี้ยว ทหารที่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ต้องลุกขึ้นมาในทันที

“ถุย ! ” เฮ้อซานเตาถ่มน้ำลายทิ้ง จากนั้นก็ตวัดดาบในมือขึ้นมา “สหายทั้งหลาย จงลุกขึ้นมา ! ”

“กองนาวิกโยธินทั้งหมด เล็งได้แล้วก็ยิงออกไปสักรอบเถิด ! ”

เสียงปืนดังขึ้นอีกครา

น้ำมันก๊าดบนกำแพงเมืองถูกราดลงไปอีกครา ไฟที่เพิ่งดับไปได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครา

เหล่าทหารรักษาเมืองของราชวงศ์เหลียวได้ศึกษามาอย่างดีแล้ว พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในหอคอยบนกำแพง พอเห็นเกราะสีเงินของศัตรูก็จะกู่ร้องขึ้นมาทันใด ทว่าพอเห็นเกราะหนังก็จะง้างมือแล้วปล่อยลูกศรออกไป

หอคอยบนกำแพงเมืองเริ่มแสดงผลงานได้บ้างแล้วเช่นกัน ภายใต้การควบคุมของหยวนเปียว มีทหารนับพันได้เดินเข้ามายังหอคอยธนู พวกเขาอาศัยหน้าไม้บนหอคอยยิงใส่เกราะหนังสีเงินของข้าศึก ยิงจนศัตรูต้องถอยหลังกลับไปในทันใด

แต่ศัตรูมีมากจนเกินไป ทัพหน้าของพวกเขายกโล่ขึ้นมา เพื่อหลบลูกศรที่ถาโถมเข้ามาราวกับห่าฝน

พวกเขาเข้าไปใกล้กำแพงเมืองที่กำลังลุกไหม้ หลังจากนั้น…ทหารฝ่ายศัตรูก็ได้บินขึ้นมาอีกครา พวกเขารวมตัวกันด้านล่างกำแพงเมืองฝั่งเหนือ เพียงชั่วพริบตาเดียว…ทหารที่อารักขาอยู่ทางเหนือก็ล้มลงไปมากกว่าครึ่ง !

60,000 คน !

คาดมิถึงว่าพวกเขาจะโจมตีกำแพงทางทิศเหนือพร้อมกันในคราเดียว !

ที่นี่มีทหารของกองนาวิกโยธินเพียง 5,000 นายเท่านั้น !

ปืนเหมาเซ่อในมือของพวกเขายิงได้เพียง 3 นัดเท่านั้น พวกเขามิมีเวลาเปลี่ยนกระสุนแล้ว

“ชักดาบ สังหาร… ! ”

เพียงชั่วพริบตา การต่อสู้ในที่นี้ก็เข้าสู่การต่อสู้ระยะประชิด

…..

…..

จั่วมู่ผู้บัญชาการกองทหารเรือที่หนึ่งแห่งประเทศต้าเซี่ยได้นำทัพใหญ่จำนวน 100,000 นายออกเดินทางตั้งแต่มืดค่ำจนถึงรุ่งสาง

หลังจากได้รับคำสั่งฉุกเฉินจากกรมกลาโหม พวกเขามิมีแม้แต่เวลาจะหยุดพัก พวกเขาออกเดินทางอย่างเร่งรีบสามวันสามคืนติดต่อกัน เหล่าทหารของเขาต่างก็เหนื่อยล้ามากยิ่งนัก

แต่จั่วมู่ทราบดีว่ามิอาจหยุดพักได้ เพราะหากพวกเขาเดินทางไปถึงสนามรบเร็วขึ้นสักครึ่งชั่วยาม ทหารกองนาวิกโยธินของเฮ้อซานเตาก็อาจจะมีชีวิตรอดได้อีกสักสองสามคน

“พี่น้องทั้งหลาย จงอดทนไว้ ราตรีนี้พวกเราก็จะไปถึงเมืองต้าติ้งแล้ว ! ”

“พวกเราจะล้างบางกองทัพอสนีบาตเสียให้สิ้น จากนั้นข้าจะให้พวกเจ้าได้ลาพักร้อนครึ่งเดือน ! ”

“แต่ในตอนนี้ห้ามก่อปัญหาให้ข้าเป็นอันขาด พวกเราคือกองทัพทหารเรือที่หนึ่งแห่งประเทศต้าเซี่ย ผู้ที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือก็คือกองนาวิกโยธิน ทั้งยังมีเจ้าบ้าเฮ้อซานเตานั่นอีกด้วย เมื่อพวกเราอยู่ต่อหน้าเหล่าทหารราบเมื่อใด จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้น จงเร่งรีบรุดไปเบื้องหน้า หากไปช้าคงมิเหลืออันใดให้จัดการแล้ว ! ”

“อย่าได้หยุดฝีเท้าทานข้าวดื่มน้ำเป็นอันขาด ! ”

“จะสามารถช่วยเฮ้อซานเตาและสหายร่วมรบเหล่านั้นออกมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของพวกเจ้าแล้ว ! ”

มิมีผู้ใดนึกรำคาญเลยสักคน พวกเขาต่างก็กู่ร้องเสียงดังราวกับฟ้าผ่าว่า “เพื่อประเทศต้าเซี่ย จงรุดหน้า ! ”

ซึ่งมิได้ต่างอันใดกับกองทัพที่นำโดยไป๋ยู่เหลียน พวกเขาผ่านคูเมืองมานับมิถ้วน ทว่ากลับมิถูกต่อต้านเลยแม้แต่น้อย

บนกำแพงเมืองเหล่านั้นมีทหารคอยเฝ้ายามอยู่เต็มไปหมด ทว่ามิมีทหารคนใดออกมาขัดขวางพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว

ณ เมืองฉางหนิง นี่เป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองต้าติ้ง

ในยามอู๋กองทัพของจั่วมู่ก็ได้มาถึงด้านนอกของเมืองฉางหนิงอย่างราบรื่น กำแพงของเมืองฉางหนิงก็มีทหารคอยอารักขาอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นมีหยูหวายอันคอยเฝ้าอยู่

เขาจ้องมองกองทัพที่แล่นผ่านไปอย่างเกรียงไกร สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาสีเทาที่หม่นหมอง จากนั้นก็เอ่ยพึมพำขึ้นมาว่า “ท้องนภาได้เปลี่ยนไปแล้ว”

“นายท่าน…พวกเราจะคอยมองทั้งอย่างนี้น่ะหรือ ? ” ส้งเปี๋ยฉือผู้ช่วยผู้บัญชาการสูงสุดเอ่ยถามขึ้นมา

“เจ้าคิดว่าทหารของพวกเราเป็นคู่มือของพวกเขาหรือไม่ ? ”

ส้งเปี๋ยฉือนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะส่ายหน้าพรืด

“ดังนั้นจึงมีบางเรื่องที่มิอาจเปลี่ยนได้ด้วยน้ำมือของมนุษย์ ราชวงศ์เหลียว…เก็บภาษีอย่างทารุณในหลายปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ราษฎรเอาใจออกห่าง หากเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ ทุกสรรพสิ่งในแคว้นอาจจะเติบโตขึ้นได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้”

“มิต้องกังวลไปหรอก มิใช่ว่าฝ่าบาทมิได้ออกราชโองการให้กับพวกเราหรอกหรือ ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)