ตอนที่ 1103 นายท่านเจ็ด
เมื่อโจวฮุยได้ยินดังนั้น จึงรีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็วว่า “บุตรีข้ายังเยาว์วัย นางหาได้รู้ความไม่ นายท่านทั้งหลายอย่าได้ถือสานางเลย…”
เขาหันหน้าไปมองลู่เอ๋อร์ ในแววตาทอประกายหดหู่เล็กน้อย “ลูกรัก…ส่งตะกร้ามาให้พ่อ”
“นี่คือเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างยากลำบาก เหตุใดต้องมอบให้กับพวกเขาด้วยเล่า ? นอกจากนี้…ฝ่าบาทคือนายหัวที่ใหญ่ที่สุดของเหล่าขุนนาง พวกเขากล้าทำเยี่ยงนี้โดยที่มิกลัวว่าฝ่าบาทจะบั่นศีรษะของพวกเขาเลยหรือ ? ”
“ไอหยา…แม่หนูนี่ปากกล้าใช้ได้ เจ้าจะไปฟ้องร้องเยี่ยงนั้นหรือ ? ข้าจะบอกอันใดให้…ภูเขาสูงใหญ่จักรพรรดิอยู่ไกลโพ้น นายท่านเจ็ดคือคนสนิทของผู้บัญชาการทหารเฮ้อซานเตา เฮ้อซานเตาเป็นสหายของฝ่าบาท พวกเจ้าลองไปฟ้องดูสิ ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสิท่า ! ”
“ให้ไว รีบส่งตะกร้าเงินมา อย่าให้ข้าต้องลงไม้ลงมือ ! ”
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วมุ่นทันพลัน ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน ในยามที่โจวฮุยกำลังจะส่งตะกร้าเงินในมือของลู่เอ๋อร์ไปให้นายท่านเจ็ด ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เอ่ยขัดออกมาว่า “ช้าก่อน ! ”
ชายผู้นั้นกำลังยื่นมือออกไปหมายจะรับเงิน ทว่าได้ยินเสียงเอ่ยขัดเสียก่อน เขาจึงดึงมือกลับมา แล้วหันหน้าไปมองฟู่เสี่ยวกวน “มีอันใด ? เห็นความมิเป็นธรรมแล้วจะชักดาบเข้ามาช่วยหรือเยี่ยงไร ? ท่าทางเจ้าดูเหมือนคุณชายบัณฑิต ทว่าข้านั้นมิฟังคำเอ่ยจากคุณชายบัณฑิตหรอกนะ ไสหัวไป ! อย่าได้เสนอหน้าเข้ามาสอด ระวังข้าจะฟ้องนายท่านเจ็ด หากนายท่านเจ็ดพาเหล่าทหารไปปล้นจวนเจ้าขึ้นมาอย่าหาว่าข้ามิเตือน”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด “ข้าอยากถามว่านายท่านเจ็ดผู้นี้เป็นผู้ใดกัน ? ”
“นามที่ยิ่งใหญ่ของนายท่านเจ็ด คุณชายบัณฑิตซอมซ่อเยี่ยงเจ้าอยากถามก็สามารถเอ่ยถามได้หรือเยี่ยงไร ? ข้าขอถามว่าเจ้าจะจบมิจบ เงินค่าคุ้มครองท่าเรือที่ข้าเก็บนี้ยังต้องนำไปมอบให้กับนายท่านเจ็ด หากล่วงเลยเวลามื้อค่ำของนายท่านเจ็ด เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ ? ”
“เจ้ามีนามว่าเยี่ยงไร ? ”
“ข้านั้นเดินมิเปลี่ยนชื่อนั่งมิเปลี่ยนแซ่ ข้ามีนามว่าซุนเอ้อนั่นเอง” เขาชี้ไปที่จมูกของตนเอง เท้าข้างหนึ่งกระทืบลงกับเก้าอี้ ตรงกลางเก้าอี้ถึงกับทะลุ จนโจวฮุยตื่นตระหนกเสียจนเหงื่อแตกพลั่ก
“คุณชายท่านนี้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ข้าน้อยเพิ่งมาเซี่ยเย๋เป็นคราแรก มิทราบอย่างแท้จริงว่าต้องไปจ่ายค่าคุ้มครองที่ใด ท่านซุนโปรดใจเย็น ข้าน้อยขอมอบเงินเหล่านี้ให้ทั้งหมด ตั้งแต่นี้รายได้ในทุกวัน ครึ่งหนึ่งข้าจะมอบให้กับท่านซุน”
ซุนเอ้อชำเลืองมองฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็หันไปมองทางโจวฮุยแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ถือว่าเจ้ายังรู้ความอยู่บ้าง ต่อจากนี้ทุกวันเวลานี้ ข้าจะมาเก็บเงิน เจ้าจงจำไว้”
เอ่ยจบ เขาก็โบกมือเป็นสัญญาณให้กับลูกน้อง “เอาตะกร้าเงินมา ไป ! นำไปมอบให้นายท่านเจ็ดกันเถิด”
อีกหกคนที่เหลือในโต๊ะได้ลุกขึ้นยืน หนึ่งในนั้นรับตะกร้าเงินที่โจวฮุยยื่นให้เทใส่ถุงเงินแล้วชั่งน้ำหนัก พลางจ้องมองโจวฮุยด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม จากนั้นก็ตบหน้าของโจวฮุยเบา ๆ “ถือว่าเจ้ายังรู้ความอยู่บ้าง มิเช่นนั้นดาบที่เอวของข้าคงจะได้เฉือนเข้าที่เนื้อของผู้ใดสักคน”
ลู่เอ๋อร์รู้สึกเดือดดาลมากยิ่งนัก “พวกเจ้า… ! ”
โจวฮุยปิดปากของลู่เอ๋อร์ทันใด เขาพยักหน้าพลางโค้งคำนับแล้วเอ่ยว่า “บุตรีของข้าทำให้คุณชายทุกท่านขุ่นเคืองเสียแล้ว คุณชายทุกท่านโปรดอภัยให้กันด้วยเถิด ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
ลู่เอ๋อร์ขัดขืนจนใบหน้าแดงก่ำ ในยามที่นางกำลังสิ้นหวัง ฟู่เสี่ยวกวนก็เอ่ยขัดขึ้นมาอีกว่า
“ข้ายังมิได้ให้พวกเจ้าไป”
ชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดชักเท้าที่ก้าวออกไปกลับมา ซุนเอ้อหันกลับมาจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอีกครา “เอ่ยแบบนี้ มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตาสินะ ? ”
“นายท่านเจ็ดคือผู้ใดกัน ? ”
“เจ้านี่มันใจกล้าเสียจริง สั่งสอนมันสักหน่อยสิ ! ”
โจวฮุยคว้าตัวลู่เอ๋อร์ถอยหลังไปสองก้าว “คุณชาย นี่มิใช่เรื่องของเจ้า อย่าได้หาเรื่องใส่ตัว ! ”
ทว่าเหมือนจะมิทันการแล้ว ชายฉกรรจ์ทั้งหกปรี่เข้าไปหาฟู่เสี่ยวกวนด้วยท่าทีดุดัน
โจวฮุยหลับตาลงพลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ชายหนุ่มผู้นั้นท่าทางบอบบาง เกรงว่าจะถูกพวกนั้นทุบตีจนตาย !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)