ตอนที่ 1142 พวกเขาจะทำเยี่ยงไร
ในต้าเซี่ยแห่งนี้ จะว่าไปแล้วผู้ที่เข้าอกเข้าใจการกระทำของฟู่เสี่ยวกวนอย่างแท้จริงมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งคนผู้นั้นก็คือเยี่ยนเป่ยซี !
ต่อให้เป็นหยูเวิ่นหวินหรือต่งชูหลาน ก็มิมีผู้ใดรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนเคยทำอันใดไว้บ้าง เขากำลังพยายามทำอันใดอยู่ และสิ่งใดที่เขาต้องการทำในอนาคต
“นโยบายของฝ่าบาทในบัดนี้ พวกเจ้าจงไปพิจารณาดูให้ดี ทุกสิ่งล้วนทำเพื่อเปิดปัญญาของประชากร อาทิเช่นการศึกษาภาคบังคับเป็นเวลา 9 ปี หรืออาทิเช่นการเปลี่ยนสื่อการสอนเพื่อฟื้นฟูเกษตรกรรมและพาณิชยกรรมเป็นต้น”
“ฝ่าบาทเคยเอ่ยว่ามนุษย์นั้นมีทั้งสิ้นห้าชั้น หากสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่สามได้แล้ว…พวกเขาก็จะต้องการครอบครองและความรัก ผู้คนถึงจะสามารถเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาอันสูงส่งได้”
“บัดนี้ราษฎรของต้าเซี่ยเพิ่งจะเข้าสู่ชั้นที่หนึ่ง ฝ่าบาทได้ผลักดันพวกเขาเข้าสู่ชั้นต่อไป นั่นคือความตระหนักในการเคารพนับถือ ! ”
“พระองค์ตรัสว่าชั้นนี้มีความสำคัญมากยิ่งนัก ผู้คนที่อยู่ในชั้นนี้ได้ ถึงจะสามารถแสวงหาสิทธิ์ของตนเองได้และกล้าที่จะปฏิเสธ หากพฤติกรรมนั้นทำลายสิทธิของเขา ! ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฉินปิ่งจงก็ได้เอ่ยขัดเยี่ยนเป่ยซีด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “นี่มิใช่การส่งเสริมให้ราษฎรดูหมิ่นอำนาจหรอกหรือ ? มันจะส่งผลถึงอำนาจของจักรพรรดิด้วยมิใช่หรือ ? หากเป็นเช่นนั้นใต้หล้าจะมิวุ่นวายหรือ ? ”
“ในตอนนั้นข้าเองก็คิดเหมือนกับท่านนี่แหละ ทว่าบัดนี้มองดูแล้วมิใช่ ท่านลองคิดดูเถิด หากว่าขุนนางในต้าเซี่ยทุกคนสามารถทำงานบริการราษฎรได้โดยแท้จริง สามารถทำให้ราษฎรมั่งคั่งขึ้นมาได้ สามารถทำให้ทั้งทรัพย์สินและจิตใจของพวกเขาอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาได้…ยังจะมีผู้ใดต้องการก่อกบฏอีกกัน ? ”
“เมื่อราษฎรได้เปิดแนวความคิดใหม่นี้ พวกเขาจะกล้าจับตามองเหล่าขุนนางทั้งหลาย เมื่อเป็นเช่นนี้ หากว่าขุนนางถูกราษฎรจับตามองดู ผู้ใดเล่าจะกล้าทำการทุจริต ? ผู้ใดเล่าจะกล้าขัดขืนกฎหมาย ? ”
“เป็นไปตามที่ฝ่าบาทได้ตรัสไว้ สิทธิ์อำนาจหากมิได้กักเก็บไว้ในกรง พวกมันอาจจะกินคนขึ้นมาก็เป็นได้ ! กรงนั้นคือสิ่งใดน่ะหรือ ? ก่อนหน้านี้ข้าเองก็หาได้เข้าใจไม่ ทว่าบัดนี้ข้าเข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้ว มันคือการควบคุมราษฎรในใต้หล้า ! มันคืออาวุธที่ราษฎรจะหยิบขึ้นมาใช้เพื่อปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญแห่งเสรีภาพ ศักดิ์ศรี ความมั่งคั่ง และความสุข ! ”
“มีเพียงเมื่ออำนาจอยู่ภายใต้การดูแลของทุกคนเท่านั้น มันถึงจะสามารถกำจัดกรงออกไปได้ ! ”
เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยนเป่ยซีก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาเสียจนใบหน้าเหี่ยวย่นขึ้นสีแดงเล็กน้อย
เมื่อเอ่ยจบ ดวงตาของฉินปิ่งจงก็เบิกกว้าง เขาค่อย ๆ เข้าใจในความหมาย อำนาจดุจดั่งราชสีห์ สายตาของราษฎรและความกล้าที่จะโต้แย้งคือกรงที่สร้างขึ้นมา
ดังนั้นมิว่าจะเป็นขุนนางระดับใด หรือแม้แต่อำนาจของจักรพรรดิก็จะอยู่ภายใต้การจับจ้องของราษฎร
หากว่าราชสีห์หลุดออกมาจากกรง ราษฎรต้าเซี่ยมีอำนาจในการจัดการมันจนถึงแก่ชีวิต !
“ฝ่าบาท…ทรงยิ่งใหญ่มากยิ่งนัก ! ”
นี่คือการปฏิวัติคราใหญ่ !
มิว่าจะเป็นลัทธิขงจื้อหรือลัทธิอื่น ๆ ทุกแนวความคิดล้วนเพื่อรับใช้จักรพรรดิและรับใช้ชนชั้นปกครอง
นักปราชญ์เหล่านี้มองว่าเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นบรรทัดฐานของผู้คน จนกลายมาเป็นอุปสรรคทางอุดมการณ์ของฟู่เสี่ยวกวน
เขาต้องการจะทำลายมันทิ้ง
ทว่ามิได้ใช้วิธีการหักดิบหรือรุนแรงแต่อย่างใด
นโยบายของเขาเป็นดั่งฝนฤดูใบไม้ผลิที่เงียบสงบและชุ่มชื้น มันกำลังส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วทั้งใต้หล้า
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งราษฎรในต้าเซี่ยจะเข้าใจในตำราหลี่เสวีย พวกเขาจะยึดถืออาวุธที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ เมื่อถึงเวลานั้นต้าเซี่ยจะเป็นเยี่ยงไร ?
มิมีผู้ใดล่วงรู้ได้ ทุกคนล้วนเป็นกังวล เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนมิใช่เทพเจ้า เขามิได้มีอายุยืนยาวพันปี ผู้ที่เข้ามารับหน้าที่ต่อจากเขาจะสามารถสืบสานแนวคิดนี้ต่อไปได้หรือ ? เขาจะรับได้หรือไม่ที่อำนาจจักรพรรดิถูกละเมิด ?
หากว่าจักรพรรดิและราษฎรเกิดความขัดแย้งกัน แน่นอนว่าต้าเซี่ยจะต้องวุ่นวายขึ้นมา นอกเสียจากว่าอำนาจของจักรพรรดิจะลดลง อำนาจใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาจะอยู่ภายใต้การดูแลของราษฎร
เขาจะจัดการเรื่องนี้เยี่ยงไร ?
……
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)