นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1087

สรุปบท ตอนที่ 1087 พิธีฝังศพ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1087 พิธีฝังศพ – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 1087 พิธีฝังศพ ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1087 พิธีฝังศพ

รัชสมัยต้าเซี่ยที่หนึ่ง เดือนสิบเอ็ด วันที่แปด เมืองกวนหยุนหิมะตกหนัก

ท้องนภาสว่างสดใส ในยามที่จ้าวโฮ่วยกสำรับอาหารมาให้เจี่ยหนานซิงดั่งเช่นทุกวัน เขาจึงได้พบว่าเจี่ยหนานซิงได้จากไปแล้ว

เขาตื่นตกใจขึ้นมาทันใด วางถาดในมือลง จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันใด

เขาวิ่งไปยังห้องทรงพระอักษร ทว่ามิพบฝ่าบาท ถึงได้ทราบว่าฝ่าบาทอยู่ที่ท้องพระโรงซวนเต๋อ

เขามิทันได้คิดอันใดมากมาย ทราบเพียงแค่ว่าเจี่ยหนานซิงคือคนสนิทที่ใกล้ชิดฝ่าบาทมากที่สุดคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปยังท้องพระโรงซวนเต๋อ

เขาถูกองครักษ์หลวงดักไว้ที่ด้านข้างของประตูท้องพระโรงซวนเต๋อ เสียงร้องของเขาทำให้หลิวจิ่นที่คอยปรนนิบัติอยู่ในท้องพระโรงตื่นตกใจ

หลิวจิ่นเดินออกมา ในขณะที่กำลังจะตำหนิจ้าวโฮ่วที่มิสำรวมผู้นี้ ทว่าจ้าวโฮ่วได้โพล่งข่าวการตายของขันทีเจี่ยออกมาเสียก่อน

“จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ข้าน้อยจะกล้านำมาเอ่ยสุ่มสี่สุ่มห้าได้เยี่ยงไร ! ”

หลิวจิ่นครุ่นคิดอยู่หลายอึดใจ เขาทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทและเจี่ยหนานซิงเป็นอย่างดี “เจ้ากลับไปยังตำหนักฉางหมิงก่อนเถิด อย่าโหวกเหวก ประเดี๋ยวฝ่าบาทก็มาถึงแล้ว”

“ขอบพระคุณนายท่านหลิว ! ”

จ้าวโฮ่ววิ่งออกไปจนลับสายตา หลิวจิ่นจ้องมองไปยังท้องนภาซึ่งมีหิมะตกโปรยปราย จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

เขาอิจฉาเจี่ยหนานซิง โดยเฉพาะหลังจากที่กลับมาจากการออกประพาส เขาก็ยิ่งอิจฉาเจี่ยหนานซิงมากยิ่งขึ้นไปอีก ฝ่าบาททรงเข็นรถเข็นให้กับเจี่ยหนานซิง ฝ่าบาททรงป้อนข้าวเขาด้วยพระองค์เอง ฝ่าบาททรงจับมือเขาและเดินเล่นกับเขาท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง… ทั้งหมดทั้งมวลนั้นได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่ลึกซึ้งของฝ่าบาทและเจี่ยหนานซิง

มิตรภาพเยี่ยงนี้ ทำให้หลิวจิ่นรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก ในฐานะขันทีคนหนึ่ง เดิมทีมีฐานะต่ำต้อย ทว่าฝ่าบาทกลับเห็นเจี่ยหนานซิงเป็นดั่งคนสนิทของตนเอง

บัดนี้เจี่ยหนานซิงได้ตกตายไปแล้ว ทว่าภายในใจของหลิวจิ่นกลับมิได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าตนมิสามารถไปแทนที่เจี่ยหนานซิงได้ ตนยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดิน

เขาตายแล้ว ฝ่าบาทจะจัดการเยี่ยงไรต่อไป ?

หากเป็นอดีต ขันทีชราจะถูกขับไล่ออกมาจากวังหลวง บั้นปลายชีวิตจะเป็นเยี่ยงไรก็มิมีผู้ใดทราบ

ดังนั้นพวกเขาจึงละโมบในเงินทอง เพื่อที่จะเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมไว้ข้างนอก เพื่อที่จะได้มีคนเลี้ยงดูหลังจากที่แก่ตัวลง จะได้มีคนเฝ้าดูใจคอยส่งศพหลังจากที่สิ้นใจไปแล้วก็เท่านั้น

เจี่ยหนานซิงมิมีครอบครัวอยู่ข้างนอก เขามิได้รับเลี้ยงบุตรบุญธรรม… ฝ่าบาทเคยเอ่ยเอาไว้แล้ว พระองค์จะเป็นคนส่งศพเจี่ยหนานซิงเอง จักรพรรดิเป็นผู้ส่งศพให้กับขันทีผู้หนึ่ง หลิวจิ่นมิอาจจินตนาการถึงได้เลย

มีทางเป็นไปได้จริง ๆ หรือ ?

ต่อให้ฝ่าบาททรงระลึกถึงมิตรภาพเก่าก่อน พระองค์ก็สามารถแต่งตั้งเสนาบดีสักคนก็ยังได้ สร้างโลงศพให้อย่างดี เลือกสถานที่ฝังศพที่ดีที่สุดให้กับเจี่ยหนานซิง… นี่ถือเป็นเรื่องที่จักรพรรดิพระองค์หนึ่งจะสามารถทำให้กับขันทีผู้หนึ่งได้แล้ว

ลมหนาวพัดโชยมา เกล็ดหิมะปลิวมากระทบกับใบหน้าของหลิวจิ่น เขาตื่นจากภวังค์เพราะลมหนาวที่พัดโชยมา

มิว่าเยี่ยงไรก็ตาม เรื่องนี้จำต้องรายงานให้ฝ่าบาททราบโดยเร็วที่สุด

เขาหันกลับเข้าไปในท้องพระโรงซวนเต๋อ เดินตรงไปยังใจกลางของท้องพระโรง และขัดจังหวะในยามที่ฝ่าบาทกำลังตรัสอยู่

เขาโน้มกายลงไปข้างพระกรรณของฝ่าบาท จากนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมขอบังอาจเอ่ยขัดชั่วครู่ กระหม่อมเพิ่งทราบมาเมื่อครู่นี้เช่นกัน…ขันทีเจี่ยสิ้นใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงขึ้นมาทันใด พลางหันมองไปทางหลิวจิ่นด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อ สีหน้าของเขาตึงเครียดขึ้นมาทันใด “จริงหรือ ? ”

“จริงพ่ะย่ะค่ะ ! ขันทีจากพระราชวังฉางหมิงเพิ่งมารายงานเมื่อครู่พ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาหยุดการประชุมสรุปประจำปีลงเพียงเท่านั้น

ในทางกลับกัน จัวอี้สิงยังหันไปโค้งคำนับให้แก่ฟู่เสี่ยวกวนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ฝ่าบาททรงเปี่ยมล้นไปด้วยสัจธรรม ! ”

หนานกงอี้หยู่ก็หันกลับไปและโค้งคำนับเช่นกัน “ฝ่าบาททรงเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม ! ”

เมิ่งฉางผิงก็หันกลับไปและโค้งคำนับเช่นกัน “ฝ่าบาททรงเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ! ”

เหล่าขุนนางทั้งหลายหันไปมอง จากนั้นทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ “ฝ่าบาททรงพระเจริญ ! ”

“เรื่องนี้ มอบให้กรมพิธีการไปจัดการ ส่วนประชุมสรุปประจำปี…ค่อยเริ่มวันอื่น ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนพาหลิวจิ่นออกไปจากท้องพระโรงซวนเต๋อทันที เขาตรงไปยังตำหนักฉางหมิง เหล่าขุนนางในท้องพระโรงซวนเต๋อถึงได้มองไปทางเสนาบดีอาวุโสทั้งสามและได้เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจ

“ประวัติศาสตร์พันปีที่ผ่านมามิเคยมีเหตการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นเลยมิใช่หรือ ? ”

“ทุกท่าน…นี่คือแบบอย่าง ! ”

“ยามที่อยู่จินหลิง เจี่ยหนานซิงลาออกจากตำแหน่งขันที เขาลาออกเพื่อไปเฝ้ายามหน้าประตูจวนให้แก่ฝ่าบาท มิตรภาพที่ลึกซึ้งระหว่างฝ่าบาทและผู้อาวุโสเจี่ยได้ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น”

จัวอี้สิงหยุดเอ่ยชั่วครู่ จากนั้นก็กวาดสายตามองเหล่าขุนนางทั้งหลาย แล้วเอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “ผู้อาวุโสเจี่ยอยู่เคียงข้างฝ่าบาทมาตั้งแต่จินหลิงจนมาถึงเมืองกวนหยุน ยามที่ฝ่าบาทสืบทอดราชบัลลังก์ ผู้อาวุโสเจี่ยก็ยังคงเป็นยามเฝ้าประตูที่ใกล้ชิดที่สุดของฝ่าบาท”

“ฝ่าบาทของพวกเราเป็นคนเยี่ยงไร พวกเจ้ายังมิเข้าใจกันอีกหรือ ข้ากล้าเอ่ยได้เลยว่า หากพวกเจ้าสามารถสร้างคุณงามความดีให้แก่ประเทศต้าเซี่ยได้ พวกเจ้าก็จะสามารถเดินเข้าไปในพระทัยของฝ่าบาทได้ หากวันหนึ่งที่พวกเจ้าตายจาก ฝ่าบาทก็คงจะจัดพิธีฝังศพให้แก่พวกเจ้าเช่นกัน”

“พิธีฝังศพเป็นตัวแทนของเกียรติยศ และแสดงถึงท่าทีที่ฝ่าบาทมีต่อพวกเจ้าด้วยเช่นกัน ! ทั้งยังเป็นตัวแทนของคำขอบคุณอย่างจริงใจจากฝ่าบาทและประเทศต้าเซี่ยที่มีต่อพวกเจ้า”

“ข้าขอสาบาน ณ ที่นี้เลยว่า จะประคับประคองประเทศต้าเซี่ยด้วยร่างกายที่มิสมบูรณ์ จนถึงหนึ่งร้อยปี…เฉกเช่นเจี่ยหนานซิง ! ”

“ข้าหวังว่าขุนนางทุกท่านจะก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังด้วยเช่นกัน ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)