สรุปเนื้อหา ตอนที่ 125 บทเพลงนี้ควรมีอยู่บนฟ้าเท่... – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 125 บทเพลงนี้ควรมีอยู่บนฟ้าเท่... ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 125 บทเพลงนี้ควรมีอยู่บนฟ้าเท่านั้น
ข้าเคยร้องเพลงที่ใหนกัน ?
ฟู่เสี่ยวกวนนึกย้อนอย่างไรก็นึกไม่ออก
เขาเรียบเรียงทำนองไม่เป็น ไม่อย่างนั้นก็คงเรียบเรียงทำนองออกมาและมอบให้หลิ่วเยียนเอ๋อร์เป็นผู้ขับร้องแบบนั้นคงดีที่สุด
เรื่องเหล่านี้มิใช่ทางของเขาเลยแม้แต่น้อย !
แล้วตอนนี้จะจัดการเยี่ยงไรดีเล่า ? จะปล่อยไปอย่างมิสนใจก็คงมิได้ มีคนมากมายกำลังมองอยู่ หรือควรจะทำเหมือนอยู่ในคาราโอเกะ ?
เมื่อเขาคิดได้เยี่ยงนั้น ก็สงบใจลงมาได้
“ในพวกเจ้าผู้ใดเรียบเรียงทำนองได้บ้าง ? ”
“ข้าทำได้ ! ” ดวงตาคู่นั้นของหลิ่วเยียนเอ๋อร์ในยามนี้เป็นประกายออกมา
นามฟู่เสี่ยวกวนนี้นางรู้จักมาก่อนที่จะมายังหงซิ่วจาว นางเองก็เคยได้อ่านความฝันในหอแดง ทั้งยังมิใช่เพียงหนึ่งครั้ง นางเองก็เคยไปหลานถิงจี๋ และได้เห็นหินเชียนเปยสือมาแล้ว
และในวันนี้เมืองหลวงก็ได้มีข่าวคราวว่าฟู่เสี่ยวกวนได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท และคล้ายกับว่าจะกลายมาเป็นผู้มีอำนาจคนใหม่แห่งเมืองหลวง
คนผู้นี้เป็นเหมือนตำนาน เมื่อได้มาเจอในค่ำคืนนี้ ก็มิอาจจะปล่อยผ่านไปได้
“เยี่ยงนั้น” ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิด “เสียงของข้านั้นไม่ไพเราะสักเท่าไหร่ พวกเราไปข้างนอก ข้าจะร้อง ส่วนเจ้าเรียบเรียงทำนอง หลังจากนั้นก็ให้เจ้านำมาร้อง เจ้าคิดเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”
หลิ่วเยียนเอ๋อร์ย่อมคิดอันใดมิออกเป็นแน่ แต่หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานมิได้เต็มใจด้วย พวกเจ้าจะออกไปร้องข้างนอกนั่นมันหมายความว่าเยี่ยงไรกัน? ไม่ได้ หลิ่วเยียนเอ๋อร์งดงามถึงเพียงนี้ทั้งยังค่อนข้างเจ้าแผนการ ควรป้องกันเอาไว้
“เจ้าทั้งสองคนก็ไปด้วยกันเถิด” ฟู่เสี่ยวกวนหันไปพูดกับหยูเวิ่นหวินและต่งชูหลาน
“ดี”
ผู้คนนับร้อยบนอาคารชั้นสามก็ไม่ได้ยินดีเช่นกัน พวกเขามิได้อยากฟังฟู่เสี่ยวกวนร้องเพลง แต่ฟู่เสี่ยวกวนมานัดหลิ่วเยียนเอ๋อร์ออกไปข้างนอก คนผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ ?
อย่าได้ปล่อยให้เขาลักพาหลิ่วเยียนเอ๋อร์หนีไปนะ !
ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้น แล้วพาหยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานเดินออกไปด้านนอก
หลิ่วเยียนเอ๋อร์เรียกสาวรับใช้ 2 คนนั้นที่บรรเลงกู่เจิงให้หยิบพู่กันหมึกกระดาษและเดินออกไปเช่นกัน
ผ้าม่านถูกปิด บนหัวเรือชั้นสามมีคนผู้หนึ่งนั่งดื่มสุราอยู่เพียงลำพัง นั่นคืออาจารย์หูฉินหู
หลิ่วเยียนเอ๋อร์คำนับอาจารย์หูและบอกกล่าววัตถุประสงค์ที่มา สายตาของหูฉินที่มองไปทางฟู่เสี่ยวกวนดูประหลาดใจเล็กน้อย นางมิได้พูดอะไรออกไป ครุ่นคิดถึงหลิวหยุนชิงที่มีน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง บุตรชายของนางผู้นี้ก็คงมิต่างกันเท่าใด
หลังจากนั้น…
อาจารย์หูก็เหม่อมองไปยังดวงจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้า รู้สึกว่าพระเจ้าก็ยังถือว่ามีความเท่าเทียม
ฟู่เสี่ยวกวนร้องคิ้วแข็งโค้งในชาติที่แล้วออกมา แน่นอนว่าเส้นเสียงย่อมมิไพเราะ ทำให้หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานพากันป้องปากและหัวเราะออกมา
แต่หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนได้ร้องออกมาอีกสองสามประโยค หูฉินก็ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างจริงจัง จนถึงขั้นหยิบพู่กันของสาวใช้นางหนึ่งขึ้นมา ตนเองเริ่มฟังทำนองการร้องของฟู่เสี่ยวกวน
เพียงไม่นาน ฟู่เสี่ยวกวนก็ร้องจบ เหงื่อออกท่วมกาย ถึงได้รู้สึกขึ้นมาว่าการไม่ขับร้องต่อหน้าผู้คนมากมายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
หลิ่วเยียนเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ข้างกายหูฉินทั้งสองพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทำนองเพลง หลิ่วเยียนเอ๋อร์ร้องออกมาเป็นครั้งคราว หลังจากนั้นก็ปรับเปลี่ยน ผ่านไปหนึ่งก้านธูป การเรียบเรียงทำนองเพลงคิ้วแข็งโค้งใหม่อีกครั้งก็เสร็จสิ้น
หลิ่วเยียนเอ๋อร์ยังคงร้องต่อไป แล้วจึงจับความรู้สึกได้ขึ้นเรื่อย ๆ หูฉินล้มตัวลงนอนเก้าอี้อีกครา มองดวงจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้า ก็รู้สึกว่าพระเจ้านั้นไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
นางมิจำเป็นต้องฟังอีกก็ทราบได้ เพียงบทเพลงนี้ถูกปล่อยออกไป คิ้วแข็งโค้งย่อมเป็นที่นิยมแน่นอน และจะโด่งดังไปได้ไกลกว่าในอดีต
เจ้าเด็กหนุ่มนี่… แข็งแกร่งยิ่งกว่าบิดาของเขาเป็นร้อยเท่า !
“แบบนี้ได้ไหมเจ้าคะ ? ” หลิ่วเยียนเอ๋อร์มองฟู่เสี่ยวกวนและเอ่ยถามด้วยความเคารพ
จนกระทั่งหลิ่วเยียนเอ๋อร์ร้องเพลงนี้ออกมา หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานถึงได้พบว่าไพเราะถึงเพียงใด เช่นนั้นแล้วฟู่เสี่ยวกวนก็เรียบเรียงทำนองได้อย่างนั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่ามิได้
สองมือของหยูเวิ่นหวินเท้าใต้คางไม่แม้แต่จะกะพริบตา ดวงตาของต่งชูหลานหลับพริ้ม ในจินตนาการราวกับล่องลอยเข้าไปในความฝันในหอแดง
เสวี่ยเฟยเฟยในยามนี้ยืนอยู่ด้านหลังม่าน รับฟังเพลงนี้ ด้วยจิตใจที่เศร้าสร้อยเล็กน้อย
แม้เขาจะชี้แนะข้า แต่เขากลับเรียบเรียงทำนองเพลงที่ไพเราะเยี่ยงนี้ให้กับหลิ่วเยียนเอ๋อร์ !
ทำนองที่เรียบเรียงด้วยน้ำมือของเขา มีเพียงบนสวรรค์เท่านั้นที่จะมีทำนองเยี่ยงนี้ได้ !
ราวกับเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนาน แต่กลับเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เสียงเพลงล่องลอยเข้าสู่เมฆา เสียงฉินแตกเป็นคลื่นกระจายไปทั่วขอบฟ้า ผู้คนต่างมัวเมาและไม่ขอตื่นขึ้นมา
หลิ่วเยียนเอ๋อร์เองก็อยู่ในอาการมัวเมา คางของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย สองแขนกางออก แขนเสื้อสีแดงตกหล่น สองตาปิดแน่น สีหน้าไม่สุขและไม่เศร้า แต่น้ำตากลับไหลลงเป็นสองทาง
แต่เดิม นี่คือความฝันในหอแดง !
หลายคนได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ต่างถอนหายใจกันถ้วนหน้า นี่คือความฝันในหอแดง !
เสียงปรบมือดังขึ้น กึกก้องไปทั่วห้อง เนิ่นนานอย่างไม่มีสิ้นสุด
หลิ่วเยียนเอ๋อร์ปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่น หลังจากนั้นก็หันไปมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยความซาบซึ้ง นางออกไปจากที่นี่ ตรงไปยังห้องแต่งตัวที่อยู่ด้านหลัง นั่งลงด้านหน้าบานกระจกอยู่เนิ่นนานถึงได้โล่งใจจากการร้องเพลงเมื่อครู่
นางใช้ชายเสื้อซับรอยน้ำตาบนใบหน้า มองใบหน้าสะสวยบนกระจก ยกยิ้มอย่างเศร้าสร้อย แล้วหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนสองสามบรรทัด
นางหยิบกรงออกมาจากมุมๆหนึ่ง ในนั้นมีนกพิราบอยู่หนึ่งตัว นางใส่จดหมายนี้เข้าไปในกระบอกเล็ก ๆ ใช้ขี้ผึ้งปิดให้สนิทและมัดไว้กับขาของนกพิราบ
ผลักหน้าต่างให้เปิดออก สายลมใบไม้ร่วงพัดผ่านใบหน้า กางมือออก นกพิราบสื่อสารจึงได้กระพือปีกขึ้นไป วนอยู่สองสามรอบ และตรงไปทางทิศใต้
ในยามนี้กลุ่มฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ ก็ได้ออกไปจากชั้นสาม และตามหญิงสาวผู้หนึ่งลงไปยังห้องที่อยู่ชั้นสอง
อาจารย์หูหยิบใบชาไปตามอารมณ์ ต้มชาหลงจิ่งที่หยุนชิงชื่นชอบที่สุด
“ใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ปีนั้นมารดาของเจ้าก็ดื่มมันทั้งปี แท้จริงแล้วข้ามิชอบ รสชาติค่อนข้างจืดชืด แต่ดื่มตามนางไปเป็นเวลานาน ก็เริ่มคุ้นชิน เจ้าก็ลองชิมดู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)