ตอนที่ 1168 การประยุกต์ใช้สกุลเงิน
เสด็จพ่อคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสายตาของลูก ๆ
ในราตรีนั้น ฟู่เสี่ยวกวนได้เริ่มก่อร่างสร้างสะพานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและลูก ๆ เขามองเห็นถึงสายใยของความผูกพันธ์ฉันท์ครอบครัวในสายตาของเด็ก ๆ เหล่านั้น
ความห่างเหินยังคงอยู่ สายใยบาง ๆ เส้นนั้นยังมิเด่นชัดมากนัก ในอนาคตเขาจะต้องกำจัดความห่างเหินระหว่างพ่อลูกออกไปให้จงได้ เขาจะทำให้ลูก ๆ ปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นสหายคนหนึ่ง
ราตรีนี้คึกคักเป็นพิเศษ โบราณกล่าวไว้ว่า…บุรุษเมื่อต้องจากภรรยาไปไกล ยามกลับมาจะชื่นมื่นยิ่งกว่าตอนเข้าพิธีวิวาห์เสียอีก ครานี้ฟู่เสี่ยวกวนจากไปครึ่งปี คงมิต้องเอ่ยว่าจะชื่นมื่นถึงเพียงใด
วันต่อมา ฟู่เสี่ยวกวนตื่นขึ้นมาในยามสาย
แท้ที่จริงเขาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว แต่เมื่อเห็นหยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานที่นอนอยู่ข้างกายยังคงหลับลึก เขาจึงมิอยากพลาดช่วงเวลานี้ไป
เขาจ้องมองพวกนางอยู่เนิ่นนานพลางย้อนคิดถึงทุกเศษเสี้ยวของความทรงจำ พลันรู้สึกว่านี่แหละคือความสุขของเขา พวกนางคือคนที่เขาห่วงหาจากส่วนลึกของจิตใจ
ห้วงเวลานี้เขามิมีกะจิตกะใจนึกถึงเรื่องชาติบ้านเมือง เขามัวแต่นึกถึงชีวิตหลังจากนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากนี้ต่อไปชีวิตของเขาจะพบแต่ความสุข
……
……
ณ ห้องทรงพระอักษร
เสนาบดีอาวุโสทั้งสามฝ่ายรวมถึงจัวเปี๋ยหลีได้เข้ามารอที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ จ้าวโฮ่วได้รินชาให้พวกเขาคนละหนึ่งถ้วย
หนานกงอี้หยู่ถือถ้วยชาขึ้นมาพลางหันไปมองเมิ่งฉางผิง “กรมคลัง…นับทองคำเหล่านั้นเสร็จแล้วหรือ ? ”
เมิ่งฉางผิงยิ้มแห้งออกมาพลางเอ่ยว่า “เมื่อวานขุนนางแห่งกรมคลัง 30 คนได้นับล่วงเวลาข้ามคืน จนกระทั้งบัดนี้เพิ่งนับได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ! ”
จัวอี้สิงผงะ จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “มีมากเท่าใดกัน ? ”
“มี 500,000 ชั่งแล้ว ! ”
หนานกงอี้หยู่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “ทั้งหมดมิปาเข้าไปเป็นล้านชั่งเลยหรือ ? ”
“ก็ใช่น่ะสิ…ทองคำกองสูงเท่าภูเขาเชียว ! หากนำทั้งหมดมาพิมพ์เป็นตั๋วเงินก็จะได้มากถึง 100 ล้านตำลึงเลยเชียว ! ” เมิ่งฉางผิงเอ่ยไปพลางส่ายศีรษะไปพลาง “เอ่ยไปพวกเจ้าคงมิเชื่อ นี่เป็นคราแรกที่ข้ากังวลว่าพวกเรามีทองคำมากจนเกินไป ! ”
หนานกงอี้หยู่และจัวอี้สิงต่างก็เข้าใจดี ทองคำมีจำนวนมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ ถ้าหากยังใช้วิธีพิมพ์ตั๋วเงินโดยอ้างอิงจากจำนวนทองคำแบบเดิม ก็จะสามารถพิมพ์ตั๋วเงินเข้าสู่ตลาดได้มากถึง 100 ล้านตำลึงเลยทีเดียว
นี่จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงของต้าเซี่ยอย่างมหาศาล ถ้าหากควบคุมได้มิดีพอ ราคาสินค้าทั้งตลาดก็จะล้มครืนและจะกลายเป็นหายนะในที่สุด !
ด้วยเหตุนี้เมิ่งฉางผิงจึงรู้สึกกลัดกลุ้มใจกับการที่มีทองคำมากมายถึงเพียงนี้ ถ้าหากมินำมาหมุนเวียนในตลาด แล้วจะนำไปทำอันใดได้อีกกัน ?
แล้วถ้าหากนำไปหมุนเวียน มันสามารถนำไปหมุนเวียนตรงที่ใดได้บ้าง ?
แม้ต้าเซี่ยจะมีโครงการก่อสร้างที่ต้องการเงินลงทุนจำนวนมหาศาล แต่เมิ่งฉางผิงเล็งเห็นว่า…หากนำเงินไปลงทุน เยี่ยงไรมันก็มีขอบเขตที่เงินจะเดินสะพัดอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดมันจะก่อให้เกิดความผันผวนของตลาด ดังนั้นจะจัดการทองคำจำนวนมหาศาลนี้เยี่ยงไร เรื่องนี้คงต้องขอคำชี้แนะจากฝ่าบาท
หนานกงอี้หยู่ลูบเครายาวแล้วพยักหน้า “สิ่งที่เมิ่งฉางผิงเอ่ยมานั้นถูกต้อง เรื่องนี้…จำต้องระมัดระวังให้ถึงที่สุด ! ”
“ข้าได้ยินหยุนซีเหยียนเอ่ยว่า…ทองคำเหล่านี้ยังมิใช่ทั้งหมด เพราะหลังจากนี้จะมีทองคำทยอยส่งกลับมาอย่างมิขาดสาย เขาบอกว่าปริมาณของมัน…มีมากกว่าทองคำที่ขนย้ายมาครานี้ถึงสิบเท่า” เมิ้งฉางผิงกางนิ้วทั้งสิบนิ้วออก
“สิบเท่าเลยหรือ ! เช่นนั้นก็เท่ากับพันล้านตำลึงเลยน่ะสิ ! หากนำตั๋วเงินทั้งหมดที่ต้าเซี่ยเคยพิมพ์ออกมารวมกันก็ยังได้มิมากเท่านี้เลย”
“บัดนี้ข้ากลุ้มใจมากยิ่งนัก ข้าอยากจะโน้มน้าวฝ่าบาทว่าอย่าเอาทองคำเหล่านั้นกลับมาเลย กรมคลังจำต้องต่อเติมคลังหลวง ตั๋วเงินก็มิสามารถตีพิมพ์มากกว่านี้ได้อีกแล้ว มิรู้ว่าจะเอากลับมาเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)