ตอนที่ 1167 ปีติยินดี
“ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว ! ”
“บัดนี้พระองค์อยู่ที่ใดเล่า ? ”
“ท่านเสนาบดีเซียว ฝ่าบาทก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน ! ฝ่าบาทเสด็จข้ามน้ำข้ามทะเลมานานแรมเดือน พระองค์ย่อมประสงค์ที่จะพักผ่อนร่างกายบ้าง ! ”
“อ่า…ท่านเสนาบดีโหยว ข้าน้อยคงใจร้อนจนเกินไป จริงสิ ! ท่านเสนาบดีโหยว ท่านนำขุนนางกรมคลังมากมายถึงเพียงนี้ไปทำอันใดกัน ? ”
“ฮึ ๆ เจ้าคงจะตกข่าวล่ะสิท่า ? ข้าก็พาขุนนางไปนับทองที่ฝ่าบาททรงขนกลับมาน่ะสิ ! ”
“ทองคำเยี่ยงนั้นหรือ ? มีมากเท่าใดกัน ? ”
“คาดว่ามากจนล้นท้องพระโรง ! ”
เซียวยวี่โหลวเสนาบดีกรมพิธีการตกตะลึงขึ้นมาทันใด เขาหันศีรษะไปมองท้องพระโรงซวนเต๋อที่โอ่อ่าอลังการ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อว่า “จริงหรือ ? ”
“ข้าจะโกหกเพื่ออันใดกัน ? ข้าต้องไปแล้ว เงินทองมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ เกรงว่าขุนนางทั้งกรมคลังจะต้องทำงานล่วงเวลาไปหลายวันเลยน่ะสิ ! ”
ข่าวการเสด็จกลับมาของฝ่าบาทมิเพียงแต่แพร่หลายในราชสำนักเท่านั้น มันได้แพร่สะพัดไปในหมู่ราษฎรและพ่อค้าประจำเมืองกวนหยุนภายในระยะเวลาอันสั้น
และข่าวที่มาพร้อมกับการเสด็จกลับของฝ่าบาทในครานี้ก็คือข่าวที่พระองค์นำทองคำกองเท่าภูเขากลับมานั่นเอง !
บังเกิดบรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาทันใด ซือหม่าเทา โจ่งจี้ถังและคนอื่น ๆ ดีใจราวกับกระดี่ได้น้ำ พวกเขาเรียกสหายมารวมตัวดื่มฉลองกันที่หอซื่อฟาง
การที่ฝ่าบาทเสด็จกลับมาและนำภูเขาทองคำกลับมาด้วยนั้นพิสูจน์ถึงอันใด ?
ก็พิสูจน์ว่าแผ่นดินใหญ่ลีอาห์อันใดนั่น มีโอกาสทางการค้าอย่างมหาศาลน่ะสิ !
ตระกูลของพวกเขาได้ส่งคนไปยังแผ่นดินใหญ่ลีอาห์พร้อมกับเรือรบที่กลับมารอบที่แล้ว ธุรกิจที่นั่นจะต้องทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำอย่างแน่นอน นี่ถือเป็นข่าวดีและควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง
จัวอี้สิงและหนานกงอี้หยู่มิได้แจ้งข่าวชายอ้วนทันทีที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาถึง การเดินทางกลับมาครานี้ฝ่าบาทย่อมต้องการพักผ่อนและพระองค์ย่อมต้องการที่จะใช้เวลาอยู่กับบรรดาพระสนมและจักรพรรดินี
เรื่องการระดมกำลังพล กลยุทธ์ทางการทหาร รวมทั้งเรื่องเสบียงและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่หยวนเป่ยเต้าได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว
ขณะเดียวกันนั้นเอง กรมกลาโหมก็ได้ประกาศหนังสือเคลื่อนย้ายกองทัพ
ให้กองทัพต้าเซี่ยที่สองซึ่งมีกวนเสี่ยวซีเป็นผู้บัญชาการ กองทัพที่สามซึ่งมีเว่ยอู๋ปิ้งเป็นผู้บัญชาการ และกองทัพที่สี่ซึ่งมีเฉินป๋อเป็นผู้บัญชาการ รวมกำลังพลทั้งสิ้น 300,000 นาย ให้ออกเดินทางทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง ให้ไปรวมตัวกันที่หยวนเป่ยเต้าในวันที่ยี่สิบ เดือนห้า
เรื่องนี้มิได้เป็นที่สังเกตมากนัก เพราะกองทัพต้าเซี่ยมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก สำหรับราษฎรชาวต้าเซี่ย พวกเขาต่างก็คิดว่ามิอาจมีกองทัพใดเทียบเคียงกับกองทัพของต้าเซี่ยได้อีกแล้ว
แม้แต่ขุนนางในราชสำนักที่รู้ข่าวการเคลื่อนพลในครานี้ก็มิมีผู้ใดแสดงความกังวลใจออกมา เพราะต้าเซี่ยเป็นแคว้นที่เรืองอำนาจ นอกจากคนเพียงมิกี่คนแล้ว ก็มิมีผู้ใดรู้อีกเลยว่าจุดประสงค์ของการเคลื่อนกองทัพในครานี้คืออันใด
……
……
ณ ตำหนักหยางซิน วังหลัง พระราชวังเมืองกวนหยุน
สถานที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยความรัก
เมื่อแสงสุดท้ายของวันได้ลาลับ ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนมหาสมุทรและบนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ให้กับบรรดาสนมของเขาฟังอย่างคร่าว ๆ พวกนางต่างก็ฟังอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งยังได้เรียนรู้ว่ายังมีดินแดนที่งดงามและเรื่องราวอันตรายที่คาดการณ์มิได้อีกมากมายอยู่ในมหาสมุทร
แม้ว่าแผ่นดินใหญ่ลีอาห์จะล้าหลัง ทว่าพวกเขาก็มีขุมทรัพย์มากมายมหาศาลซ่อนอยู่
หลิวจิ่นได้จัดแจงให้ทางห้องเครื่องส่งอาหารค่ำมายังตำหนักหยางซิน งานเลี้ยงในคืนนั้นได้จัดโต๊ะมากถึงสามโต๊ะด้วยกัน
ฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งตระหนักได้ว่าบัดนี้ตนมีบุตรและธิดามากถึง 16 คน !
อู๋เทียนซื่อคือโอรสององค์ใหญ่และปีนี้เขาก็มีอายุ 7 ขวบแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)