ตอนที่ 1107 ประทานนาม
ในราตรีนี้ ฐานทัพของกองพลที่หนึ่งแห่งกองทัพเรือที่สาม แสงไฟจากคบไฟยังคงส่องสว่างจนถึงยามฟ้าสาง
ราตรีเดียวกันนี้ ณ จวนหลังใหญ่ในเซี่ยเย๋ แสงไฟก็ยังคงสว่างไสวมิมีทีท่าว่าจะดับเช่นกัน
แผนที่เดินเรือถูกกางเอาไว้บนโต๊ะ ทั้งยังมีแผนภาพความคิดของเรือพิฆาตแผ่นนั้นด้วย
ฟู่เสี่ยวกวน ปิซาร์โร เฮ้อซานเตาและถังเชียนจวินกำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะตัวนั้น ทั้งสี่ยื่นศีรษะเข้าไปดูจนศีรษะแทบจะชนกันอยู่แล้ว
พวกเขาหารือถึงสถานที่ที่ต้องให้ความสนใจบนเส้นทางเดินเรือจากเซี่ยเย๋ไปยังฝูหล่างจี ปิซาร์โรกล่าวอธิบายอย่างชัดเจนโดยที่มิได้คิดเล็กคิดน้อย เฮ้อซานเตาเองก็ตั้งใจฟังอย่างที่มิเคยทำมาก่อน เพื่อจดจำให้ขึ้นใจ
นี่คือการเดินเรืออย่างเป็นทางการคราแรกของเขา เป็นการเดินเรือบนมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต เขาเข้าใจว่าตนเองสามารถผยองยามอยู่บนบกได้ ทว่าหลังจากได้ฟังสิ่งที่น่ากลัวมากมายบนท้องทะเลจากปิซาร์โร เขาถึงได้เข้าใจว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจลึกลับของมหาสมุทร ปรมาจารย์ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน
ปิซาร์โรเอ่ยอย่างฉะฉานราว 2 ชั่วยาม ถังเชียนจวินจดบันทึกทุกอย่างลงบนสมุดเล่มหนา ซึ่งเป็นสมุดปกฟ้าเล่มแรกของกองทัพเรือต้าเซี่ย หากการเดินทางครานี้ประสบความสำเร็จ สมุดเล่มนี้ก็จะกลายเป็นตำราเรียนในด้านมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
เมื่อเอ่ยถึงฝูหล่างจี ปิซาร์โรจึงตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด เขาเงยหน้าขึ้นมองฟู่เสี่ยวกวน “ฝ่าบาท…พระองค์ประสงค์จะเดินทัพไปยังฝูหล่างจีเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“พวกเราไปทำธุรกิจ หากพวกเขาต้อนรับพวกเรา พวกข้าก็จะไปอย่างสันติ ทั้งยังมีผ้าไหมและของอื่น ๆ ที่พวกเขาต้องการไปแลกเปลี่ยนอีกด้วย”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยถึงกรณีที่พวกเขามิต้อนรับ ที่ว่าจะให้ทหารเรือระเบิดทำลายเมืองของพวกเขาเสีย
ปิซาร์โรจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างค้นหา เขาย่อมเข้าใจความหมายของครึ่งประโยคหลังที่ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เอ่ยออกไปโดยปริยาย ทว่าเมื่อเขาลองคิดมุมกลับ ฝูหล่างจีที่ตั้งอาณานิคมบนพื้นที่ของประเทศอื่นก็เป็นเยี่ยงนี้เช่นกัน ประเทศต้าเซี่ยทรงอำนาจถึงเพียงนี้ หากจะตั้งอาณานิคมที่ฝูหล่างจีก็คงมิใช่เรื่องใหญ่อันใดเช่นกัน
ต่อจากนั้นเขาก็เริ่มหารือกับฟู่เสี่ยวกวนในเรื่องของเรือพิฆาตติ้งหย่วนจี๋ต่อ การหารือครานี้ ดำเนินไปจนถึงท้องนภาด้านนอกหน้าต่างสว่างโร่ขึ้นมา
เหมือนว่าจิตวิญญาณของเขามิได้เหนื่อยล้าแต่อย่างใด ภาพแนวความคิดของเขาสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเคร่งขรึมเสียยิ่งกว่ายามที่ถือราชโองการไว้เสียอีก “ฝ่าบาท…กระหม่อมจะสร้างเรือรบที่ยิ่งใหญ่ออกมาให้จงได้ นี่คืออุดมการณ์ของกระหม่อม ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนดื่มชาที่หลิวจิ่นต้มมาให้และยกยิ้มขึ้น “ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า ทว่าสิ่งที่ข้าจะบอกกับเจ้าก็คือ เรือพิฆาตยังมิถือเป็นที่สุด”
ปิซาร์โรตื่นตกใจขึ้นมาทันใด “ฝ่าบาทยังมีแนวคิดที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“แน่นอนว่ามี ทว่าทำไปทีละขั้นตอนเถิด นี่คือขั้นตอนการสั่งสมอย่างหนึ่ง อย่าได้เร่งรีบเลย เมื่อเจ้าสามารถสร้างเรือพิฆาตออกมาได้สำเร็จแล้วจริง ๆ ในภายภาคหน้าข้ายังมีแนวคิดที่จะแบ่งปันกับเจ้าอีกมากมาย”
“โอ้พระเจ้า ! จักรพรรดิของกระหม่อม กระหม่อมต้องไปแล้ว มิสามารถล่าช้าไปได้แม้แต่ชั่วอึดใจเดียว” ปิซาร์โรถือภาพวาดแผ่นนั้นขึ้นมา จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟู่เสี่ยวกวน เฮ้อซานเตา ถังเชียนจวินนั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชา ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองไปทางเฮ้อซานเตาและถังเชียนจวิน จากนั้นก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “การเดินทางครานี้ย่อมมีสงครามเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทหารเรือของพวกเราคือกองทัพที่สดใหม่ สิ่งที่ข้าหวังไว้ก็คือการสถาปนาชื่อเสียงของทหารเรือแห่งต้าเซี่ยให้เกรียงไกร โดยใช้การเดินทางข้ามผ่านมหาสมุทรในครานี้… หากจะรบ ก็ขอให้รบอย่างดุดัน”
“แคว้นที่อยู่อีกฟากของมหาสมุทรเชี่ยวชาญการทำศึกบนทะเลมากยิ่งนัก ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องปะทะอย่างระมัดระวัง อย่าได้บุ่มบ่ามหรือจองหองเป็นอันขาด”
“สิ่งที่ข้าหวังไว้ก็คือจะต้องเดินทางไปอย่างปลอดภัย และเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเช่นกัน”
เฮ้อซานเตารีบโค้งคำนับ “กระหม่อมเฮ้อซานเตาขอสาบานว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้จงได้พ่ะย่ะค่ะ ! ”
“เอาล่ะ ! พวกเราไปทานมื้อเช้าแล้วมุ่งหน้าไปยังฐานทัพกันเถิด จำต้องประทานนามให้แก่เรือรบระดับอู่เว้ยทั้งแปดสักหน่อย”
…..
…..
สุริยาลอยเด่น ลมทะเลพัดโบก
ณ สนามฝึกที่อยู่ข้างทะเล ทหารกองนาวิกโยธิน 20,000 นายและทหารกองทัพเรือที่สาม 100,000 นายยืนตรงตระหง่าน
ธงดาบเทวะและนกอินทรีโบกสะบัดรับสายลมอยู่บนแท่นสูงหน้าลานฝึก นกอินทรีกางปีกออกโผบิน ดาบเทวะราวกับกำลังเคลื่อนไหว
เฮ้อซานเตาและถังเชียนจวินขึ้นไปบนแท่นสูงพร้อมกับฟู่เสี่ยวกวนท่ามกลางสายตาทหารนับแสนนาย สายตาของฟู่เสี่ยวกวนกวาดมองไปยังฝูงชนที่หนาแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)