นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1135

สรุปบท ตอนที่ 1135 ละคร: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอน ตอนที่ 1135 ละคร จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1135 ละคร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1135 ละคร

ในราตรีนี้ ชั้นสองของอาคารที่อยู่ด้านหลังหอเฟิงเยวี่ยครึกครื้นเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่า ความครึกครื้นเช่นนี้มิมีผู้ใดเคยเห็นมาก่อน

เหยียนฉงเหวินเดินลงมาจากชั้นสองของอาคาร จากนั้นก็เดินออกไปจากหอเฟิงเยวี่ย ขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังตรอกจิ้งอันทันที

ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด สายลับจากหอเทียนจีเฝ้ามองรถม้าคันนี้อย่างใกล้ชิด ทว่ารถม้าคันนั้นกลับมิได้ไปยังตรอกจิ้งอัน มันหยุดลงกลางทางอย่างกะทันหัน เวลาผ่านไปราวครึ่งถ้วยชา รถม้าจึงเลี้ยวไปอีกตรอกหนึ่ง…ถนนเสี่ยวเป่ย !

บนถนนเส้นนี้มีจวนที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากตั้งอยู่หนึ่งหลัง มันมีนามว่าจวนเป่ยโฮ่ว เจ้าของจวนคือเสนาบดีกรมกลาโหมแห่งแคว้นโหลวหลาน…อันจ้ง

เหยียนฉงเหวินมิได้กลับจวนไปดูห้องลับของเขา ทว่าเขากลับไปเยี่ยมเยียนอันจ้งแทน !

ถึงแม้จะเป็นเสนาบดีเหมือนกัน ทว่าเป่ยโฮ่วอันจ้งแห่งแคว้นโหลวหลานกลับตำแหน่งสูงกว่าเขาที่เป็นเสนาบดีกรมโยธาธิการอยู่มากโข

น้องชายคนที่สองของกษัตริย์แคว้นโหลวหลานองค์ปัจจุบัน อันจ้งมีกองทัพทหารม้านับแสนนาย เขามีตำแหน่งสำคัญในแคว้นโหลวหลาน และเขายังเป็นคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในมือขององค์ชายรองอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ชั้นสองบนอาคารด้านหลังหอเฟิงเยวี่ยก็ได้มีคุณชายท่าทางสะโอดสะองท่านหนึ่งเดินขึ้นมาอีกครา ครานี้เชี่ยวเอ๋อร์มิเพียงแต่ลุกขึ้นยืนเท่านั้น นางยังเดินเข้าไปทำความเคารพอีกด้วย “ถวายพระพรองค์ชายใหญ่ เหตุใดพระองค์ถึงเดินทางมาที่นี่ล่ะเพคะ ? ”

องค์ชายใหญ่อันเยวี่ยมองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ที่เหยียนฉงเหวินเพิ่งนั่งลงไปเมื่อครู่

“เจ้าเหยียนฉงเหวินนั่นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เขาจะยอมโดนหลอกง่ายดายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ! ”

เชี่ยวเอ๋อร์ชะงักงัน “เขามิกลัวว่าชือเยว่หมิงจะใช้กำลังจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”

“ตาเฒ่านั่น แท้จริงแล้วคำเอ่ยที่เจ้าเอ่ยมาเมื่อครู่ได้กระตุ้นความสงสัยของเขาขึ้นมา เพราะตาเฒ่านั่นย่อมมิบอกสถานที่สำคัญเยี่ยงนี้ให้แก่อนุภรรยาของมันเป็นแน่”

“เช่นนั้นบัดนี้ควรทำเยี่ยงไรดีเพคะ ? ”

“มิต้องรีบร้อนไปหรอก ข้าคาดว่ามันคงจะไปหาอารองของข้า ข้าคิดว่ามันคงจะไปไหว้วานขอให้เงามืดของท่านอารองจับกุมสายลับของหอเทียนจีเอาไว้ ฮึ ๆ ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเงามืดเหล่านั้นจะยินยอมหรือไม่”

“มา ๆ ๆ รินสุรา”

เชี่ยวเอ๋อร์นั่งลงและรินสุราให้กับองค์ชายใหญ่หนึ่งจอก ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “หม่อมฉันขอบังอาจทูลถามองค์ชาย ประเทศต้าเซี่ย…ไร้พ่ายจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”

อันเยวี่ยยกจอกสุราขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย “หลายวันมานี้เสด็จพ่อได้รวบรวมรายงานเกี่ยวกับประเทศต้าเซี่ยมาเป็นจำนวนมาก ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังก็แล้วกัน บัดนี้ที่เชิงเขาติ้งฟาง มีกองทัพต้าเซี่ยอยู่ 20,000 นาย”

อันเยวี่ยยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ทหาร 20,000 นาย มิมีอันใดน่าเอ่ยถึงใช่หรือไม่ ? ”

“แต่เสด็จพ่อกลับมิกล้าลงมือสังหารขุนนางของต้าเซี่ยโดยแท้จริง เพราะเหตุใดน่ะหรือ ? ก็เพราะเสด็จพ่อหวาดกลัวเยี่ยงไรเล่า ! ”

เชี่ยวเอ๋อร์ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด “พวกเรามีกองทัพจำนวน 300,000 นาย อีกทั้งยังมีทหารองครักษ์อีก 100,000 นาย ! ”

“เจ้าเคยเห็นการต้อนแกะหรือไม่ ? ข้าเคยเห็นสุนัขเลี้ยงแกะตัวหนึ่งสามารถเฝ้าแกะนับร้อยตัวได้ ! เพราะเหตุใดน่ะหรือ ? เพราะแกะก็คือแกะ ขอเพียงแค่สุนัขเลี้ยงแกะออกมาแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามสักคำสองคำ แกะทั้งหมดก็จะเชื่อฟังแต่โดยดี”

“เฮ้อ…กองทัพของประเทศต้าเซี่ยเปรียบเสมือนกับสุนัขเลี้ยงแกะ ทว่ากองทัพที่มองไปแล้วมีจำนวนมากมายของแคว้นโหลวหลานมิได้ต่างกันใดกับแกะเหล่านั้นเลยสักนิด”

“คาดว่าเจ้าคงยากที่จะจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของกองทัพแห่งประเทศต้าเซี่ยได้ เมื่อปีนั้นที่ต้าเซี่ยปะทะกับราชวงศ์เหลียว พวกเขามีทหารเพียงแค่ 20,000 นาย เพียงแค่ 20,000 นายก็สามารถยึดครองเมืองต้าติ้งที่เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เหลียวได้อย่างง่ายดายแล้ว ทั้งยังจับจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหลียวเป็นเชลยศึกอีกด้วย”

“หากมิใช่เพราะในมือของเสด็จพ่อมีเชลยอยู่ 20 คน กองทหาร 20,000 นายที่อยู่ด้านนอกนั้น คาดว่าคงจะทะลวงเข้ามาในเมืองโหลวหลานเนิ่นนานแล้ว ! ”

เชี่ยวเอ๋อร์จ้องมององค์ชายใหญ่ด้วยสายตาตกตะลึง ผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เช่นนั้น…พวกเราจะถูกล้างบางหรือไม่เพคะ ? ”

“น้องรองของข้าคิดว่าตนเองนั้นฉลาดหลักแหลม คิดว่าจะอาศัยเชลยเหล่านั้นทำให้ประเทศต้าเซี่ยยอมก้มหัวให้พวกเราระหว่างการเจรจาได้ ทว่าเยี่ยงไรเสียพวกเขาก็มิมีทางก้มหัวให้พวกเราหรอก”

“หากพวกเขามิสามารถช่วยเหลือเชลยออกไปได้ จะยังเจรจากันได้อีกหรือ ? ”

“เชื่อข้าเถิด ความสามารถของหอเทียนจีนั้นแม้แต่เงามืดก็มิอาจเทียบเคียงได้ เกรงว่าในยามนี้ชือเยว่หมิงจะไปอยู่ที่จวนของเหยียนฉงเหวินแล้ว”

“แต่เขามิทราบสถานที่ตั้งของห้องลับ”

“เรื่องนี้มิได้ยากเย็นสำหรับเขาเลย”

“หากต้าเซี่ยต้องการเข้าช่วยเหลือเชลย พวกเขาต้องบุกเข้าเมืองโหลวหลานจากใต้ดิน หากพวกเราส่งคนไปเฝ้าทางเข้าเอาไว้ พวกเขาก็จะมิมีโอกาสแล้วมิใช่หรือเพคะ”

ครานี้องค์ชายใหญ่อันเยวี่ยนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ “พวกเราต่างก็คิดว่าพวกเขาจะเข้ามาทางใต้ดิน ทว่าข้ากลับมิเชื่อว่าพวกเขาจะมีเพียงแผนการเดียว”

“โจมตีเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“บางทีอาจจะจู่โจมอย่างกะทันหันก็เป็นได้”

เชี่ยวเอ๋อร์หันไปมองท้องนภาสีดำด้านนอกหน้าต่างอีกครา มิเข้าใจว่ากองทัพของประเทศต้าเซี่ยจะบุกเข้ามาด้วยวิธีการใด

แน่นอนว่าการโจมตีนั้นเป็นกลยุทธ์ที่ง่ายที่สุด ทว่าหากกษัตริย์แห่งแคว้นโหลวหลานทรงตัดสินพระทัยจะทุบหม้อข้าวจมเรือ ต่อให้แคว้นโหลวหลานล่มสลาย ขุนนางทั้งยี่สิบคนจากประเทศต้าเซี่ยก็มิมีทางรอดชีวิตออกไปได้

แผนการของประเทศต้าเซี่ยบัดนี้ชัดเจนเป็นอย่างมาก พวกเขาต้องการช่วยขุนนาง 20 ชีวิตนั่น เยี่ยงนั้นก็มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น มาเจรจาตามที่แคว้นโหลวหลานตั้งใจเอาไว้ หรือไม่…ก็ต้องจู่โจม !

ขุนนาง 20 คนของประเทศต้าเซี่ยถูกขังอยู่ที่คุกของกรมกลาโหม โดยมีทหารคนสนิทของเสนาบดีกรมกลาโหมเป็นผู้คุมด้วยตนเอง

แล้วพวกเขาจะทำเยี่ยงไรได้อีกกัน ?

“มิว่าเยี่ยงไรพวกเขาก็มิสามารถช่วยเชลยออกมาได้ ทว่าต่อจากนี้เกรงว่าไฟโทสะของประเทศต้าเซี่ยจะลุกลามมายังแคว้นโหลวหลาน… องค์ชายเพคะ เหมือนว่าโชคชะตาครานี้จะถูกกำหนดไว้แล้วใช่หรือไม่เพคะ ? ”

“รินสุรา”

“เพคะ ! ”

“ข้าจะออกไปนอกเมือง”

“ไปที่ใดกันเพคะ ? ”

“เขาติ้งฟาง ! ”

“กลยุทธ์ลอบตีเฉินชัง ผู้ใดเป็นผู้วางแผนการนี้กัน ? ”

“ในเมื่อพี่ใหญ่เอ่ยเยี่ยงนี้ ข้าก็มิขอปิดบังเอาไว้… พรุ่งนี้ข้าจะนำตัวเชลยเหล่านั้นไปส่งที่เขาติ้งฟางด้วยตนเอง ข้าจะเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อไปลงนามข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต้าเซี่ย ทั้งหมดนี้คือการเข้าใจผิด แผนการนี้มีท่านลุงอันเป็นผู้วางแผน”

อันเยวี่ยหนาวเหน็บไปทั้งใจ ตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้เขามิได้สงสัยในตัวอัครมหาเสนาบดีอันตัวเลยสักนิด คาดมิถึงว่าละครทั้งหมดนี้จะเกิดจากแผนการของอันตัว !

นี่คือแผนการร้าย !

ในแผนการร้ายครานี้ เขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ถูกตั้งให้อยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับน้องรองอันจื้อไจ้ !

เมื่ออยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อ เขาเสนอความคิดเห็นให้ตอบรับข้อเสนอของประเทศต้าเซี่ยอย่างแข็งขัน

ทว่าน้องรองอันจื้อไจ้กลับเสนอความคิดที่จะสร้างผลประโยชน์ที่มากกว่าให้กับแคว้นโหลวหลาน !

จนถึงท้ายที่สุดจะสร้างผลประโยชน์ที่มากกว่าให้กับแคว้นโหลวหลานได้หรือไม่นั้นมิสำคัญ เพราะมิมีราษฎรคนใดทราบถึงข้อตกลงทางการค้านี้

เสด็จพ่อถูกอันตัวเกลี้ยกล่อม เสด็จพ่อคงคิดว่าอันจื้อไจ้จะลงนามข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นโหลวหลานอย่างแท้จริง

จากนั้นอันจื้อไจ้ก็จะได้รับการยกย่องและการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากราชสำนักและจากราษฎร เสด็จพ่อชรามากแล้ว พระองค์ย่อมแต่งตั้งน้องรองให้เป็นรัชทายาทอย่างแน่นอน

ส่วนตนก็เป็นเพียงตัวตลกตัวหนึ่งในละครเรื่องนี้ก็เท่านั้น

“ดังนั้นที่เจ้าแนะนำเฉินหยางให้กับเสด็จพ่อในตอนแรกเริ่ม ก็เพื่อวันนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

อันจื้อไจ้เผยรอยยิ้มบาง ๆ ของผู้ชนะออกมา “เขาเป็นหมากตัวสำคัญตัวหนึ่งเลยล่ะ หากมิได้ท่าทีตื่นตระหนกของเขา เสด็จพ่อจะทรงหลงเชื่อข้าอย่างง่ายดายได้เยี่ยงไร”

“เสด็จพ่อชรามากแล้ว ความกล้าหาญจึงลดลงแล้ว ดังนั้นข้าจึงช่วยเสด็จพ่อรวบรวมรายงานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเทศต้าเซี่ยมาจำนวนมาก…”

“สงครามระหว่างแคว้นโหลวหลานและต้าเซี่ย มิใช่ว่าเป็นการเอาไข่ไปกระทบหินหรอกหรือ สู้ไปก็มิชนะ เสด็จพ่อมิต้องการรบ ข้าเองก็มิต้องการรบเช่นกัน หากถูกประเทศต้าเซี่ยกวาดล้างในคราเดียวขึ้นมาจริง ๆ พวกเราย่อมถูกนำตัวส่งไปยังแท่นประหาร ! ”

“มา ๆ ๆ พี่ใหญ่ ข้าขอชนจอกสุรากับท่านสักหน่อย ขอขอบคุณที่ท่านให้ความร่วมมือ ! ”

องค์ชายใหญ่ดื่มสุราจอกนี้กับอันจื้อไจ้ รู้สึกว่าสุราที่ยกดื่มนั้นค่อนข้างขมยิ่งนัก

“ข้าแพ้แล้ว ข้ายอมรับจากใจจริง ในภายภาคหน้าก็ขอให้ทำธุรกิจกับประเทศต้าเซี่ยได้อย่างราบรื่นก็แล้วกัน ข้าจะกลับวังแล้ว จะไปดูเหล่าลูก ๆ ของข้าสักหน่อย”

“เดินทางดี ๆ ล่ะ ข้ามิขอส่ง”

อันเยวี่ยสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน สายตาของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แล้วก็ต้องตะลึงพรึงเพริด

ท่ามกลางท้องนภาที่มืดมิด มีโคมลอยถูกจุดขึ้นมามากมาย !

อันจื้อไจ้และเชี่ยวเอ๋อร์ก็มองออกไปยังฉากประหลาดที่อยู่นอกหน้าต่างเช่นกัน นี่มันเรื่องอันใดกัน ?

อันจื้อไจ้เดินไปที่หน้าต่าง จ้องมองโคมลอยที่ลอยอยู่บนท้องนภาพลางขมวดคิ้วมุ่น “นี่คือสิ่งใดกัน ? เหตุใดถึงลอยอยู่บนท้องนภาได้ล่ะ ? ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)