นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1152

ตอนที่ 1152 ใบทอง

ในขณะที่ฟู่เสี่ยวกวนพำนักอยู่ที่เมืองซ่างหลัวอยู่นั้น เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าฤดูใบไม้ผลิที่สองของต้าเซี่ยได้ผ่านพ้นไปแล้ว

เพียงชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงรัชสมัยต้าเซี่ยที่สาม เดือนหนึ่ง วันที่แปด บัดนี้ขุนนางทั้งหลายคงกลับไปทำงานตามปกติแล้ว

ตอนนี้ได้เข้าสู่ปีแรกของแผนการพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สองอย่างเป็นทางการ ฟู่เสี่ยวกวนยืนชมแสงสุริยายามเช้าอยู่ที่สวนดอกไม้ในพระราชวังเมืองซ่างหลัว เขารู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาในใจ

เขามิรู้ว่าจัวอีสิงและขุนนางคนอื่น ๆ จะดำเนินงานตามเเผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สองสำเร็จหรือไม่ เขามิรู้ว่าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์จะสามารถสร้างเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในให้สำเร็จตามแผนพัฒนาฉบับนี้แล้วนำต้าเซี่ยเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สองได้หรือไม่

เมื่ออยู่ห่างไกลจากต้าเซี่ยนับพันลี้ ทั้งยังมีมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลคอยขวางกั้น เขาจึงมิได้รับข่าวสารใด ๆ จากเมืองกวนหยุนเลย

เมื่อห้าวันก่อน เขาได้ให้เฮ้อซานเตาส่งเรือรบกลับไป 1 ลำ

เพราะเขาต้องการสร้างท่าเรือที่แคว้นซ่างหลัว จากการคาดคะเน บัดนี้ท่าเรือทั้งสามแห่งของต้าเซี่ยคาดว่าน่าจะสร้างเรือรบสำเร็จแล้วหลายลำ

การเดินทางไปกลับครานี้ใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน

ฟู่เสี่ยวกวนตัดสินใจที่จะพำนักอยู่ในแคว้นซ่างหลัวเป็นเวลา 3 เดือน เขารู้สึกสนอกสนใจในภูเขาทองคำของแคว้นเทียนเย่ามากยิ่งนัก

ที่ออกเดินทางครานี้ก็หวังจะได้เงินทองเป็นกอบเป็นกำมิใช่หรือ ?

เยี่ยงไรเสียฝูหล่างจีก็มิอาจหนีไปที่ใดได้ ดังนั้นจึงมิมีอันใดให้รีบร้อน

สิ่งที่เขามิรู้ก็คือจักรพรรดินีที่มีนามว่าสมเด็จพระราชินีมารีอาที่สอง ได้ตระหนักถึงความผิดปกติ หากนับตามเวลาแล้ว…แกรนด์ดยุกฟิลิปจะต้องส่งข่าวคราวกลับมาที่ฝูหล่างจีเนิ่นนานแล้ว ทว่าจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไร้ข่าวคราวใดส่งกลับมา

ขณะนี้สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองก็กำลังยืนอยู่ภายใต้แสงสุริยายามเช้าเช่นกัน ใบหน้างดงามถูกแสงสุริยาสาดกระทบจนขึ้นสีแดง นางสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หันหน้าไปมองทางทิศตะวันออกพลางขมวดคิ้วมุ่น

ทหารเรือของฝูหล่างจีมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ย่อมมิมีทางที่เรือจะอับปางเพียงเพราะพายุกระหน่ำอย่างแน่นอน

บัดนี้พวกเขาต้องเดินทางถึงดินแดนเทพทางตะวันออกแล้ว จากที่นางจำได้ ยามนี้ความสามารถทางการทหารของดินแดนเทพทางตะวันออกมิได้เป็นที่เด่นชัดมากนัก !

กองทัพของฝูหล่างจีย่อมโค่นล้มทหารจากดินแดนเทพทางตะวันออกได้อย่างง่ายดาย และพวกเขาก็คงเข้ายึดครองดินแดนเทพนั่นได้สำเร็จ จากนั้นนางก็ควรได้รับจดหมายรายงานจากฟิลิป

ทว่าทุกอย่างกลับเงียบหายราวกับทิ้งก้อนหินลงสู่ก้นมหาสมุทร

มันเกิดอันใดขึ้นที่ดินแดนเทพทางตะวันออกกันแน่ ?

นี่มัน…นี่มันดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์โลกจะมิเหมือนเดิม เป็นไปได้หรือไม่ว่าดินแดนเทพทางตะวันออกจะก้าวนำยุคสมัย แล้วเข้าสู่ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ?

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หากกองทัพเรือของฝูหล่างจีถูกกองทัพของดินแดนเทพทางตะวันออกกำจัดจนสิ้น เช่นนั้นก็ต้องกลับมาพิจารณาความสามารถของตนเองเสียใหม่…ฝูหล่างจีจำต้องเร่งพัฒนาเสียแล้ว

คงต้องเร่งวิจัยและพัฒนาปืนกลและสร้างเรือรบขนาดใหญ่กว่าเดิมออกมาให้เร็วที่สุด

สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องการทุนทรัพย์จำนวนมหาศาลในการขับเคลื่อน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถึงเวลาที่จะผนวกคาบสมุทรไอบีเรียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของข้าแล้วล่ะสิ

เช่นนั้น…ก็เริ่มที่ราชอาณาจักรลีออนก็แล้วกัน!

หญิงสาวส่งยิ้มเฉิดฉาย จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเด็ดกลีบดอกกุหลาบสีแดงสด “โลกนี้มิได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเลยนี่ ! ”

ในวันนั้นเอง กองทัพที่มีชื่อว่ากองทัพกุหลาบแดงก็ถูกสถาปนาขึ้นมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รุดหน้าไปกวาดล้างทุกแคว้นในคาบสมุทรไอบีเรีย

แน่นอนว่าฟู่เสี่ยวกวนมิรู้ความเป็นไปของเรื่องนี้

……

……

“ฝ่าบาทหากแคว้นเทียนเย่ามีทองคำกองพะเนินเป็นภูเขาจริง ๆ พวกเราต้องค้าขายนานเพียงใดกว่าจะหาทองคำจำนวนนั้นมาได้ ? ที่แผ่นดินใหญ่ลีอาห์พวกเราค้ำจุนเพียงแค่แคว้นซ่างหลัวแห่งเดียวก็พอแล้วมิใช่หรือ ? ไปถล่มแคว้นเทียนเย่าอันใดนั้นให้ยับไปเลยมิดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

เฮ้อซานเตามิยอม !

ส่วนแคว้นซ่างหลัวก็ช่างมันเถิดดูเหมือนว่าจะยากจนพอสมควร อีกอย่างช่วงนี้พวกตนก็เข้ากันได้ดีกับจักรพรรดิโดฮาและองค์รัชทายาทอันเอ๋อร์ บัดนี้ทุกคนล้วนสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก หากจะปล้นชิงพวกเขาก็คงจะมิสะดวกใจมากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)