นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1231

สรุปบท ตอนที่ 1231 ทรงว่าราชกิจ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนที่ 1231 ทรงว่าราชกิจ – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1231 ทรงว่าราชกิจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 1231 ทรงว่าราชกิจ

ขุนนางแต่ละกรมประจำเมืองฉางอันค้นพบว่าเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อพวกเขาเห็นฝ่าบาททรงงานขยันขันแข็งขึ้นมาผิดหูผิดตา !

นี่ยังมิน่าตกใจเท่ากับการที่พระองค์พาองค์ชายอู๋เทียนซื่อเข้ามาศึกษางานในราชสำนัก !

หลายวันมานี้ฟู่เสี่ยวกวนพาอู๋เทียนสื่อไปเยี่ยมชมกรมต่าง ๆ ของต้าเซี่ย แม้เขาจะมิได้ประกาศอันใดออกมา ทว่าขุนนางจากส่วนกลางต่างก็ตระหนักได้ทันทีว่าต้องมีอันใดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ฟู่เสี่ยวกวนสลับแวะเวียนไปแต่ละกรม เขามักจะนั่งดื่มชาสนทนากับหัวหน้ากรม บ้างก็สนทนาเรื่องบ้านเมือง บ้างก็สนทนาเรื่องส่วนตัว บ้างก็สนทนาเรื่องแผนกอื่น

อู๋เทียนซื่อนั่งฟังอยู่ด้านหลัง เขานั่งมองและฟังอย่างเงียบเชียบโดยมิปริปากเอ่ยอันใดเลยสักคำ มีเพียงสายตาคู่นั้นที่เผยให้เห็นว่าเขากำลังรู้สึกชอบใจและสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง

เขาอายุ 11 ปีแล้ว แม้ว่าอู๋หลิงเอ๋อร์จะมิเคยบอกเขามาก่อนว่าเขาจะได้ขึ้นเป็นรัชทายาทของต้าเซี่ย หรือบอกว่าเขาจะได้เป็นเจ้าของผืนปฐพีที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ ทว่าเขาได้เรียนรู้หลักการบริหารบ้านเมืองมากมายมาจากเหวินสิงโจว ดังนั้นเขาจึงพอรับรู้ถึงบางอย่างได้

เขารู้ว่าเสด็จพ่อคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ !

เสด็จพ่อกำเนิดที่เมืองหลินเจียง ท่านเคยรับตำแหน่งกั๋วกงขุนนางขั้นที่หนึ่งเมื่อสมัยราชวงศ์หยู

จากนั้นท่านก็ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ และหลังจากนั้นท่านก็รวมเอกราชทั้งห้าแคว้นแล้วสถาปนาต้าเซี่ยขึ้นมา

เสด็จพ่อนำทัพทำศึกทั่วสารทิศเพื่อขยายอาณาเขตต้าเซี่ย จนได้รับการสวามิภักดิ์จากต่างแดนและเป็นที่เคารพทั่วหล้า

เขาเป็นพ่อที่เก่งกาจและเป็นตัวอย่างที่ดีของอู๋เทียนซื่อ !

เขาเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นพ่อว่าให้ฟังเยอะ ๆ มองเยอะ ๆ และคิดตามเยอะ ๆ ถ้าหากมีข้อสงสัยอันใดในใจก็จงเก็บเอาไว้ รอจนกระทั่งกลับไปถึงห้องทรงพระอักษร พ่อจะเป็นผู้ไขทุกอย่างให้กระจ่างชัดเอง

ทว่าเยี่ยงไรเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กอายุ 11 ปีคนหนึ่ง และนี่ก็เป็นคราแรกที่เขาได้มาสัมผัสเรื่องบ้านเมือง บัดนี้เขาทำได้แค่ฟังและสังเกตการณ์เท่านั้น ส่วนเรื่องคิดนั้น…ด้วยวุฒิภาวะของเขาจึงทำให้คิดอันใดได้มิมากนัก

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้รีบร้อนอันใด เพราะเขาต้องการเวลา ต้องการเวลาอีกมากโขเพื่อเรียนรู้ เพราะอู๋เทียนซื่อมิใช่คนที่ทะลุมิติมา เขามิได้มีพลังวิเศษอันใด

มีวันหนึ่งสองพ่อลูกเดินทางไปที่กรมคลัง

นี่เป็นคราที่สามที่สองพ่อลูกมาเยือนที่นี่ หยุนซีเหยียนเสนาบดีกรมคลังครุ่นคิดในใจว่าตนได้ทำอันใดผิดไปหรือไม่ เหตุใดฝ่าบาทถึงมาวนเวียนอยู่กรมของตนกัน ?

“ให้คนนำสมุดบัญชีของปีกลายออกมาสิ…นำเอาเล่มที่สรุปรวมรายการทั้งปีออกมา”

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ในสำนักงานของหยุนซีเหยียน หยุนซีเหยียนลองคิดย้อนทบทวนบัญชีที่เกิดจากการรวมกันของกรมคลังและกรมการค้าเมื่อปีกลาย ตอนนั้นตนยุ่งจนมืดฟ้ามัวดินย่อมเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ หรือว่าฝ่าบาทจะค้นพบข้อผิดพลาดเข้าแล้วกัน ?

“จะยืนทื่ออีกนานหรือไม่ ? อย่าคิดมากไปเลย ข้าเพียงจะนำมาให้เทียนซื่อดูก็เท่านั้น”

หยุนซีเหยียนจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ฝ่าบาท…พระองค์มาทำเอากระหม่อมตกอกตกใจมากยิ่งนัก ถ้าฝ่าบาทมิอธิบาย อีกประเดี๋ยวกระหม่อมคงสั่งให้ขุนนางกรมคลังทุกคนเข้ามาตรวจสอบบัญชีของปีกลายใหม่เป็นแน่”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเสียงดังลั่น ส่วนหยุนซีเหยียนปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากแล้วเดินออกไป ทำให้อู๋เทียนซื่อผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ชักรู้สึกสงสัย ท่านอาจารย์สอนว่าความกตัญญูประกอบด้วยห้าสิ่งซึ่งก็คือกตัญญูต่อสวรรค์ พื้นดิน จักรพรรดิ บิดามารดาและเครือญาติ สุดท้ายคือครูบาอาจารย์ เมื่อขุนนางอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ เขาจะต้องระวังสถานะของตน มิอาจทำตัวเหลาะแหละได้ ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิเมื่ออยู่ต่อหน้าของขุนนางก็ต้องรักษาไว้ซึ่งความน่าเกรงขามและต้องรักษาระยะห่างตามความเหมาะสม…

ทว่าสิ่งที่เสด็จพ่อปฏิบัติกับสิ่งที่ท่านอาจารย์บอก ดูเหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง !

จากที่เฝ้าสังเกตตลอดหลายวันมานี้ เขาพบว่าเสด็จพ่อทรงเป็นกันเองกับเหล่าเสนาบดี ยิ่งตำแหน่งใหญ่โต พวกเขาก็ยิ่งทำตัวสบาย ๆ ต่อพระพักตร์ของเสด็จพ่อ เช่นท่านเสนาบดีหยุนผู้นี้หรือท่านเสนาบดีฉินประจำกรมโยธาธิการเป็นต้น

“ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปให้นำเงินที่เหลือทุก ๆ สิ้นปีเติมเข้าไปในสองบัญชีนี้”

“การศึกษาเป็นแผนพัฒนาต้าเซี่ยในระยะร้อยปี ส่วนการให้เงินบำนาญเป็นการตอบแทนแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจต่อราษฎรชาวต้าเซี่ย อย่าได้มองว่าเป็นเรื่องเล็กเด็ดขาด เจ้าต้องให้ความสำคัญกับมันจึงจะถูกต้อง ! ”

หยุนซีเหยียนรินชาสองถ้วย “กระหม่อมเห็นว่าควรนำเงินจำนวนมหาศาลสองก้อนนี้ไปลงทุน อาจจะเป็นการลงทุนกับบรรดาพ่อค้ารายใหญ่ หรือลงทุนกับโรงงานผลิตอาวุธ ให้เงินก้อนนี้มันงอกเงยขึ้น จากนั้นค่อยนำเงินมาต่อยอดเงิน จากสถานการณ์ทางการค้าในขณะนี้เป็นไปได้ยากที่จะขาดทุน”

ฟู่เสี่ยวกวนตาลุกวาวขึ้นมาทันใด “นี่เป็นวิธีที่ดีมากยิ่งนัก ทว่าจำต้องควบคุมความเสี่ยงในการลงทุนให้ดี หนึ่งคือต้องรับประกันได้ว่าพวกเราจะมีเงินเพียงพอสำหรับการศึกษาและเงินบำนาญ สองต้องมีคนมาดูแลเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพราะนี่อาจจะเป็นหายนะของทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นได้ เพราะมันมีช่องโหว่อยู่มากมาย ดังนั้นจงพึงระมัดระวังในการใช้คน”

“อืม…กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้มิได้รีบร้อนอันใด รอให้กระหม่อมค้นหาคนที่มีความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า เขายกถ้วยชาขึ้นมาพลางกระดกลงคอ “อีกอย่าง เจ้าทำกองทุนสงเคราะห์ผู้ยากไร้เสร็จแล้วหรือยัง ? ”

“เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมฝากเงินเข้าไป 1,000 ล้านตำลึงตามที่ฝ่าบาทรับสั่งทุกประการ”

“ดี ! กองทุนนี้จะแตะต้องมิได้เป็นอันขาด รอให้ผลการตรวจสอบของพวกเยี่ยนซีเหวินออกมาเสียก่อนแล้วค่อยกระจายออกไป เพราะเงิน 1,000 ล้านตำลึงนี้คงมิพอเป็นแน่ ข้าคิดว่างบประมาณสำหรับการตัดถนนและสร้างสะพานให้เบิกกับบัญชีหลักของกรมคลัง เพราะมันคือการสร้างระบบสาธารณูปโภคอย่างหนึ่งในต้าเซี่ย”

“ส่วนเงินสงเคราะห์ 1,000 ล้านตำลึงนี้ ให้ใช้พัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของราษฎร นำไปซื้อสิ่งของต่อยอดให้กับพวกเขา เช่นซื้อเมล็ดพันธุ์หรือวัวอันใดทำนองนั้น”

“พ่ะย่ะค่ะ…ฝ่าบาท ทว่ากระหม่อมขอเอ่ยบางอย่างที่มิบังควรนัก ผืนปฐพีแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล ผู้คนมีหลากหลายรูปแบบผสมปนเปกันไป หากจะลดความเหลื่อมล้ำ…เห็นทีจะเป็นไปมิได้”

“อืม…ข้อนี้ข้ารู้ดี ข้าเพียงแค่หวังว่าจะทำอันใดเพื่อพวกเขาได้บ้าง ส่วนเรื่องผลลัพธ์นั้น…เยี่ยงไรก็ต้องมีคนที่สลัดความยากจนและลืมตาอ้าปากได้ในท้ายที่สุด ทว่าย่อมมีคนที่เกียจคร้านเช่นกัน พวกเขาจะใช้ชีวิตแค่ให้ผ่านไปวัน ๆ เท่านั้น”

“นี่ถือเป็นการคัดกรองคราแรก ค่อยดูผลลัพธ์ที่ตามมาก็แล้วกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)