นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1082

สรุปบท ตอนที่ 1082 ฤดูใบไม้ร่วงหนาทึบ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 1082 ฤดูใบไม้ร่วงหนาทึบ – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1082 ฤดูใบไม้ร่วงหนาทึบ ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 1082 ฤดูใบไม้ร่วงหนาทึบ

ราชวงศ์เหลียวได้รับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ในรัชสมัยต้าเซี่ยที่หนึ่ง เดือนแปด วันที่ยี่สิบ

ณ พระราชวังไคหยวนแห่งราชวงศ์เหลียวเดิม หนิงหยู่ชุนได้เปิดการประชุมคราแรกขึ้นอย่างเป็นทางการ

ในการประชุมครานี้ เขาได้แต่งตั้งขุนนางอีกสามสิบกว่าคนให้เข้ารับตำแหน่งในหยวนเป่ยเต้า รวมไปถึงขุนนางสามจวนโจวและสิบสองรัฐ จากนั้นก็สั่งปลดขุนนางคนอื่น ๆ ออกทั้งหมด !

เขามอบอำนาจให้นายอำเภอของสามจวนโจวทั้งสิบสองรัฐจัดระเบียบอำนาจขุนนางในเขตของตนเสียใหม่ ทั้งยังจำกัดจำนวนเจ้าหน้าที่ในแต่ละรัฐอีกด้วย

นี่นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงคราใหญ่อย่างมิต้องสงสัย !

อดีตขุนนางระดับสูงหลายคนมิมีรายชื่อ ส่วนพวกกุ้งหอยปูปลาก็ได้แต่เฝ้ารอและจ้องมองอย่างสั่นเทา ภายใต้การเปลี่ยนแปลงคราใหญ่นี้ พวกขุนนางระดับสูงเหล่านั้นคงจะมิยินยอมง่าย ๆ เป็นแน่

ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดมิถึงก็คือ การประชุมในวันที่ยี่สิบเดือนแปดนี้เอง สายลับของหอเทียนจีและฝ่ายตรวจการ ได้รับคำสั่งลับให้เริ่มจับกุมขุนนางโฉดในมณฑลและรัฐต่าง ๆ

และในเมืองต้าติ้งนี้ เพียงชั่วข้ามคืนก็มีขุนนางมากมายต้องตกม้า

หนึ่งในนั้นมีซ่งไคหมิงอดีตเสนาบดีกรมกลาโหม ต้งจื่อกวนเสนาบดีกรมขุนนาง หรือแม้แต่ขุนนางอาวุโสเช่นอัครมหาเสนาบดีเป็นต้น

การประชุมในครานี้ได้ปิดประตูทำการประชุมนาน 2 วัน !

หลังจากสองวันผ่านไป ความผิดของขุนนางโฉดทั้งหลายก็ถูกระบุโทษและติดประกาศไว้บนถนนและตามตรอกซอกซอยในเมืองต้าติ้ง ทันใดนั้นในตรอกซอกซอยที่ว่างเปล่าก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มามุงดู

เสียงฮือฮาของราษฎรเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ท้ายที่สุดพวกเขาถึงได้เข้าใจว่า ใต้หล้าในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

มีการจัดตั้งองค์กรอำนาจใหม่ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของผู้คน

หยวนเป่ยเต้าแห่งนี้ อยู่ภายใต้คมดาบของหนิงหยู่ชุน เขาสามารถจัดการความโกลาหลได้อย่างรวดเร็วซึ่งบัดนี้ได้ประจักษ์สู่สายตาของทุกคนแล้ว

ฟู่เสี่ยวกวนยังคงเดินทางไปอย่างช้า ๆ เมื่อเขาได้ทราบข่าวนี้ก็ยกยิ้มขึ้นมาทันใด

เขามิได้เดินทางไปยังเมืองต้าติ้ง ทว่ากลับเปลี่ยนเส้นทางไปยังเมืองกวนหยุนแทน เนื่องจากดูเหมือนว่าร่างกายของเจี่ยหนานซิงดูมิค่อยดีเท่าใดนัก หนานกงตงเสวี่ยได้ทำการตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียดอีกครา จากนั้นจึงออกความเห็นว่าทางที่ดีควรจะเดินทางกลับไปพักผ่อนก่อน

“เขาทำได้ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก”

“ดังนั้นพวกเรามิจำเป็นต้องเดินทางไปยังเมืองต้าติ้งแล้ว กลับเมืองกวนหยุนกันเถิด บัดนี้ข้าควรให้ความสำคัญไปยังท้องทะเล”

เยี่ยนเป่ยซียกมือขึ้นลูบเครา จากนั้นก็จ้องมองไปยังรายงานที่ส่งมาจากเมืองต้าติ้ง “เจ้าหมอนี่นับว่าเด็ดขาดมากเลยทีเดียว ทว่านี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงหยวนเป่ยเต้าที่รวดเร็วและยอดเยี่ยมยิ่ง…”

เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามว่า “ในทะเลมีเรื่องอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ช้าที่สุดในปีหน้า ต่อให้มิมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ข้าก็จำต้องออกทะเล ! ”

“จะมิรอให้มั่นคงกว่านี้สักหน่อยหรือ ? ”

คำว่ามั่นคงนี้… แน่นอนว่าคงหมายถึงการขยับขยายอาณาเขตต้าเซี่ยที่กว้างขวางกว่าเดิมหลายเท่า เจ้าหมอนี่ได้ยึดครองอาณาเขตและประชากรของซีเซี่ยและราชวงศ์เหลียวมาตั้งมากมาย จากการคาดเดาของเยี่ยนเป่ยซี กว่าต้าเซี่ยจะมั่นคงเกรงว่าต้องใช้เวลาอีกถึงสามถึงห้าปี

“เวลามิคอยท่านะสิ ! ”

เยี่ยนเป่ยซีถอนหายใจยาว จากนั้นก็จ้องมองไปยังใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน เขาครุ่นคิดอยู่ในใจว่าเจ้าอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น จะรีบไปเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ?

……

……

หยวนเป่ยเต้าในการดูแลของหนิงหยู่ชุนและการชี้แนะของหยุนซีเหยียน ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของส่วนกลาง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบ ๆ

เฉกเช่นเดียวกับเนื้อหาในจดหมายที่ฟู่เสี่ยวกวนเขียนถึงหนิงหยู่ชุนซึ่งนั่นก็คือ… คนเรามักจะหันทิศทางชีวิตไปในทิศทางที่ดี สิ่งที่ขุนนางทั้งหลายควรกระทำก็คือ เปลี่ยนแปลงชีวิตของราษฎรภายใต้การดูแลให้ดำเนินไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น !

ทันใดนั้น หยุนซีเหยียนก็เข้าใจถึงคำเอ่ยนี้ได้ในทันที

ปีใหม่นี้คาดว่าคงมิได้เดินทางกลับไปยังเมืองกวนหยุนแล้ว เดิมทีเรื่องที่จะเดินทางไปสู่ขอบุตรสาวกับท่านเสนาบดีโหยว มองดูแล้วคงต้องรอไปถึงปีหน้า…โหยวซีเฟิ่ง เจ้าต้องรอข้าก่อนนะ !

อ้อ…จริงสิ ! อีกประเดี๋ยวเมื่อเดินทางกลับไปถึงจวน ต้องเขียนจดหมายถึงโหยวซีเฟิ่งหนึ่งฉบับ ข้ามิได้เขียนจดหมายถึงนางนานเท่าใดแล้วนะ ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น หยุนซีเหยียนจึงรีบก้าวเท้าไปเบื้องหน้าท่ามกลางสายลมของฤดูใบไม้ร่วง เขาพบว่ามีรถม้าคันหนึ่งมุ่งหน้าเข้ามา

รถม้าคันนั้นหยุดลงที่เบื้องหน้าเขา มีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถม้าแล้วยกยิ้มให้กับเขา “ท่านหยุน มิได้พบกันนานเลยทีเดียว ! ”

หยุนซีเหยียนหัวเราะร่าขึ้นมาทันใด “ท่านซือหม่า มิได้พบกันตั้งนาน ! ”

“มาเถิด ๆ ๆ ท่านหยุนเชิญขึ้นรถก่อน ครานี้พวกเราเดินทางมากันหลายคนเลยทีเดียว ล้วนเป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น ข้ารับหน้าที่เดินทางมารับท่าน ส่วนพวกเขาที่เหลือได้เดินทางไปยังหอซื่อฟางแล้ว”

หยุนซีเหยียนชะงักลงทันใด “หอซื่อฟางขยายสาขามาถึงเมืองต้าติ้งแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ไอหยา ! ท่านมิรู้จริง ๆ หรือ ? ข้าได้ยินมาว่าเปิดมาได้ครึ่งเดือนแล้วนะ”

ทั้งสองคนพากันกระโดดขึ้นรถม้า หยุนซีเหยียนเอ่ยอย่างขมขื่นว่า “ข้ามิรู้จริง ๆ ช่วงนี้ข้างานยุ่งมากยิ่งนัก ยุ่งจนหัวหมุนเลยก็ว่าได้ แต่ละวันแทบจะกินนอนอยู่ในสำนักงานอยู่แล้ว อีกอย่างที่นี่ข้าก็มิได้รู้จักผู้ใดมากนัก ท่านจ่งตูหนิงยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ดังนั้นข้าจะกล้าไปรบกวนเขาได้เยี่ยงไรเล่า”

“ฮ่า ๆ พบปะกันวันนี้ล้วนมีแต่สหายเก่าแก่ที่รู้จักทั้งนั้น คงต้องชนจอกสุรากันสักหน่อย ! ”

“ได้ ! …ข้าเองก็อยากจะดื่มสักสองสามจอกอยู่แล้ว”

“อ้อจริงสิ ! ภรรยาของเฮ้อซานเตาก็มาด้วย นางพาคนมาด้วยนะ”

“โจ่งหยูเยี่ยงนั้นหรือ ? นางพาผู้ใดมากัน ? ”

“ฮึ ๆ ข้ามิบอกใบ้ให้เจ้าหรอก เมื่อไปถึงหอซื่อฟางเจ้าก็จะรู้เอง ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)