ตอนที่ 112 คลายปัญหา ณ ห้องทรงพระอักษร ( 2 )
“เอาตามนั้น!”
องค์ฮ่องเต้ทรงโบกมือเป็นสัญญาณ ขันทีเจี่ยจึงได้นำน้ำชามาให้ฟู่เสี่ยวกวน
องค์ฮ่องเต้และเสนาบดีทั้งห้าล้วนขมวดคิ้วครุ่นคิด เนื่องจากคำพูดของฟู่เสี่ยวกวนเมื่อครู่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนว่าเหตุผลของการที่ประชาชนมิได้รับสิ่งของบรรเทาสาธารณภัยนั้นคืออะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคสุดท้ายนั้น ผลกำไรเพียงสามเท่า พวกเขาก็สามารถกระทำการใด ๆ อันผิดกฎหมายได้ ดังนั้นกำไรสิบเท่านี้ เกรงว่าบรรดาข้าราชการเหล่านั้นต่อให้รู้ว่าอาจจะถูกตัดหัว แต่พวกเขาก็ยังกล้าเสี่ยง
สิ่งนี้คือนิสัยตามธรรมชาติของมนุษย์ นั่นหมายความว่าต่อให้เปลี่ยนผู้รับผิดชอบไปก็ไม่อาจเป็นผล
แน่นอนว่าในบรรดาข้าราชการเหล่านี้คงมีข้าราชการที่ซื่อสัตย์รวมอยู่ด้วย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าราชการที่ซื่อสัตย์บริสุทธิ์ก็มักไม่มีบทบาทใด ๆ
เมื่อสืบสาวราวเรื่อง ก็เปรียบเสมือนกับแหจับปลา ซึ่งแหนี้จะต้องมีตาแห และอาจเป็นหนึ่งในข้าราชการชั้นสูงก็เป็นได้
ฟู่เสี่ยวกวนได้นั่งลงบริเวณที่นั่งแถวผนัง เขาดื่มชาไปพลางคิดไปว่าอีกประเดี๋ยวจะเอ่ยยกยอพ่อตาอย่างไรดี
ไม่นานต่อมา หนิงไท่ฟู่ก็เอ่ยว่า “เจ้าอย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมได้หรือไม่ ? เจ้าคิดว่าภายในราชสำนักแย่ถึงขั้นนี้แล้วหรือ ?”
ฟู่เสี่ยวกวนยังมิทันได้เอ่ยคำใดออกมา ฝ่าบาทก็ทรงเอ่ยขึ้นว่า “หนิงไท่ฟู่ สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริง” เมื่อฝ่าบาทตรัสจบก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา ขันทีเจี่ยนำไปให้หนิงไท่ฟู่ “สิ่งนี้คือรายงานที่ได้รับล่าสุด บัดนี้เหยียนซีไป๋อยู่ที่เหอหนาน ในที่นั้นราคาอาหารสูงขึ้นถึงสิบห้าเท่า มิใช่เพียงสิบสองเท่าดังที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยเมื่อครู่”
หนิงไท่ฟู่หยิบหนังสือนั้นขึ้นมาพิจารณาดู เขาขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ทวีความโมโหมากขึ้น
“กระหม่อมพบเห็นกลุ่มชายกำยำกำลังรวมตัวกัน เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นจึงได้เข้าไปถาม ได้ความว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะอดตาย ได้ยินว่าที่หมู่บ้านเซี่ยชุนแห่งหลินเจียง มีผู้ใจบุญรับช่วยเหลือพวกเขา มีอาหารการกินและที่อยู่ อีกทั้งยังสามารถทำงานแลกเงินได้อีกด้วย หากไปช้าเกรงว่าจะสายเกินไป”
“ในขณะที่กระหม่อมเดินทางกลับ ได้เข้าไปถามถึงราคาข้าว ปรากฏว่าราคาสูงถึงชั่งละ 260 ตำลึง ข้าวฟ่างราคาชั่งละ 120 ตำลึง ข้าวสาลีชั่งละ 200 ตำลึง…อย่าว่าแต่ผู้ประสบภัยเลย แม้แต่ผู้ที่อาศัยในเมืองหลวงเองก็เกรงว่าไม่อาจมีกำลังที่จะซื้อได้”
“กระหม่อมได้ไปสอบถามกับข้าราชการ พวกเขากล่าวว่าอาหารบรรเทาสาธารณภัยนั้นได้แจกจ่ายในทุกวัน แต่จำนวนคนมากเสียเหลือเกิน พวกเขาเองก็มิรู้ว่าจะทำเยี่ยงไร ! ”
“กระหม่อม ช่างเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ! เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตด้านอาหารและทรยศต่อแผ่นดินเช่นนี้ กระหม่อมจะสอบสวนอย่างแน่นอน ! “
นี่คือรายงานลับ มิได้ผ่านการตรวจสอบจากส่วนกลาง และบัดนี้一一ได้เอ่ยประกาศต่อหน้าทุกคน แม้แต่เยี่ยนเป่ยซีเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ผ่านไปเนิ่นนาน เสนาบดีต่งได้โค้งคำนับและเอ่ยว่า “กระหม่อมมีความผิด แม้กระหม่อมจะมีตำแหน่งหน้าที่สูง แต่มิรู้ว่าเกิดการทุจริตถึงขั้นนี้ กระหม่อมยอมรับในความผิดทั้งปวง ขอฝ่าบาททรงลงโทษกระหม่อมด้วย !”
ฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นก็คิดในใจว่าจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ พ่อตาเขาจะถูกฝ่าบาทกล่าวโทษเหมารวมเช่นนี้มิได้ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน
“ข้าน้อยมีความเห็นว่าเรื่องนี้มิใช่ความผิดของเสนาบดีต่ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)