ตอนที่ 1086 บุบผาโรย
ณ เมืองกวนหยุน พระราชวังฉางหมิง
ฤดูใบไม้ร่วงได้ผ่านพ้นไปแล้ว ฤดูหนาวได้เวียนมาบรรจบอีกครา
เจี่ยหนานซิงนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ขาทั้งสองข้างของเขามีผ้าห่มคลุมอยู่ ในห้องโถงนี้มีเตาผิงทั้งหมด 3 เตา แท้จริงแล้วเขาควรจะรู้สึกอบอุ่นจึงจะถูก ทว่าเหตุใดเขาถึงยังรู้สึกหนาวเล็กน้อย
“เหตุใดถึงรู้สึกว่าฤดูหนาวช่างหนาวเหน็บกว่าแต่ก่อนมากนัก ? ”
“ท่านเจี่ย…ให้ข้าจุดเตาผิงอีกสัก 2 เตาดีหรือไม่ขอรับ ? ”
เจี่ยหนานซิงครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ช่วยพยุงข้าลุกขึ้นเถิด ข้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาที่ลานด้านนอกสักหน่อย”
จ้าวโฮ่ว ขันทีที่ดูแลเจี่ยหนานซิงรีบเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นมา “ท่านเจี่ย ข้างนอกอากาศหนาวเย็นยิ่งกว่าข้างในเสียอีก สู้อยู่อุ่นร่างกายในนี้มิดีกว่าหรือขอรับ ? ”
“ข้าอยากจะยืดเส้นยืดสายบ้าง เฮ้อ…คนเราเมื่อแก่ตัวลงก็ไร้ประโยชน์เสียจริง หากมิใช่เพราะร่างกายของข้าเหนื่อยล้า ฝ่าบาทจะต้องเสด็จไปยังเมืองต้าติ้งเป็นแน่”
ขณะที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา จ้าวโฮ่วก็ได้พยุงเจี่ยหนานซิงขึ้นมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวออกจากธรณีประตูด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาหยุดเดินชั่วครู่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาแล้วเอ่ยว่า “การก่อตั้งหยวนเป่ยเต้าในครานี้ เดิมทีฝ่าบาทมีเรื่องมากมายที่ต้องเดินทางไปจัดการ แต่ต้องเดินทางกลับพระราชวังเสียก่อน เนื่องจากข้า…เฮ้อ”
เขาส่ายศีรษะเบา ๆ แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ “เสี่ยวจ้าวหนอเสี่ยวจ้าว เจ้ายังหนุ่มยังแน่น อีกทั้งยังกระฉับกระเฉงมากอีกด้วย วันใดที่ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ ข้าจะแนะนำเจ้าให้แก่ฝ่าบาท เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจงไปปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทเถิด”
จ้าวโฮ่วยินดีมากยิ่งนัก เขารีบเอ่ยขอบคุณทันทีว่า “ขอบพระคุณท่านเจี่ยที่เอ็นดูข้าน้อยขอรับ แต่การดูแลท่านเจี่ยคือหน้าที่ของข้าน้อย ส่วนเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทนั้น ข้าน้อยมีนิสัยซุ่มซ่าม เกรงว่าหากไปสะดุดต่อพระพักตร์ฝ่าบาทคงดูมิงาม”
เจี่ยหนานซิงหัวเราะออกมาเบา ๆ เขามิได้เอ่ยอันใดต่ออีก ทั้งสองคนค่อย ๆ พากันเดินไปในสวนดอกไม้อย่างเชื่องช้า
ณ สวนดอกไม้ บรรดาดอกไม้ที่เจี่ยหนานซิงเคยปลูกเอาไว้ บัดนี้ได้ร่วงโรยลงแล้ว แม้แต่ดอกเบญจมาศเอง กลีบดอกก็ได้ร่วงโรยลงเต็มพื้น
เจี่ยหนานซิงยืนมองอยู่ข้าง ๆ สวนดอกไม้ อยู่ ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกว่ามนุษย์เรามิต่างอันใดจากดอกไม้เลย เมื่อถึงเวลาก็ต้องตาย ท้ายที่สุดก็กลับคืนสู่ธรณีดังเดิม ความรุ่งโรจน์ต่าง ๆ ในชีวิตที่ผ่านมาก็จบลงเพียงเท่านี้
“เสี่ยวจ้าว ฝ่าบาททรงเป็นกันเองและมีเมตตายิ่งนัก การปรนนิบัติฝ่าบาทนั้นง่ายดายมากยิ่งนัก เพียงแค่เอาใจใส่ให้มาก แม้จะเกิดข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นมา ฝ่าบาทก็มิถือโทษเจ้าหรอก”
จ้าวโฮ่วจ้องมองไปยังแผ่นหลังอันโค้งงอของเจี่ยหนานซิง เขารู้สึกว่าอารมณ์หลังจากกลับมาจากการท่องเที่ยวครานี้ของเจี่ยหนานซิงดูแปลกไป ดูเหมือนเขากำลังสั่งเสีย !
เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวโฮ่วก็สะดุ้งขึ้นมาทันใด “ท่านเจี่ยขอรับ การที่ข้าน้อยมาดูแลท่านก็เป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาเช่นกัน ดังนั้นข้าน้อยควรกระทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”
“อืม เอาเถิด…ไปนั่งพักในศาลากัน”
ในศาลามิมีเตาผิง ประกอบกับสายลมที่พัดแรง จึงพัดเส้นผมขาวโพลนของเจี่ยหนานซิงปลิวไสว เดิมทีใบหน้าของเขาก็ขาวซีดมากอยู่แล้ว บัดนี้กลับดูขาวซีดยิ่งขึ้นไปอีก
จ้าวโฮ่วรู้สึกกังวลใจมากยิ่งนัก เขาจึงเอ่ยว่า “ข้าน้อยจะไปนำเตาผิงมาสัก 2 เตาขอรับ”
เจี่ยหนานซิงมิได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังเอ่ยว่า “อ้อจริงสิ ! จงไปนำมันเทศมาสัก 2 หัว พวกเรามาเผามันเทศกินกันเถิด”
“ขอรับ ! ”
ด้านในศาลานั้น เตาผิงสองเตาถูกจุดขึ้นมา เมื่อมีเตาผิงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมามากเสียทีเดียว “นำมันเทศนี้ไปหมกไว้ใต้ถ่าน อีกประเดี๋ยวเมื่อสุกก็กินได้”
“การเดินทางไปท่องเที่ยวครานี้ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตามากเสียทีเดียว”
อยู่ ๆ เจี่ยหนานซิงก็เอ่ยเรื่องนี้ออกมา ใบหน้าของเขาพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันใด เขาเล่าทุกเรื่องราวที่ตนได้พบเจอ อีกทั้งยังเล่าถึงคำเอ่ยของฝ่าบาทอีกด้วย
“ที่เขตเหยามีท่าเทียบเรือมากมาย บรรยากาศคึกคักมากยิ่งนัก”
“ที่เรือนซีซานนั้นมิเลวเลยทีเดียว ฝ่าบาทได้พาข้าไปชมหมู่บ้านผืนนาเหล่านั้น สถานที่แห่งนั้นคือบ้านเกิดของฝ่าบาท หากในอนาคตเจ้ามีโอกาส ก็ควรจะเดินทางไปดูบ้าง”
“เมืองจินหลิงยังคงงดงามดังเดิมมิแปรเปลี่ยน พวกเราได้เข้าไปอาศัยในจวนที่ฝ่าบาทเคยประทับ จวนนั้นมีนามว่าจวนฟู่ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นจวนติ้งอันป๋อ บัดนี้ถูกเรียกว่าจวนเซิ่งกั๋วกง…ซึ่งตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบซวนอู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)