นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1108

สรุปบท ตอนที่ 1108 ข้าตัดสินใจแล้ว: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

อ่านสรุป ตอนที่ 1108 ข้าตัดสินใจแล้ว จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1108 ข้าตัดสินใจแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1108 ข้าตัดสินใจแล้ว

“เจ้ารู้หรือไม่ ? ฝ่าบาทเสด็จมาที่เซี่ยเย๋ ! ”

“ได้ยินมาว่าคนของนายท่านเจ็ด ถูกสั่งสอนเสียจนราบคาบ”

“ใช่ ๆ ได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพเฮ้อลงมือสังหารนายท่านเจ็ดด้วยตนเอง ! ”

“เช่นนั้นก็หมายความว่า…พวกที่ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นเหล่านั้นถึงคราวซวยแล้วสินะ ? ”

“ใช่ ! ท่านแม่ทัพเฮ้อเขียนประกาศออกมาด้วยตนเองว่า นับจากนี้ไปหากมีผู้ใดกล้ารังแกพวกเราอีก สามารถไปเรียกร้องที่ฐานทัพทหารได้ ! ”

“……”

การที่เมืองเซี่ยเย๋สามารถมีวันที่ท้องนภาโปร่งใสได้เช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีมากยิ่งนัก !

ในอดีตนายท่านเจ็ดคิดว่าตนเองเป็นใหญ่นักหนา เขาถูกเฮ้อซานเตาสังหารไปแล้ว อีกทั้งยังจัดการกับทหารในกองพลที่หนึ่งนับร้อยคนของนายท่านเจ็ดจนสิ้น เรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านและพ่อค้าในเมืองเซี่ยเย๋รู้สึกยินดีและโล่งใจเป็นที่สุด

โจวฮุยจูงมือลู่เอ๋อร์ที่กำลังอ่านประกาศใบนั้น เขาเพ่งพิจารณาไปยังประกาศนี้และอ่านซ้ำไปซ้ำมาถึงห้ารอบ จนในที่สุดก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

เขาจูงมือลู่เอ๋อร์ไปยังโรงน้ำชาชุนยุน เถ้าแก่ของโรงน้ำชาได้เดินทางกลับมาแล้ว บรรดาโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกทำลายจนเสียหายก็ได้เปลี่ยนเป็นโต๊ะใหม่แล้ว ในโรงน้ำชามีแขกนั่งจนเต็ม เมื่อโจวฮุยพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว พบว่าบรรดาแขกในนี้ ล้วนกำลังสนทนาเรื่องที่ฝ่าบาทล้มนายท่านเจ็ดได้

“ลูกสาว…พ่อจะไปเล่าเรื่องแล้ว”

ลู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองบิดาของตนด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาทเสด็จมาที่เมืองเซี่ยเย๋แล้วมิใช่หรือ ? ท่านพ่อมิได้เอ่ยว่าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยตนเองหรอกหรือ ? ”

โจวฮุยนำมือขยี้ศีรษะของลู่เอ๋อร์ จากนั้นก็ยกยิ้มออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “พ่อตัดสินใจมิเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว”

“เพราะเหตุใดเล่าเจ้าคะ ? ”

“เพราะพ่อเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า แม้ฝ่าบาทจะมีพระปรีชาสามารถเพียงใด แม้ว่าบรรดาขุนนางจะกระทำการอย่างโปร่งใสเพียงใด ใต้หล้านี้ก็ยังคงมีสถานที่ที่มืดมนอยู่ดี…นี่คือชีวิตของมนุษย์”

ลู่เอ๋อร์ทำหน้ามึนงง โจวฮุยจึงเอ่ยขึ้นมาอีกคราว่า “เจ้าถามพ่อว่าจะหลีกเลี่ยงได้เยี่ยงไรมิใช่หรือ ? ”

ลู่เอ๋อร์พยักหน้า โจฮุยได้จึงส่ายศีรษะช้า ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเรามิอาจหลีกเลี่ยงได้หรอก ดังนั้นพ่อมิจำเป็นต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว พ่อจะเป็นนักเล่าเรื่องดังเดิม พ่อจะพาลู่เอ๋อร์เดินทางไปทั่วทุกแห่งหนในต้าเซี่ยอันกว้างใหญ่นี้ พวกเราจะเดินทางไปที่เมืองกวนหยุนและลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น พ่อจะเป็นนักเล่าเรื่องต่อไป ส่วนลู่เอ๋อร์ เจ้าจะต้องได้รับการศึกษา”

……

……

ณ ท่าเรือเซี่ยเย๋

ภายใต้การคุ้มกันของเฮ้อซานเตาและคนอื่น ๆ ฟู่เสี่ยวกวนได้ทำการขึ้นเรือรบกวนหยุนห้าวได้สำเร็จ

ในห้องโดยสารชั้นสาม เขายกกล้องส่องทางไกลขึ้นมองออกไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ในใจเขารู้สึกถึงอารมณ์ที่แปลกประหลาด ตนได้เดินทางมายังใต้หล้านี้และได้ทำการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ทว่านี่มิใช่ประวัติศาสตร์ของชาติที่แล้ว นี่ข้าอยู่ที่ใดกันแน่ ?

ดูเหมือนเขาจะวนกลับมาคิดถึงปัญหาที่มิอาจใช้หลักวิทยาศาสตร์มาตอบได้

ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เฮ้อซานเตาเห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจจึงเอ่ยถามออกมาว่า “ท่านยิ้ม มีอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“อ้อ…เรือรบลำนี้ดีมากยิ่งนัก ซานเตา พวกเราไปลองยิงกระสุนสักสองสามนัดดีหรือไม่ ! ”

“ตกลง ! ”

กวนหยุนห้าวได้ขับเคลื่อนออกจากท่าเรือตามคำสั่งของเฮ้อซานเตา มุ่งหน้าออกไปนอกชายฝั่ง

คลื่นสีเขียวขจีสาดกระทบมาเป็นระลอก นกนางนวลหลายตัวกำลังบินอยู่เหนือน้ำทะเล

“มือยิงเข้าประจำที่… ! ”

“ยิง… ! ”

เฮ้อซานเตารู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาทันใด หากเขาพาองค์จักรพรรดิไปออกทะเลด้วย อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งปี… แล้วต้าเซี่ยจะดำเนินเยี่ยงไรต่อไปเล่า ?

หากว่าระหว่างการเดินทางเกิดอันใดขึ้นเล่า ? หากเขาตกตายไประหว่างการเดินทางเสียก็ดี แต่หากเขามีชีวิตรอดกลับมา ข้าคงจะถูกพวกกรมกลาโหมและขุนนางทั้งหลายฉีกเนื้อเป็นแน่

เฮ้อซานเตารู้สึกสับสนมากยิ่งนัก แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับตบลงที่บ่าของเขาปุ ๆ “เอาเป็นว่าเรื่องนี้พวกเราได้ตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อข้ากลับไป ข้าจะจัดการสิ่งต่าง ๆ เอาไว้ล่วงหน้า”

ฟู่เสี่ยวกวนอาศัยอยู่ที่ท่าเรือเซี่ยเย๋ต่ออีกสามวัน

ในสามวันนี้ เขาได้เดินทางไปดูเรือรบต่าง ๆ ได้ปรับปรุงแนวความคิดของเรือพิฆาตร่วมกับปิซาร์โรอีกครา จากนั้นก็ตรวจตรากองทัพเรือที่สามรวมไปถึงกองนาวิกโยธินอีกด้วย

รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนสาม วันที่สิบห้า เขาเดินทางกลับมาถึงเมืองกวนหยุน จากนั้นก็ได้เรียกกรมกลาโหมเข้าประชุมเรื่องทหารเป็นคราแรก

ผู้ที่เข้าร่วมประชุมในครานี้นอกเหนือจากขุนนางในกรมกลาโหมแล้ว ยังมีสามสำนักหกกรมและขุนนางระดับสูงในกรมการค้าด้วย

ท่ามกลางการประชุมครานี้ เขาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าทหารเรือกองทัพที่สามจะเดินทางออกสำรวจทะเลในกลางเดือนสิบ ซึ่งเขาได้เลื่อนเวลาออกไปครึ่งปี ประการแรกเพื่อทดสอบปืนบรรจุกระสุนท้ายลํากล้อง ประการที่สองปิซาร์โรเอ่ยว่าในฤดูร้อน มหาสมุทรเกิดพายุขึ้นบ่อยมากยิ่งนัก

ดังนั้นจึงมีเวลามากพอในการจัดเตรียมสำหรับกรมพิธีการและกรมการค้า เพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาคัดเลือกผู้ร่วมเดินทางไปด้วย

นี่เป็นคราแรกในประวัติศาสตร์ต้าเซี่ยที่กองทหารเรือจะเดินทางออกทะเล หลังจากผ่านการพิจารณาของกรมกลาโหมแล้ว กรมสรรพาวุธก็ได้เริ่มลงมือทันที

การเดินทางครานี้คาดว่าจะยาวนานถึงหนึ่งปี กรมสรรพาวุธจะต้องจัดเตรียมกระสุนและสิ่งของอื่น ๆ ให้เพียงพอสำหรับทหารเรือเหล่านั้น

ส่วนกรมพิธีการและกรมการค้าเมื่อฟังจากคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนแล้ว การเดินทางในครานี้น่าจะผ่านถึงสิบประเทศด้วยกัน มิว่าจะเป็นการนั่งสนทนากันโดยดีหรือโจมตีเข้าไป ล้วนจำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก

โชคดียิ่งนักที่สองปีมานี้ต้าเซี่ยมีการจัดเตรียมผู้มีพรสวรรค์ไว้มิน้อย มิเช่นนั้นหยุนซีเหยียนและเซียวยวี่โหลวคงต้องหลับตาเลือกผู้ที่จะเดินทางติดตามไปด้วย

หลังจากแจกแจงเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนก็มิได้เอ่ยถามซ้ำอีก โดยมากเขาจะใช้เวลาอยู่ในห้องทรงพระอักษรและวังหลัง

อาจจะเป็นเพราะเขารู้สึกผิดต่อภรรยาและลูก ๆ เขาจึงมิอยากเดินทางออกนอกพระราชวัง เขาพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่กับภรรยาและลูก ๆ ของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)