ตอนที่ 1080 หนูในรังงู
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยเรื่องกฎหมายของต้าเซี่ยให้กับชาวบ้านเหล่านี้ฟังอีก
เขาเดินออกมาจากบ้านของหลิวอีเกิน หลิวจิ่นถือถุงชาป๋อเหอเดินตามมาโดยมิได้จ่ายเงินแม้แต่อีแปะเดียว
สถานการณ์ในบ้านของหลิวอีเกิน ชาวบ้านยังมิได้แยกย้ายกันกลับ บัดนี้มีชาวบ้านคนอื่น ๆ ตามมาสบทบอีกมากมาย และหนึ่งในนั้นมีหยูซู่เหรินที่ถูกพันแผลราวกับหนอนไหม โดยมีหยูเหลียนคอยประคองแขนเอาไว้
“พ่อตา บาดแผลของท่าน…”
หยูซู่เหรินยกมือขึ้นห้าม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แม่นางผู้นั้นมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม นางให้ยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บภายนอกมาดื่มจนทำให้อาการของข้าดีขึ้นมากแล้ว ข้าอยากถามเรื่องคุณชายท่านนั้น…แท้จริงแล้วเขามีฐานะอันใดกันแน่ ? เขาสังหารเจ้าหน้าที่ไปทั้งหมด 6 คน นี่ย่อมทำให้มีปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน ! พวกเรารีบเก็บของแล้วหนีไปหลบภัยกันเถิด ! ”
หลิวอีเกินจุดยาสูบขึ้นมาอีกครา เขายกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ชิ่งเจีย1 และพี่น้องทุกท่านจงวางใจเถิด คุณชายท่านนั้นเป็นคนสำคัญจริง ๆ ! ”
หลิวอีเกินพ่นควันออกมา มองดูเพื่อนบ้านด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เขาเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันส่งมาตรวจการ ! ”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตกตะลึง หยูซู่เหรินตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นมินานก็ดึงสติกลับมาได้แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “จริงหรือ ? เขาเป็นขุนนางระดับสูงที่ได้รับพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์จากองค์จักรพรรดิ ซึ่งมีอำนาจลงโทษผู้กระทำผิดหรือสังหารขุนนางที่ทุจริตได้ทั้งหมดเหมือนในละครงิ้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ใช่ ! ” หลิวอีเกินตบเข้าที่ต้นขาของเขา “พวกเจ้าลองคิดดูเถิดว่า ทหารที่คอยคุ้มกันเขานั้นล้วนสวมใส่เสื้อเกราะสีเงิน ! อีกอย่าง…เขารับปากว่าระหว่างเดินทางผ่านเขตเหอเย่และว่านเซิ่งโจวเพื่อไปยังเมืองต้าติ้ง เขาจะจัดการกับขุนนางเหล่านั้น…มิเชื่อเยี่ยงนั้นหรือ ? หากมิเชื่อก็ถามหลี่ซิ่วไฉได้ว่าสิ่งที่ข้าเอ่ยนั้นเป็นจริงหรือไม่ ! ”
ดูเหมือนว่านี่เป็นเรื่องที่เกินกว่าความเข้าใจของหยูซูเหรินและชาวบ้านคนอื่น ๆ เพราะหมู่บ้านฮวงหลินอยู่ห่างไกลความเจริญ อย่าเอ่ยถึงขุนนางระดับสูงที่มีอำนาจเลย แม้แต่นายอำเภอซุน…หากมิมาเก็บภาษี เขาก็จะมิโพล่หน้ามาที่นี่เป็นอันขาด
ทว่าบุคคลสำคัญกลับเดินทางมายังหมู่บ้านฮวงหลิน แล้วคลี่คลายปัญหาที่ใหญ่หลวงให้แก่พวกเขา ทั้งยังให้คำมั่นสัญญาเช่นนี้อีก…ถือเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับชาวบ้านทุกคน
หลี่ซิ่วไฉเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าคิดอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเป็นบุคคลสำคัญ พวกเจ้ามิได้สังเกตท่าทางของเขาให้ดี ในหนังสือเอ่ยว่ายมทูตยากที่จะจัดการกับวิญญาณได้ คนสูงส่งเยี่ยงเขาจะสนใจหมู่บ้านที่รกร้างว่างเปล่าของพวกเราได้เยี่ยงไร ? สิ่งที่เขาทำก็เพื่อพิทักษ์ประเทศชาติ เพราะหมู่บ้านฮวงหลินแห่งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศต้าเซี่ยเช่นกัน ! ”
“ดังนั้นข้าคิดว่าเขาจะต้องทำตามคำมั่นสัญญาอย่างแน่นอน พวกเจ้าอย่าพึ่งคิดเรื่องหนีภัยเลย เขาก็เอ่ยแล้วว่าจ่งตูกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาความอดอยากในปีนี้อยู่ หากพวกเรารอดจากภัยแล้งในปีนี้ไปได้ ปีหน้าก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน ! ”
“…เช่นนั้นจะมิหนีภัยกันแล้วใช่หรือไม่ ? ”
“มิหนีแล้ว…เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของพวกเรา ! ”
……
……
สุริยาลาลับ แต่ความร้อนยังคงอยู่
คณะเดินทางของฟู่เสี่ยวกวนตั้งค่ายอยู่ใต้ต้นหยาง ตัวเขามิได้พักผ่อนอยู่ในกระโจมแต่อย่างใด บัดนี้เขากำลังนั่งต้มชาป๋อเหออยู่ที่ใต้ต้นหยางเก่าแก่นี้
หวางซู่หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนอย่างรวดเร็วที่โต๊ะเล็กข้าง ๆ ฟู่เสี่ยวกวน
“หมู่บ้านที่เหมือนกับหมู่บ้านฮวงหลินในเขตเหอเย่มีกี่หมู่บ้านเยี่ยงนั้นหรือ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามออกมา
“เรียนนายท่าน หมู่บ้านฮวงหลินเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในเขตว่านเซิ่งโจว ซึ่งอยู่ใกล้ด่านเม่าซานมากที่สุด ในอดีตซีเซี่ยบุกโจมตีที่นี่เป็นครั้งครา สถานการณ์เลยเป็นดั่งปัจจุบันนี้ขอรับ”
“เอ่ยได้ว่า…เขตเหอเย่เป็นเขตที่ใหญ่ที่สุดของว่านเซิ่งโจว ทว่าตอนนี้มีประชากรเพียง 137,000 คนเท่านั้น ซึ่งเกือบทั้งหมดกระจายอยู่ทั่วทุกเขตอำเภอและอีกสิบหกเขตที่เหลือก็เป็นเหมือนดั่งหมู่บ้านฮวงหลิน รวมแล้วมีประชากรทั้งสิ้น 30,000 คนขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)