ตอนที่ 1182 เดินทางไปในทิศตะวันตก
ในราตรีเดียวกันนั้นเอง
ณ วัดป๋ายหม่า อดีตเมืองหลวงของแคว้นฝาน ซึ่งเป็นเมืองฉางจินของต้าเซี่ยในปัจจุบัน
บนโต๊ะเล็ก ๆ มีชาสองถ้วยวางอยู่ ฝานเทียนหนิงจ่งตูเมืองฉางจินนั่งอยู่ในวิหารวัดป๋ายหม่า และมีคูฉานเจ้าอาวาสวัดป๋ายหม่านั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
“จะไปแล้วจริง ๆ หรือ ? ”
“อืม…” คูฉานพยักหน้ารับ “อาตมามุมานะอุตสาหะมาหลายปีแล้ว ทว่าวัดป๋ายหม่าแห่งนี้กลับมิอาจฟื้นคืนสู่ความรุ่งโรจน์ได้ดั่งวันวาน”
“หลายวันมานี้ อาตมามักจะใคร่ครวญอยู่เสมอว่าเป็นเพราะเหตุใด ? ”
“จนกระทั่งวันนี้ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า ต้าเซี่ยแข็งแกร่งกว่าอดีตแคว้นฝานมากนัก ความเลื่อมใสศรัทธาของราษฎรได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว…พวกเขาต่างก็รู้แล้วว่าพุทธศาสนามิอาจนำมาซึ่งชีวิตที่งดงามได้ มีเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้น…พระองค์ต่างหากคือผู้ที่ทำให้หลุดพ้นจากทุกข์อย่างแท้จริง… ! ”
“ดังนั้นถ้าอยากให้พุทธศาสนายิ่งใหญ่สืบไป อาตมาก็จำต้องเดินทางไปที่อื่น อย่างเช่น…จักรวรรดิโมริยะที่กำลังอยู่ในช่วงสงคราม”
คูฉานสูดลมหายใจเข้าลึกพลางเงยหน้ามองดวงดาราที่สุกสว่างเต็มท้องนภา
“การสั่งสอนนั้นมีนับหมื่นวิธี มิมีสิ่งใดพิเศษ มิควรยึดถือ มิใช่ธรรมและมิใช่อธรรม
เอกยานในพระพุทธศาสนา มีรากฐานที่ต่างกัน ดังนั้นจึงพูดถึงหินยาน ปัจเจก มหายาน และวัชระยาน”
“ท่านยังจำตุ้ยเหลียนคู่นั้นได้หรือไม่ ? ”
ฝานเทียนหนิงจิบชาไปหนึ่งอึก จากนั้นก็พยักหน้ารับ ฟู่เสี่ยวกวนประพันธ์ตุ้ยเหลียนคู่นี้บนเขาหานซานเมื่องานชุมนุมวรรณกรรมที่ราชวงศ์อู๋ ฝานเทียนหนิงย่อมจำได้ดี
“อาตมามักจะรำลึกถึงท่านอาจารย์อยู่เสมอ ปีนั้นอาตมามิได้ชอบพุทธศาสนา จึงทำให้มิอาจบรรลุธรรมได้ ท่านอาจารย์เลยสั่งให้อาตมาเดินทางตามท่านไปร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมที่ราชวงศ์อู๋ ท่านบอกว่าอาตมามีโชคชะตาอยู่ที่นั่น…”
“เมื่อเขาประพันธ์บทกวีอธิษฐานใต้ร่มโพธิ์ในคฤหาสน์จิ้งหูที่ราชวงศ์อู๋เมื่อครานั้น ราวกับมันได้ถางหญ้าที่คอยบดบังตา ทำให้ดวงตาของอาตมาเห็นธรรมในที่สุด เมื่อลองย้อนกลับไปทบทวนดูแล้ว อาตมารู้สึกราวกับว่าท่านอาจารย์ได้รู้ซึ้งถึงความลับของสวรรค์และรู้ว่าเขาคือคนที่สวรรค์ได้เลือกเอาไว้แล้ว ! ”
“พอย้อนกลับมาคิดในตอนนี้ ท่านอาจารย์กระทำได้ถูกต้องแล้ว พอย้อนกลับมาคิดในตอนนี้ ก็พบว่าเขายังคงเป็นโชคชะตาของอาตมา”
“ท่านลองคิดดูเถิด ปีนั้นที่เขาได้ยึดครองแคว้นฮวงแล้วก่อตั้งเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนขึ้นมา อาตมาได้เผยแพร่พุทธศาสนาที่นั่น แสงเทียนที่นั่นสว่างไสวเสียยิ่งกว่าแสงไฟที่วัดป๋ายหม่ามากโข”
“ทว่าอาตมาเลือกทางผิด อาตมามิควรกลับมา อาตมาควรจะตามรอยเขาไปยังราชวงศ์เหลียวในอดีต…”
คูฉานถอนหายใจออกมาช้า ๆ จากนั้นก็ดึงสายตากลับมามองฝานเทียนหนิง
“บัดนี้เขาได้เหยียบย่ำเข้าไปในอาณาเขตของจักรวรรดิโมริยะแล้ว อาตมาจะมิยอมพลาดโอกาสนี้ไปอีกเด็ดขาด ! ”
ฝานเทียนหนิงวางถ้วยชาลง นิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยอย่างตั้งใจว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าระหว่างจักรวรรดิโมริยะและต้าเซี่ยนั้นมีภูเขาหิมะสูงใหญ่คอยกั้นกลาง ? ข้าเดาว่าฝ่าบาทจะมิยึดครองจักรวรรดิโมริยะ เพราะการส่งขุนนางไปที่นั่นถือเป็นเรื่องยากเย็น และยิ่งยากต่อการบริหารจัดการ ! ”
“การยกทัพไปครานี้อาจจะมีวัตถุประสงค์เพื่อตีจักรวรรดิโมริยะให้แตกพ่าย จากนั้นก็สร้างจักรพรรดิหุ่นเชิดขึ้นมา ประเทศที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้เช่นนั้น ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้างในอนาคต ? ”
“ในเมื่อมิมีกองทัพของต้าเซี่ยคอยรักษาการณ์ เมื่อท่านเดินทางไปที่นั่นจะปลอดภัยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“อีกอย่าง…เมื่อเขาตีที่นั่นจนแตกพ่ายแล้ว สิ่งนี้ย่อมทำให้ราษฎรชาวโมริยะโกรธแค้นอย่างรุนแรง เมื่อเขานำกองทัพออกจากสถานที่แห่งนั้นเมื่อใด…ข้าเกรงว่าชาวโมริยะจะโกรธเกรี้ยวจนฉีกชาวต้าเซี่ยออกเป็นชิ้น ๆ ! ”
คูฉานยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับพึมพำว่า…อมิตาพุทธ
เขายืนขึ้นแล้วเดินไปหยิบคทาที่แขวนอยู่บนหิ้งมาเช็ดทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง “พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า หากเรามิทำแล้วผู้ใดเล่าจะทำ พุทธศาสนาคือศาสนาแห่งเมตตา เป็นศาสนาแห่งการเห็นอกเห็นใจ เป็นศาสนาที่ช่วยให้เราพ้นทุกข์…”
“อาตมาเดินทางไปเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนา อาตมานำสิ่งปลอบประโลมจิตวิญญาณและการรักษาบาดแผลไปให้พวกเขา อาตมาอาจจะประสบกับความทุกข์ยากก็เป็นได้ ทว่าอาตมาเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจความปรารถนาดีของอาตมา เมื่อพวกเขาได้สัมผัสกับความชุ่มชื่นในหัวใจผ่านพุทธศาสนา พวกเขาอาจยึดพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางจิตใจ… หรืออาจจะ…ถวายตัวเป็นพุทธศาสนิกชน”
“มีเพียงแค่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนาได้ มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้การบรรลุเป็นอรหันต์ของอาตมาสัมฤทธิ์ผล”
ระหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นของฝานเทียนหนิงค่อย ๆ คลายออก เขาจ้องมองฉานภายใต้แสงของดวงดารา พลางครุ่นคิดไปว่าในเมื่อสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน เช่นนั้นก็มิควรที่จะขัดขวาง
นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของคน
เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ มิกี่ปี จากสามเณรคูฉานก็ได้เติบใหญ่และไต่เต้าขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสในที่สุด
ตอนที่เดินทางไปยังราชวงศ์อู๋ในปีนั้น คูฉานยังมิเลื่อมใสในพุทธศาสนา ทว่าบัดนี้เขาได้กลายเป็นผู้ศรัทธาและเคร่งครัดในพุทธศาสนาไปเสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)