นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1198

ตอนที่ 1198 รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่สอง

พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำในเมืองกวนหยุน

ประชากรเมืองกวนหยุนยังคงใช้ชีวิตตามปกติ

ข่าวคราวเรื่องการพิชิตดินแดนทางเหนือของจักรพรรดิฟู่เสี่ยวกวนเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางโดยหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ย

ต้าเซี่ยได้รับชัยชนะคราใหญ่ จักรวรรดิโมริยะอันใดนั่นถูกฝ่าบาทกำจัดจนสิ้น !

แน่นอนว่าข่าวคราวนี้ย่อมนำพาความยินดีมาให้ราษฎรชาวต้าเซี่ย จักรพรรดิเเห่งต้าเซี่ยทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ต้าเซี่ยได้อยู่ในความผาสุกตราบนานเท่านาน !

เฮ้อซานเตาเเม่ทัพกองนาวิกโยธินถูกแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ย้อนหลังเป็นเซียงหย่งป๋อ ส่วนถังเชียนจวินเสนาธิการกองนาวิกโยธินถูกแต่งตั้งเป็นอู๋อันป๋อ

สำหรับทหารทุกนายที่ได้สละชีวิตในศึกระหว่างจักรวรรดิโมริยะครานี้ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้กรมกลาโหมจ่ายเงินค่าทำขวัญ นี่คือความรับผิดชอบของฝ่าบาทที่มีต่อทหารผู้เสียสละทุกคน !

สงครามห่างไกลจากชีวิตประจำวันของราษฎรมากโข พวกเขามิได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม พวกเขามิมีทางรับรู้ถึงบรรยากาศความเศร้าเสียใจของเเต่ละชีวิตที่ได้สูญเสียไป บัดนี้เทศกาลสำคัญใกล้เข้ามาเต็มที พวกเขากำลังสนทนาถึงความเก่งกาจของต้าเซี่ยอย่างออกรส และต่างจับจ่ายใช้สอยสิ่งของจำเป็นในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อย่างสนุกสนาน

ทุกวันนี้สินค้าในเมืองกวนหยุนมีให้เลือกสรรมากมายนัก เรื่องอาหารการกิน บัดนี้เนื้อหมูกลายเป็นอาหารที่หากินได้ง่ายสำหรับทุกครัวเรือนแล้ว แม้เเต่เนื้อวัวก็หากินได้ง่ายดายมิต่างกัน ก่อนหน้านี้มีกฎหมายคุ้มครองอย่างเข้มงวด ทว่าบัดนี้มันกลายเป็นอาหารที่ทุกครัวเรือนต้องมีวางไว้บนโต๊ะแล้ว

ทุกวันนี้มีวัตถุดิบใหม่ ๆ มากมายหลายอย่าง ซึ่งก็คืออาหารทะเลจากหยวนตงเต้านั่นเอง !

เส้นทางเดินเรือระหว่างหยวนตงเต้าและเมืองเจียงเฉิงมีการสัญจรไปมาอย่างคับคั่ง และหนึ่งในบรรดาเรือหลายประเภทนั้นมีเรือชนิดหนึ่งที่มีไว้สำหรับบรรทุกอาหารทะเลโดยเฉพาะ ว่ากันว่าบนเรือลำนั้นเต็มไปด้วยน้ำเเข็ง อาหารทะเลเหล่านี้ถูกบรรทุกโดยการแช่เเข็ง แม้ว่าสัตว์ทะเลเหล่านั้นจะตายเเล้วทว่าก็ยังคงความสดใหม่เอาไว้อยู่

ว่ากันว่าอาหารทะเลถูกส่งไปขายเเต่ละท้องที่ในต้าเซี่ยโดยใช้เส้นทางขนส่งทางเเม่น้ำแยงซีและเเม่น้ำหวงเหอ

ฝ่าบาทเป็นผู้ประทานทุกสิ่งทุกอย่างมาให้

ตั้งเเต่ฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์จนกระทั่งวันนี้ นับเป็นเวลาเพียงเเค่ 6 ปีเท่านั้น พระองค์ก็สามารถสร้างยุคสมัยรุ่งเรืองออกมาได้แล้ว เช่นนั้นหลังจากเเผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สองถูกดำเนินการจนเสร็จสิ้น ต้าเซี่ยจะพลิกโฉมเป็นเเบบใดกัน ?

ราษฎรต้าเซี่ยต่างก็ตั้งตารอคอย พวกเขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าต้าเซี่ยจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เชื่อมั่นว่าความเป็นอยู่ของพวกเขาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

……

……

ณ ท้องพระโรงซวนเต๋อ พระราชวังเมืองกวนหยุน

บัดนี้มีการเรียกประชุมราชสำนักคราใหญ่ที่นาน ๆ ทีจะมีสักครา

ฟู่เสี่ยวกวนและเสนาบดีอาวุโสทั้งสามรวมไปถึงเสนาบดีประจำหกกรมยืนอยู่ด้านล่างสุด ขณะนี้เขากำลังสรุปเนื้อหาในปีเเรกของเเผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สอง

“…เหตุเนื่องจากการที่ข้าต้องยกทัพไปตีดินแดนทางเหนือในปีแรก จึงมิได้ประทับอยู่ในพระราชวัง”

“ทว่าหลังจากข้ากลับมามิกี่วันนี้ ข้าได้อ่านรายงานประจำปีของเเต่ละกรมอย่างละเอียดถี่ถ้วนเเล้ว พวกเจ้าต่างก็ทำงานได้ดีเยี่ยม ภายใต้การดูเเลของเสนาบดีอาวุโสทั้งสามและเสนาบดีทั้งหกกรม”

“รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่สองนี้ ต้าเซี่ยมีผลผลิตด้านเสบียงอาหารมากกว่าปีที่แล้วถึงสี่เท่า ! นี่เป็นความสำเร็จที่เยี่ยมยอด และนี่ก็หมายความว่าต้าเซี่ยที่เคยขาดเเคลนอาหารในวันนั้น วันนี้ได้ก้าวกระโดดมาเป็นประเทศที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำแล้ว ต้าเซี่ยได้เริ่มส่งออกเสบียงอาหารไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังส่งไปขายไกลถึงแผ่นดินใหญ่ลีอาห์”

“ปัญหาปากท้องของราษฎรได้รับการเเก้ไขเเล้ว ส่วนปัญหาเรื่องเครื่องนุ่งห่ม…ปีนี้ผลผลิตฝ้ายของพวกเรามากกว่าปีก่อนถึงสามเท่า รายงานจากกรมการค้าได้แจ้งมาว่า เพราะการเพิ่มขึ้นของผลผลิตฝ้ายและเพราะโรงงานทอผ้าได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรไอน้ำขนานใหญ่ ทำให้ราคาของผ้าฝ้ายต่ำกว่าปีที่แล้วมากถึงสามเท่า”

“นี่ก็เป็นข่าวดีเช่นกัน เช่นนี้ราษฎรก็จะสามารถซื้อเสื้อผ้าได้ในราคาถูก พวกเขาจะประหยัดเงินได้มากโข และย่อมจัดการกับรายได้ได้ดีกว่าเดิม”

ฟู่เสี่ยวกวนร่ายยาว เขาเริ่มจากหัวข้อความเป็นอยู่ของราษฎร ไปจนถึงการศึกษา การรักษาพยาบาล การดูเเลผู้สูงอายุ ด้านวิทยาศาสตร์และอื่น ๆ อีกมากมาย

มิได้มีเพียงเเค่ขุนนางในเมืองกวนหยุนเท่านั้นที่มาเข้าร่วมประชุมราชสำนักคราใหญ่ในวันนี้ ทว่ายังมีตัวเเทนขุนนางจากเเต่ละพื้นที่มาเข้าร่วมประชุมอีกด้วย อาทิเช่น เยี่ยนซือเต้าจากเมืองจินหลิง ฝานเทียนหนิงจากเมืองฉางจิน ฉินโม่เหวินจากเมืองฉางอัน และเยี่ยนซีเหวินจากเมืองไท่หลินเป็นต้น

ฝั่งซ้ายของท้องพระโรงซวนเต๋อมีแขกรับเชิญพิเศษมาร่วมงานประชุมในครานี้ด้วย พวกเขาก็คือประมุขและราชทูตของเเต่ละประเทศ

หนึ่งในนั้นมีประมุขของแคว้นโหลวหลาน ซึ่งก็คืออดีตเจ้าชายอันเยว่นั่นเอง นอกเหนือจากนี้ยังมีจักรพรรดิโดฮากับบุตรชายอันเอ๋อร์จากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์เป็นต้น

ในปีนี้ภาษาและตัวอักษรของต้าเซี่ยถูกส่งไปยังทุกประเทศ ทำให้ภาษาของต้าเซี่ยกลายเป็นภาษาสากลสำหรับประเทศเหล่านั้น

พวกต่างชาติตั้งอกตั้งใจฟังมิแพ้กัน เพราะพระราชดำรัสของจักรพรรดิต้าเซี่ยเป็นข่าวสารที่พวกเขาจำเป็นต้องรู้

เช่น…ต้าเซี่ยวางเเผนจัดการด้านการค้าเยี่ยงไร ?

ต้าเซี่ยมีนโยบายเยี่ยงไรต่อประเทศอาณานิคมทั้งหลาย ?

ต้าเซี่ยพัฒนาได้เร็วเพียงใด ? ในฐานะประเทศอาณานิคม พวกเขาต้องทำเยี่ยงไรถึงจะพัฒนาได้เทียบเท่ากับต้าเซี่ย พร้อมทั้งศึกษาประสบการณ์เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของประเทศตน และเพื่อพัฒนาการเเข่งขันในสงครามการค้ากับต้าเซี่ย

ที่สำคัญคือศึกษาหลักการปกครองและหลักการบริหารบ้านเมืองของจักรพรรดิหนุ่มผู้นี้เป็นต้น

เดิมทีเสนาบดีอาวุโสทั้งสามมิสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาฟังการประชุมราชสำนักคราใหญ่ ทว่าฟู่เสี่ยวกวนคิดว่ามันมิสำคัญ เพราะหากประเทศใดมีอำนาจยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง พวกเขาจะมิสนว่าประเทศเล็ก ๆ เหล่านั้นจะเข้ามาศึกษาแนวทางของประเทศตนหรือไม่ ทั้งยังมิมีความกังวลเลยด้วยซ้ำว่าประเทศเหล่านั้นจะก้าวนำประเทศของตน

หากประเทศอาณานิคมเหล่านี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจริง ๆ ก็มิได้นำผลเสียมาสู่ต้าเซี่ยแต่อย่างใด เพราะพวกเขาจะเป็นตัวผลักดันให้ต้าเซี่ยพัฒนามากยิ่งขึ้น เมื่ออุตสาหกรรมการผลิตของต้าเซี่ยแพร่กระจายไปยังประเทศเหล่านี้เรียบร้อยเเล้ว พวกเขาจะมีความสามารถในการผลิตสินค้ามากขึ้น พวกเขาจะสามารถส่งทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพให้แก่ต้าเซี่ยได้ และพวกเขาจะมีกำลังในการซื้อสินค้ามากขึ้นอีกด้วย

“ลำดับต่อไปคือเรื่องที่สามที่ข้าจะเเถลง ! ”

“ลำดับเเรก ต้าเซี่ยจะก่อตั้งกรมใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งกรม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)