นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1181

ตอนที่ 1181 ปม

ณ ริมทะเลสาบเทียนซินในสำนักเต๋าบนภูเขาชิงหยุน ณ ต้าเซี่ย

สวี่หยุนชิงนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนริมทะเลสาบ นางหันไปมองซูซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็เบนสายตาไปมองดวงดาราที่พราวระยับสะท้อนบนผิวน้ำ

“เจ้าอ้วนนี่…” นางจ้องเขม็งแล้วสูดหายใจเข้าลึก “แต่ก่อนชอบทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงอยู่เสมอ ทว่าอายุปูนนี้แล้วก็ยังทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงอยู่มิเลิก ! ”

“แม่ได้ไหว้วานให้จี้หยุนกุยไปบอกเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่า หากเขาอยากหลบหนีไปอยู่อาศัยอย่างสันโดดย่อมได้ ทว่าบัดนี้เขาดันไปหาเรื่องจักรวรรดิโมริยะอันใดนั่น ! ”

“เพียงเท่านั้นยังมิพอ ลูกชายข้าเพิ่งเดินทางข้ามมหาสมุทรกลับมาแท้ ๆ ก็จำต้องออกเดินทางไกลเพื่อเขาอีกครา ทั้งยังต้องข้ามภูเขาหิมะสูงเทียมเมฆานั่นก็เพื่อไปช่วยชีวิตเขา ! ”

“ให้เขาตกตายอยู่ที่นั่นยังจะดีเสียกว่า ! ”

ซูซูจ้องมองสวี่หยุนชิงที่กำลังเดือดพล่าน จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา “ท่านแม่ แท้ที่จริงเรื่องนี้มองได้สองแง่มุมนะเพคะ”

“ก่อนที่สามีจะยกทัพไปพิชิตทางเหนือ เขาเคยเอ่ยว่าจักรวรรดิโมริยะที่ตั้งอยู่อีกฝากฝั่งของภูเขาหิมะอาจจะนำภัยคุกคามอันใหญ่หลวงมาให้แก่ต้าเซี่ยในอนาคตก็เป็นได้ โชคดีที่จักรวรรดิโมริยะถูกค้นพบเสียก่อน เขาก็เลยตัดไฟแต่ต้นลมเยี่ยงไรเล่าเพคะ”

“อีกอย่าง…ท่านพ่อตาก็มิได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นสักหน่อย ได้ยินมาว่าเขาหลงทางเมื่อฤดูหนาวปีกลาย ท่านจึงจำต้องยกทัพเข้าไปตีจักรวรรดิโมริยะ บางทีมันอาจจะเป็นลิขิตของสวรรค์ก็เป็นได้นะเพคะ”

สวี่หยุนชิงยู่ปากเล็กน้อย แต่ก็มิได้โต้แย้งอันใด สายตาคู่นั้นมีความห่วงใยเผยให้เห็นอย่างคลุมเครือ เป็นกังวลว่าชายอ้วนจะตายหรือไม่ กังวลว่าเขาจะเจอปัญหาใหญ่อันใดหรือไม่

หลังจากนั้นนางก็สลัดความกังวลทิ้งไปจากสมอง นางมองลู่เอ๋อร์ที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะหิน “เจ้าตั้งใจที่จะอาศัยอยู่ในสำนักเต๋าจริง ๆ หรือ ? ”

“เพคะ ข้าได้รับปากกับสามีก่อนที่เขาจะเดินทาง ว่าข้าจะมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านแม่ คอยให้ความช่วยเหลือท่านแม่ ท่านจะได้รับลูกศิษย์ได้มากขึ้น รอจนกว่าสามีจะวางมือจากหน้าที่ต่าง ๆ พอถึงตอนนั้นพวกเราค่อยไปจากที่นี่พร้อมกัน”

“ก็ดี ! แล้วลูกเล่า ? มิพามาด้วยหรือ ? ”

“ไม่เพคะ มอบให้แม่รอง…พระสนมหลานเลี้ยงดูแทนเพคะ ลูกข้าเหมือนพ่อเขามิมีผิด มิมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ ทว่าก็โปรดปรานการร่ำเรียนหนังสือ เรื่องนี้ข้ามิค่อยถนัดเท่าใดนัก ข้าเลยสอนเขามิได้”

“เสี่ยวกวนก็อีกคน เขามิยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาทสักที ตำหนักตงกงจะไร้เจ้าของมิได้ ทั้ง ๆ ที่มันก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใดแท้ ๆ ”

สวี่หยุนชิงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ลูกชายเมื่อเป็นหนุ่มก็จะมิเชื่อฟังผู้เป็นแม่ ข้ากังวลเสียเหลือเกินว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะมีการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้น…พวกเจ้าพี่น้องสิบคนก็อย่าได้เกิดความแตกแยกกันเชียว”

“ท่านแม่โปรดวางพระทัยเถิด ครานี้พระสวามีได้ประกาศชัดแล้วว่าจะแต่งตั้งเทียนซื่อเป็นรัชทายาท พี่สาวและน้องสาวที่เหลือต่างก็ไร้ข้อคิดเห็นใด ๆ ทุกคนต่างคิดหวังว่าเมื่อถึงเวลาจะได้ติดสอยห้อยตามเขาไปเป็นเศรษฐีที่ดินกันทั้งนั้น”

สวี่หยุนชิงวางใจได้ในที่สุด เพราะตลอดสหัสวรรษที่ผ่านมา พี่น้องต้องมาเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ วังหลังต่างแก่งแย่งชิงดี ประหัตประหารกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

พรมแดงที่ปูยาวไปจนถึงราชบัลลังก์ ต่างก็ทำมาจากเลือดเนื้อของพี่น้องที่ต้องสละไปทั้งนั้น !

คนที่นั่งอยู่บนราชบัลลังก์ แล้วทำตัวเยี่ยงอย่างราชาก็ล้วนมาจากสาเหตุนี้ทั้งสิ้น

ลูกชายของตนนับว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ภรรยาทั้งสิบของเขารักใคร่กลมเกลียวกันดี วังหลังอยู่อย่างสงบสุข นี่คงเป็นเยี่ยงที่โบราณได้ว่าเอาไว้ ถ้าครอบครัวสมัครสมานทุกสิ่งก็พลันราบรื่นไปด้วย

ทว่า…เมื่อนางกลับมาคิดถึงชายอ้วนอีกครา ความละอายใจก็ก่อตัวขึ้นมาในใจทันที

ครอบครัวนี้ควรจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทว่าในตอนนี้…ถ้าหากเสี่ยวกวนวางมือจากทุกอย่างเข้าจริง ๆ ถ้าหากเขาเดินทางไปยังดินแดนที่มิมีผู้ใดรู้จักเขาจริง ๆ แล้วครอบครัวนี้จะได้อยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอีกหรือไม่ ?

เฮ้อ…คนเราแก่ชราเพียงชั่วพริบตาเดียว เหตุใดถึงยังสร้างเรื่องสร้างราวมิหยุดหย่อน !

“หากดูจากเวลา บัดนี้เสี่ยวกวนก็น่าจะเดินทางถึงจักรวรรดิโมริยะแล้ว เจ้าคิดว่า…เขาจะประสบกับอันตรายใดหรือไม่ ? ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)