นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1141

สรุปบท ตอนที่ 1141 เรื่องเก่า: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนที่ 1141 เรื่องเก่า – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1141 เรื่องเก่า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 1141 เรื่องเก่า

“ฝ่าบาท อีกมิกี่วันก็จะสิ้นปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลิวจิ่นยืนอยู่ข้างกายฟู่เสี่ยวกวนพลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “พวกเราหาผืนปฐพีเพื่อหยุดพักสักหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ฉลองปีใหม่เสร็จแล้วค่อยออกเดินทางอีกคราดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

ในสายตาของหลิวจิ่น การฉลองปีใหม่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งนัก ทว่าบัดนี้เรือกำลังเดินทางอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ การฉลองปีใหม่ในทะเลเยี่ยงนี้…มิเข้าท่าสักเท่าใดนัก

ฟู่เสี่ยวกวนขยับเอวเล็กน้อย มองไปทางเฮ้อซานเตา จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “บัดนี้พวกเราแล่นเรือมาถึงที่ใดแล้ว ? ”

“ตามสัญลักษณ์บนแผนที่เดินเรือ พวกเราน่าจะใกล้ถึงแคว้นหลัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด เขาแล่นเรือในท้องทะเลมาเดือนกว่าแล้ว รู้สึกเบื่อหน่ายมิน้อย มิต้องเอ่ยถึงเหล่าทหารหรอก แม้แต่เขาเองที่มีการเตรียมใจมาแต่เนิ่น ๆ แล้ว ในยามนี้รู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อยแล้วเช่นกัน

“เยี่ยงนั้นก็หาท่าเทียบเรือที่แคว้นหลัวเถิด ปีนี้พวกเราจะฉลองข้ามปีที่แคว้นหลัวกัน”

“พ่ะย่ะค่ะ ! ”

เฮ้อซานเตารับสั่งด้วยความยินดี จากนั้นก็เดินถอยออกไป สิ่งที่เขาคิดย่อมมิใช่การฉลองปีใหม่ มีอันใดให้น่าฉลองข้ามปีกัน ไปชิงเงินยังจะดีกว่าเสียอีก !

เดินทางมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ยังมิได้เงินมาสักอีแปะเดียว !

เมื่อขึ้นแคว้นหลัวแล้ว ฮึ ๆ ข้าจะต้องรีดไถมาให้เกลี้ยงให้จงได้ !

ดังนั้นเฮ้อซานเตาจึงขึ้นไปยังแท่นสั่งการ ถ่ายทอดคำสั่งให้แก่ไป๋ยู่เหลียน ไป๋ยู่เหลียนมิได้คิดอันใดมากมาย ในเมื่อมาถึงแคว้นหลัวแล้ว ก็ต้องลงไปดูสักหน่อย

คำสั่งถูกถ่ายทอดผ่านสัญญาณธง เรือน้ำร่องจินหลิงห้าวได้ออกสัญญาณธงให้เพิ่มความเร็ว ความเร็วของหน่วยเรือรบทั้งหมดได้เพิ่มขึ้นมาอีกครา จนเกิดเป็นระลอกคลื่นตลอดทาง

…..

…..

รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนสิบเอ็ด วันที่ยี่สิบแปด

วันนี้มีงานสมรสที่ยิ่งใหญ่ในเมืองจินหลิง

จ่งตูเมืองไท่หลินแห่งประเทศต้าเซี่ยเยี่ยนซีเหวินและคณบดีศูนย์วิจัยซีซานฉินรั่วเสวีย ภายใต้การสนับสนุนของพระสนมทั้งเก้าซึ่งนำโดยองค์จักรพรรดินีแห่งต้าเซี่ยหยูเวิ่นหวิน ท่ามกลางพยานแขกเหรื่อหลายพันคน พวกเขาได้เดินจับมือกันเข้าห้องเจ้าสาวไป

นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นงานสมรสที่น่าตกตะลึงที่สุดในต้าเซี่ยก็ว่าได้ !

จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยนำกองทัพเรือออกสำรวจ ทว่าจักรพรรดินีและเหล่าพระสนมแห่งต้าเซี่ยก็ได้มาร่วมงานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หากเอ่ยถามใต้หล้าได้ ยังมีผู้ใดที่ได้รับเกียรติเยี่ยงนี้อีกบ้าง ?

นี่คือสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนมอบหมายให้กับเหล่าภรรยาก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เพราะเขาเคารพนับถือเยี่ยนเป่ยซีและชื่นชมเยี่ยนซีเหวินมากยิ่งนัก

ส่วนหยูเวิ่นหวินและคนอื่น ๆ พวกนางต้องการกลับมาที่จินหลิงอีกสักครา

ตามความประสงค์ของฟู่เสี่ยวกวน เกรงว่าเขาจะสละราชบัลลังก์ โดยที่ภายภาคหน้ายังมิทราบว่าจะเดินไปในทิศทางใดเช่นกัน

จวนเยี่ยนคลาคล่ำไปด้วยมิตรสหาย ฝูงชนเข้ามาอย่างมิขาดสาย

ใบหน้าชราของเยี่ยนเป่ยซีกับฉินปิ่งจงดูสดใสและปลอดโปร่ง หนึ่งคือได้วางเรื่องที่ห่วงใยไปหนึ่งเรื่อง สองคือฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับงานแต่งของเยี่ยนซีเหวิน

นี่คือเกียรติยศของตระกูลเยี่ยนและตระกูลฉิน เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น !

เยี่ยนเป่ยซีกำลังรำลึกความทรงจำอยู่ในห้องทรงพระอักษรกับจักรพรรดินีและพระสนมทั้งสิบ รวมไปถึงฉินปิ่งจงด้วย

“มองย้อนกลับไปเมื่อปีนั้น ยามที่ข้าอยู่ในห้องทรงพระอักษรนี้ ฝ่าบาททรงเมามายและได้ตรัสถึงเรื่องประเทศ พระองค์ได้ประพันธ์บทกวีนามว่า ‘หนทางลำบาก’ ขึ้นมา”

เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยนเป่ยซีก็หยิบกระดาษออกมาจากชั้นวางหนังสืออย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กางออก “เกรงว่าทุกท่านนอกจากพระสนมเยี่ยนแล้ว คงมิมีผู้ใดเคยเห็นกวีบทนี้ของฝ่าบาทมาก่อน เชิญทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของฉินปิ่งจงหรี่ลงเล็กน้อย เขาโน้มตัวลงไปมองกระดาษแผ่นนั้น ลายลักษณ์อักษรที่วิจิตรนี้ มิใช่ลายมือของฟู่เสี่ยวกวน คาดว่าน่าจะมีสตรีสักคนเขียนแทนเขา

“และพระองค์ยังตรัสอีกว่าความคิดของผู้คนในใต้หล้าก็เปรียบเสมือนกรงนก พวกเขามิสามารถทำลายกรงนกนี้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้นพระองค์จึงต้องการทำลายมัน ! ”

“ฝ่าบาทจึงเติมเนื้อหาใน ‘ตำราหลี่เสวีย’ ของเหวินสิงโจว ฝ่าบาทได้บรรยายส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ในนั้นด้วย”

เยี่ยนเป่ยซีลุกขึ้นยืน สองมือไพล่หลังและเดินไปยังหน้าต่าง จ้องมองดอกเหมยที่เบ่งบาน แล้วเอ่ยขึ้นมาช้า ๆ ว่า

“หลี่อยู่ที่ใจ มิว่าจะเป็นหลักการของสวรรค์หรือมนุษย์ ล้วนอยู่ในใจเรา ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับจิตใจ จิตใจรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหลี่ แม้ท้องนภากว้างใหญ่ ทว่าหากมีความตั้งมั่น มีจิตสำนึก แม้เพียงคนธรรมดาก็สามารถเป็นนักปราชญ์ได้และกลายเป็นเหยาซุ่นได้ ! ”

“นี่คือสิ่งที่ฝ่าบาทได้ตรัสเอาไว้ในคืนนั้น ! ”

เขาหันกลับมามองดูท่าทีตื่นตกใจของทุกคน จากนั้นก็ยิ้มบาง ๆ “เมื่อยามนั้นที่ได้ยินพระราชดำรัสนี้ของฝ่าบาท ข้าก็ตกใจมิต่างจากพวกท่าน ข้าจึงเอ่ยถามพระองค์ว่าจะต้องทำลายเยี่ยงไร ? ”

“พระองค์ตรัสว่า… ชี้ทางสว่างให้แก่ผู้คน ยามที่ความรู้ค่อย ๆ บังเกิด จะเผยทุกสิ่งที่ถูกปิดไว้ ! ”

“สิ่งที่พระองค์ต้องการก็คือ สร้างกฎหมายที่ครอบคลุม เปลี่ยนแว่นแคว้นเปลี่ยนการปกครองโดยมนุษย์ให้เป็นการปกครองโดยกฎหมาย ให้ทุก ๆ คนได้รับความเท่าเทียมและอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย”

“มีเพียงแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถตรวจสอบอำนาจได้และถึงจะหลุดออกจากกรงได้ ! ”

“เมื่อถึงเวลานั้น…ใต้หล้านี้จะเปลี่ยนไปสวยงามยิ่งกว่าที่เคย ! ”

เยี่ยนเป่ยซีจดจำคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวน ณ คืนนั้นเอาไว้ในสมอง สำหรับทัศนวิสัยที่มองไปแล้วค่อนข้างแปลกแยกของฟู่เสี่ยวกวนในยามนั้น เขามิได้เอ่ยแย้งอันใด

เขาคอยเฝ้ามองอยู่เสมอ เฝ้ามองฟู่เสี่ยวกวนดิ้นรนอย่างยากลำบากในราชวงศ์หยู คิดว่าเขาคงละทิ้งความคิดที่ไร้สาระเยี่ยงนี้และจบลงเหมือนกับผู้คนทั่วไป

หากอดีตฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูมิได้เกิดความขัดแย้งกับฟู่เสี่ยวกวน หากเขายังอยู่ในอดีตราชวงศ์หยูดังเดิม บางทีชั่วชีวิตนี้เขาก็ยากที่จะก้าวออกไปจากกรงขังเช่นกัน

“เดิมทีข้านั้นมิเชื่อในโชคชะตา ทว่าบัดนี้คงต้องเชื่อแล้ว”

เยี่ยนเป่ยซีเดินกลับมายังที่นั่ง จากนั้นก็นั่งลง ในขณะที่กำลังรินชาให้กับทุกคน ก็ได้เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ยามที่ฝ่าบาททรงรวบรวมห้าแคว้นให้เป็นหนึ่งและก่อตั้งประเทศต้าเซี่ยขึ้นมา ยามที่ฝ่าบาทได้วางโครงร่างของแผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่หนึ่งขึ้นมา ข้าก็ทราบแล้วว่า ฝ่าบาทมิได้หลงลืมความตั้งใจเดิม พระองค์กำลังคิดหาทางกำจัดกรงนกที่อยู่ในหัวของราษฎรออกไป ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)