ตอนที่ 1197 ราตรีนั้น
ในราตรีนั้นจัวอี้สิง หนานกงอี้หยู่ เมิ่งฉางผิงและจักรพรรดินีได้เดินทางไปที่จวนของถังจู้กั๋ว
และในราตรีเดียวกันนั่นเอง ฟู่เสี่ยวกวนก็อยู่ที่จวนของเฮ้อซานเตาจนฟ้าสาง
จวนถังจู้กั๋วเพิ่งจะประดับโคมไฟเพื่อเตรียมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ทว่าในราตรีนี้มันถูกเก็บกลับไปทั้งหมด เขามิได้แขวนผ้าขาวเพื่อเเสดงถึงการสูญเสีย เขาเข้มเเข็งกว่าโจ่งหยูมิน้อย
“เดิมทีฝ่าบาทจะเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ทว่าฮูหยินของเฮ้อซานเตานางได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ ส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด จึงทำให้ฝ่าบาทมิอาจเสด็จมาได้ในการนี้”
น้ำตาร่วงลงมาจากใบหน้าชราของถังจู้กั๋ว เขาจับใบหน้าของหลานชายที่เเข็งทื่อและเย็นเฉียบ “เรื่องนี้มิจำเป็นต้องให้ฝ่าบาทกังวลพระทัยหรอก”
“ตระกูลถังของข้า…เป็นทหารสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น บิดาของเชียนจวินตกตายในสงครามราชวงศ์หยู เชียนจวินตายในสงครามทางเหนือถือเป็นเรื่องปกติ”
“เป็นทหาร…การตายในสงครามถือเป็นโชคชะตา ข้าเตรียมใจรับมือกับเรื่องนี้ตั้งเเต่ที่เขาเลือกจะเป็นทหารเเล้วล่ะ เพียงเเต่… เพียงเเต่ข้าคาดมิถึงว่าเขาจะจากไปตั้งเเต่อายุยังน้อยถึงเพียงนี้”
“ใต้เท้าเมิ่ง ถังเชียนจวินจากไปครานี้…ทำให้เมิ่งอวีเหลียนหลานสาวของท่านต้องเสียเวลาแล้ว ขอท่านใต้เท้าเมิ่งเอ่ยขออภัยต่อเมิ่งอวีเหลียนเเทนข้าด้วยเถิด”
เมื่อสิ้นเสียงของถังจู้กั๋วก็มีสตรีนางหนึ่งฝ่าหิมะเข้ามาที่จวน นางตรงเข้าไปโผกอดร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่ในโลงศพ นางมองหน้าเขาอย่างเพ่งพิศ นางกรีดร้องเสียงดังลั่น จากนั้นก็หน้ามืดเป็นลมล้มพับลงบนกองหิมะ
นางคือเมิ่งอวีเหลียน เดิมทีนางได้ตกลงกับถังเชียนจวินเอาไว้เเล้วว่า…เมื่อศึกพิชิตแดนเหนือจบลง พวกเขาทั้งสองจะรวมเป็นทองเเผ่นเดียวกัน
นางเฝ้ารอคอยวันที่เขาจะกลับมา ทั้งยังวางเเผนจัดงานแต่งงานไว้เสร็จสรรพ
ทว่าบัดนี้ความฝันของนางกลับต้องเเหลกละเอียดเป็นผุยผง เมื่อนางต้องห่างจากบุรุษในใจไปคนละชาติภพ
……
……
ณ จวนตระกูลเฮ้อ ยามเช้าตรู่
ฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ มิได้หลับมิได้นอนกันทั้งคืน พวกเขาต่างก็กำลังนั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่ในเรือนด้านข้าง
หนานกงตงเซวี๋ยยกขบวนหมอตำแยเข้าไปในห้องของโจ่งหยู จนถึงบัดนี้ก็ยังมิออกมา ไฟในห้องสว่างไสวตลอดทั้งคืน มีเเสงร้องเเหลมด้วยความเจ็บปวดของโจ่งหยูดังออกมาเป็นระยะ ๆ
ในที่สุดก็มีเสียงเด็กทารกดังใสแจ๋วออกมาจากในห้อง ฟู่เสี่ยวกวนถึงได้หยุดเดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนรน พลางหันหน้าไปมองทางประตูห้อง
หลังจากนั้นมินาน หนานกงตงเซวี๋ยก็เดินออกมาจากห้องในสภาพอิดโรยทว่าก็ดีใจอย่างถึงที่สุด
“คลอดเเล้วเพคะ ปลอดภัยทั้งแม่และบุตร โจ่งหยูได้บุตรสาว”
จิตใจที่พะว้าพะวงของฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ พลันสงบลง “คลอดก่อนกำหนดจะเป็นอันตรายหรือไม่ ? ”
“มิมีเรื่องใหญ่อันใดให้กังวลเพคะ ร่างกายของโจ่งหยูเดิมทีแข็งแรงอยู่เเล้ว เด็กคลอดก่อนกำหนดเเค่เดือนกว่าเท่านั้น หลังคลอดเพียงบำรุงร่างกายสักเล็กน้อยก็มิมีปัญหาอันใดแล้วเพคะ”
“ดี ! ” ฟู่เสี่ยวกวนหันไปสั่งการจ้าวโฮ่ว “เจ้าจงไปคัดเลือกนางในมาสองสามคนและคัดคนในห้องเครื่องมาสักสองคน ให้พวกเขาคอยรับใช้ดูเเลโจ่งหยูและบุตรของนาง”
จ้าวโฮ่วโค้งคำนับแล้วผละออกไปทันที ฟู่เสี่ยวกวนจึงหันมาเอ่ยกับหนานกงตงเซวี๋ยอย่างแผ่วเบาว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”
หนานกงตงเซวี๋ยจ้องมองเขาเเล้วสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าของนางพลางเศร้าหมอง “เฮ้อ…ฮูหยินโจ่ง นางช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน บุรุษเป็นเสาหลักของครอบครัว ทว่านาง…นาง…เฮ้อ กลับกันเถิด ที่นี่มิมีกงการใดของบุรุษเเล้ว”
“เยี่ยงนั้นก็กลับด้วยกันเถิด”
ฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ เเยกย้ายออกไปจากจวนตระกูลเฮ้อ
โจ่งหยูนอนอยู่บนเตียง นางลืมตาที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง นางหันไปมองบุตรสาวตัวน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ข้างกายพลางยกยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
นางยื่นมือเข้าไปจับพวงเเก้มอมชมพูของทารกน้อยเเล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เสียดายที่เขามิมีโอกาสได้เห็นเจ้าเลยสักครา ทว่าเจ้ายังมีเเม่อยู่นี่นะ ท้องนภาของตระกูลเฮ้อมิมีทางถล่มพังลงมาหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)