ตอนที่ 1196 กลับบ้าน
รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนสิบสอง วันที่สิบแปด
พายุหิมะพัดโหมกระหน่ำเมืองกวนหยุน
ณ จวนตระกูลเฮ้อ โจ่งหยูนั่งยื่นท้องกลมโตอิงเตาผิงพร้อมกับเย็บชุดทารกอยู่ในเรือนตะวันตก
ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา
เฮ้อซานเตาเดินทางไปทำศึกเมื่อวันที่สิบเก้า เดือนสี่ ตอนนี้นางได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง พระสนมเซวี๋ยตรัสว่าบุตรปกติดีทุกประการ คาดว่ามีกำหนดคลอดในเดือนหนึ่งของปีหน้า
เดือนหนึ่ง…อีกมินานก็จะเดือนหนึ่งแล้ว ยามที่เขาออกเดินทางไป เขาบอกว่าศึกครานี้เร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาครึ่งปี ช้าที่สุดคาดว่าจะใช้เวลาถึงหนึ่งปีกว่าจะได้กลับมา
บัดนี้ผ่านไปแปดเดือนแล้ว มิรู้ว่าพวกเขาจะกลับมากันหรือยัง ?
ถ้าหากมาทันตอนปีใหม่…หรือหากมาทันตอนที่ลูกคลอดออกมาก็คงจะดีมิน้อย
บรรดาพระสนมเดินทางกลับมาจากเมืองฉางอันแล้ว พวกนางต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานที่แห่งนั้นมิเลวเลย พวกนางบอกว่าเมืองฉางอันภายใต้การดูแลของฉินโม่เหวินนั้นมีขนาดใหญ่มหึมา สถานที่แห่งนั้นมิมีกำแพงเมือง ทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก
พวกนางกระซิบบอกตนว่าฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองฉางอัน
ดังนั้นจึงก่อตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ไว้ที่เมืองฉางอันเรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่เมืองฉางอันนั้นใหญ่จนเกินไป ทุกวันนี้มีประชากรอาศัยถาวรอยู่แค่หนึ่งล้านกว่าคนเท่านั้น
ทว่านี่มิใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะถ้าประกาศย้ายเมืองหลวงอย่างเป็นทางการเมื่อใด ประชากรที่เมืองกวนหยุนก็อาจจะย้ายไปมากถึงสองล้านคนเลยทีเดียว ทั้งยังมีประชากรจากเขตอื่น ๆ ย้ายเข้าไปสมทบอีกด้วย ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองฉางอันคงจะบังเกิดขึ้นในมิช้านี้
พ่อตาก็เดินทางไปที่นั่นเพื่อไปดูที่ทางแล้วเช่นกัน เขาพาลูกชายของนางไปด้วย
พวกเขาพากันเดินทางไปตั้งแต่เดือนสิบเอ็ด ท่านพ่อตาเอ่ยว่าในเมื่อฝ่าบาทประสงค์จะย้ายเมืองหลวง เช่นนั้นธุรกิจของตระกูลเฮ้อก็ต้องย้ายตามไปด้วยเช่นกัน เขาต้องล่วงหน้าไปซื้อเรือนหลังใหญ่ เพื่อให้สมบารมีของลูกชายสุดที่รักผู้เป็นถึงแม่ทัพของต้าเซี่ย
นางมิได้ออกเดินทางด้วย เนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ และแน่นอนว่านางอยากอยู่ที่เมืองกวนหยุนเพื่อรอเฮ้อซานเตากลับมามากกว่า
นางหลุดเข้าไปในห้วงภวังค์ความคิดจนเข็มทิ่มปลายนิ้วโดยมิทันได้ระวัง
“โอ๊ย…”
นางยิ้มยิงฟังจากนั้นก็นำนิ้วที่โดนเข็มทิ่มยัดเข้าปากเพื่อดูดเลือดที่ไหลซิบ พลางหันขวับไปมองทางประตูเรือนเมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยือน
แขกที่มาเยือนก็คือขันทีจ้าวโฮ่ว
“ฮูหยิน”
จ้าวโฮ่วยืนเคารพนอบน้อมต่อหน้าโจ่งหยู “ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว… ! ”
โจ่งหยูผงะขึ้นมาทันใด นางรู้สึกดีใจมากยิ่งนัก ในเมื่อฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว นั่นก็หมายความว่าเฮ้อซานเตาก็กลับมาแล้วเช่นกัน !
นางวางชุดทารกที่ยังเย็บมิเสร็จลง พลางลูบคลำท้องโตแล้วยืนขึ้น จากนั้นนางก็เห็นฟู่เสี่ยวกวนก้าวเท้าเดินออกมา
“ฝ่าบาท…”
ฟู่เสี่ยวกวนฝืนยิ้มทักทาย “น้องสะใภ้”
ฟู่เสี่ยวกวนหันไปเห็นครรภ์ของโจ่งหยู เขาพลันรู้สึกว่าตนมิควรเดินทางมาที่นี่ ทว่าเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด
โจ่งหยูเกิดลางสังหรณ์มิดีขึ้นมาในใจ เพราะที่ผ่านมาฝ่าบาททรงเรียกนางว่าคุณหนูหกแห่งตระกูลโจ่งมาโดยตลอด มิใช่น้องสะใภ้เฉกเช่นวันนี้
นางมองข้ามบ่าของฟู่เสี่ยวกวนพลางสาวเท้าก้าวเดินออกไป จากนั้นก็หยุดอยู่ที่ลานบ้านซึ่งบัดนี้หิมะกำลังโหมกระหน่ำ
ร่างของนางหยุดนิ่ง
สายตาของนางพลันนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น
สี่แม่ทัพกวนเสี่ยวซี เฉินป๋อ เว่ยอู๋ปิ้งและเฝิงซีกำลังยกโลงศพเดินเข้ามาแล้ววางลงกับพื้น
สมองของนางว่างเปล่าขาวโพลนขึ้นมาทันใด นางมิได้เป็นลมล้มพับไป ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงรวบรวมสติแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ โลงศพ
แม่ทัพทั้งสี่ก้มหน้าเงียบมิปริปากเอ่ยอันใดออกมาเลยสักคน
ฟู่เสี่ยวกวนเดินตามไปติด ๆ
“น้องสะใภ้…ซานเตาเป็นทหาร เมื่อต้องทำศึก…ก็ย่อมมีคนตาย”
โจ่งหยูมิได้มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับไป นางเดินเข้าไปเปิดฝาโลง และทันใดนั้นฝาโลงก็ร่วงลงบนกองหิมะ
สองมือของนางค้ำยันบนโลงพลางชะเง้อศีรษะเข้าไปดู นางเห็นสามีสุดที่รักสวมชุดทหารใหม่เอี่ยมเต็มยศ หน้าตาของเขาดูสงบราวกับกำลังหลับใหล นางจ้องมองคนรักอยู่เนิ่นนาน
เมื่อความมืดมิดของราตรีมาเยือน สาวใช้ในจวนต่างนำโคมไฟออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)