ตอนที่ 1243 ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
ณ หมู่บ้านเซี่ยซาน เยวี่ยซานเป่ยเต้า ต้าเซี่ย
หลี่เอ้อร์หนิวใช้เวลาสองวันในการพาพวกเยี่ยนเป่ยซีเยี่ยมชมพื้นที่ทุรกันดารแห่งนี้จนทั่วทุกซอกทุกมุม
แม้หลี่เอ้อร์หนิวจะมิเข้าใจว่าเขากำลังดูอันใดอยู่กันแน่ ทว่าเขาก็มิปริปากบ่นสักคำ เพราะในคืนนั้นถ้าหากมิได้พวกน้องเยี่ยนช่วยชีวิตบุตรชายของตนเอาไว้ ซุนเฉวียจื่อบอกว่าบุตรชายของตนคงไร้โอกาสรอดชีวิต
ทุกวันนี้บุตรชายของเขายังคงนอนติดเตียง โดยมีลูกสะใภ้คอยดูแลมิห่าง
สองสามวันมานี้อาหารการก็กินอุดมสมบูรณ์ขึ้นมากโข พวกเขาได้กินข้าวที่น้องเยี่ยนนำติดตัวมาด้วย
น้องเยี่ยนผู้นี้ดูลึกลับเสียเต็มประดา ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาพาลูกน้องมา 11 คน ทว่าสองวันมานี้กลับจากไปอย่างมิบอกมิกล่าว 2 คน
พวกเขาบอกว่าจะออกไปทำธุระนอกภูเขา หลี่เอ้อร์หนิวก็มิรู้เช่นกันว่าพวกเขาไปทำธุระอันใด แต่เขารู้สึกได้ว่าน้องเยี่ยนผู้นี้ดูสนอกสนใจหมู่บ้านเซี่ยซานเป็นพิเศษ
“น้องเยี่ยน เจ้าดูนานี่สิ เดิมทีมันมิมีมาก่อน ชาวบ้านเพิ่งจะบุกเบิกหลังจากที่สถาปนาต้าเซี่ยขึ้นมานี่เอง”
“แรกเริ่มเดิมทีนาที่เพิ่งบุกเบิกขึ้นมาใหม่จะมิเสียภาษี นายอำเภอบอกพวกเราว่าถ้าผู้ใดบุกเบิกทำนาก่อน คนผู้นั้นก็จะได้ผลกำไรงาม”
“แน่นอนว่านี่คือนโยบายที่ดี พวกเราหลงคิดว่าได้พบกับแสงสว่างที่ปลายทางอันมืดมิดนี้แล้ว ดังนั้นแต่ละครัวเรือนจึงใช้เวลาว่างหลังจากเพาะปลูกมาบุกเบิกแปลงนา ปีนั้นเป็นปีแรกที่พวกเราได้กินข้าวอิ่มท้องกันทุกวันจริง ๆ ”
“ทว่าคืนวันที่ดีเช่นนั้นก็ดำเนินไปได้สามถึงห้าปีเท่านั้น นายอำเภอคนใหม่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายของนายอำเภอคนเก่า เขาบอกว่าแปลงนาทั้งหมดเป็นของประเทศชาติ ที่ให้พวกข้าได้กินกำไรไปสามถึงห้าปีนั้นก็ช่างมัน ทว่าต่อไปนี้จำต้องเสียภาษีตามปกติ”
“แท้ที่จริงหากเก็บภาษีตามปกติ พวกเราก็พอมีข้าวเหลือไว้ประทังชีวิตอยู่หรอก แต่ข้าวอาจจะน้อยแล้วเติมน้ำเยอะกว่าเดิมสักหน่อยก็เท่านั้น”
“ทว่าก็ดีได้มินาน สองปีให้หลังจากนั้นเขาประกาศเพิ่มภาษี อยู่ ๆ ภาษีก็เพิ่มขึ้นสามเท่า พวกเขาอ้างว่าประเทศตกอยู่ในช่วงสงคราม พวกเราในฐานะราษฎรจำต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ จำต้องรัดเข็มขัดเพื่อที่จะสามารถผ่านความยากลำบากนี้ไปได้”
“เฮ้อ…น้องเยี่ยน เจ้าเจอสังคมมาหลากหลายรูปแบบ ข้ามิเข้าใจเสียจริงว่าประเทศทำสงคราม ทว่าคนจน ๆ เยี่ยงพวกข้ากลับต้องยกเสบียงให้ประเทศ แล้วพื้นที่ที่เขาทำการเกษตรเป็นหลักนี่มิอดตายไปเลยหรือ ? ”
“พวกเราอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกล ขุนนางที่มาจากอำเภอแต่ละปีก็เอาแต่บอกว่าต้าเซี่ยกำลังมีศึก แต่ละปีก็เอาแต่จะขูดรีดภาษีจากพวกเรา ต้าเซี่ยมีศัตรูมากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
“พวกเรากำลังรบกับผู้ใดกันแน่ ? ”
เยี่ยนซีเหวินนั่งลงตรงคันนา จางฉีซานส่งกระบอกน้ำไปให้เขา เขารับไปแล้วหันไปเอ่ยกับหลี่เอ้อร์หนิวว่า “พี่ชาย…แท้ที่จริงต้าเซี่ยก็ผ่านศึกสงครามมาบ้าง ถ้าข้าบอกว่าในยามสงครามแต่ละครา ราชสำนักมิเคยเกณฑ์เสบียงจากราษฎรเลยสักคราท่านจะเชื่อหรือไม่ ? ”
หลี่เอ้อร์หนิวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาส่ายศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้ามิเชื่อ แม้ข้าจะมิเคยเข้าสังคมมาก่อน แต่ข้าก็เคยร่ำเรียนจากสำนักศึกษามาบ้าง ข้ารู้จักคำเอ่ยที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง”
“พี่หลี่…ต้าเซี่ยมิได้ขาดแคลนเสบียงอาหาร มิหนำซ้ำต้าเซี่ยยังส่งข้าวออกไปขายต่างแดนด้วยซ้ำ ! ”
“อีกอย่าง ต้าเซี่ยรบชนะทุกสงคราม ทั้งยังออกเดินทางไปรบกับประเทศอื่นอีกด้วย ศัตรูมิได้นำภัยคุกคามใดมาสู่ประเทศของเราเลยด้วยซ้ำ ท่านคิดว่าต้าเซี่ยมีความจำเป็นต้องเพิ่มภาษีจากราษฎรด้วยหรือ ? ”
“เช่นนั้น…”
เยี่ยนซีเหวินเปิดกระบอกน้ำแล้วยกขึ้นดื่ม “ท่านจงเชื่อข้าว่าต้นตอของความยากจนขัดสนทั้งมวลนั้น มิได้มาจากฝ่าบาท ทว่ามาจากขุนนางประจำท้องถิ่นของพวกท่านเอง”
“แม้ฝ่าบาทจะประทับอยู่ในพระราชวัง ทว่าพระองค์ก็ทรงใช้สารพัดวิธีเพื่อตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของราษฎร เชื่อข้าว่าวันนั้นจะมาถึงในมิช้า รอให้ผู้แทนพระองค์ได้สืบเหตุการณ์ให้แน่ชัดเสียก่อน พวกขุนนางที่มันบังอาจทุจริตคดโกงจะต้องถูกตัดศีรษะทั้งหมด ! ”
“หลายปีมานี้พวกเจ้าถูกขุนนางฉ้อฉลพวกนั้นหลอกลวงทำให้เสียหาย… ฝ่าบาทย่อมชดใช้ให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน ! พวกเจ้าจะต้องมีชีวิตที่สุขสบาย ! ”
หลี่เอ้อร์หนิวรู้สึกเหลือเชื่อกับคำเอ่ยของชายหนุ่ม
ของที่ถูกกลืนไปแล้วจะขย้อนออกมาอีกได้เยี่ยงไรกัน ?
หากฝ่าบาททรงเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง ขอพระองค์ทรงตัดศีรษะขุนนางที่ทุจริตพวกนั้นไปเสีย จากนั้นก็ทำให้นโยบายกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อน นี่คงเป็นสิ่งที่เขามิกล้าแม้แต่จะไฝ่ฝันหา
เขาจะกล้าหวังให้ฝ่าบาทชดใช้กับความเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้เยี่ยงไรกัน ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)