ตอนที่ 1265 สบายตัว
ณ วังหลังในพระราชวัง ยามราตรี
ฟู่เสี่ยวกวนถอดชุดคลุมมังกรที่เขาเพิ่งใส่ได้เพียงมิกี่คราออกภายใต้การปรนนิบัติของชุนซิ่ว
เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ซิ่วเอ๋อร์ เมื่อข้ามิได้เป็นจักรพรรดิแล้ว ข้าพลันรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่างเลยล่ะ ส่งคนไปเรียกพวกเวิ่นหวินมาสิ ราตรีนี้พวกเรามาฉลองด้วยกันที่ตำหนักของเจ้าเถิด ! ”
“ได้สิ ข้าจะส่งคนไปเตรียมการเดี๋ยวนี้แหละเพคะ ! ”
ชุนซิ่วมีความสุขมากยิ่งนัก นางชอบที่จะได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนทำตัวผ่อนคลาย ผ่อนคลายเฉกเช่นนายน้อยจอมเสเพลแห่งหลินเจียง
“วันพรุ่งนี้อยากออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหรือไม่ ? ”
“อยากสิ แต่ว่าอย่าป่าวประกาศให้ผู้ใดรู้เชียวล่ะ พวกเราไปเพียงสองคนก็พอแล้ว ส่วนผู้ติดตามก็ให้หลิวจิ่นไปด้วยก็แล้วกัน”
“อืม ! ”
ชุนซิ่วก็ชอบออกไปเดินเล่นเช่นกัน นางเรียกนางในมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ให้แยกย้ายกันไปเรียกพระสนมแต่พระองค์มาที่ตำหนักของนาง
ฟู่เสี่ยวกวนเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ชุนซิ่วรู้สึกว่าฟู่เสี่ยวกวนในเวลานี้คือฟู่เสี่ยวกวนคนที่นางคุ้นเคย
นางนั่งลงข้างกายเขาแล้วยื่นมือออกไปนวดขาทั้งสองข้างของฟู่เสี่ยวกวน “คุณชาย วันพรุ่งพวกเราออกไปซื้อขนมหวานมากินกันเถิด… แม้ในวังจะมีให้เลือกกินมากมาย แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าขนมนอกวังอร่อยกว่าอยู่ดี อีกอย่าง…คุณชายต้องตามข้าไปไหว้พระที่วัดหงฝูตกลงหรือไม่ ? ”
“ได้สิ ! คุณชายคนนี้จะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่างเลย” ฟู่เสี่ยวกวนตอบกลับพลางยิ้มร่า
เขาหันไปหาชุนซิ่ว หากย้อนกลับไปในปีนั้นที่เมืองหลินเจียง ชุนซิ่วคือคนแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็น ตอนที่เขาเดินทางมาถึงโลกใบนี้
ตอนนั้นชุนซิ่วมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น นางยังเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้ม กาลเวลาล่วงเลยไปช้า ๆ …บัดนี้นางย่างเข้าวัยสามสิบแล้ว จากสาวน้อยได้กลายมาเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัย ความอ่อนเยาว์ในวัยสาวได้เหือดหายไป ทว่าความสง่างามได้เข้ามาแทนที่
ราวกับผลท้อที่สุกงอม
ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ มักเกิดจากการซึมซับอิทธิพลจากสิ่งรอบข้างโดยที่มิรู้ตัวหรืออาจเป็นเพราะตนมิได้เอาใจใส่มากพอก็เป็นได้
แท้ที่จริงหยูเวิ่นหวิน ต่งชูหลานและคนอื่น ๆ ก็มิต่างกัน
ในสิบกว่าปีมานี้ พวกนางเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างใหญ่หลวง การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นที่รูปลักษณ์ภายนอก ทว่าสิ่งเดียวที่มิเปลี่ยนไปก็คือหัวใจดวงนั้นที่พวกนางได้มอบให้แก่เขา
เขาเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของชุนซิ่วอย่างเบามือ ชุนซิ่วเขินอายจนต้องก้มหน้าหนี
“ตลอดหลายปีมานี้…ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าอย่างแท้จริง”
“ทว่าหลังจากนี้อีกสองสามปี ข้าก็ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”
“เมื่อผ่านสองสามปีนี้ไปเมื่อใด ข้าจะคอยอยู่เคียงข้างพวกเจ้ามิเว้นวัน คอยอยู่เคียงข้างจนลูกของพวกเราเติบใหญ่ เฝ้าดูพวกเขาประสบความสำเร็จจนเป็นฝั่งเป็นฝา พวกเราค่อย ๆ แก่ตัวไป คอยช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่เคียงข้างกัน ชมอาทิตย์อัสดงพลางย้อนรำลึกถึงคืนวันที่พวกเราเคยมีให้กัน”
“เพคะ ! ”
ชุนซิ่วเงยหน้าขึ้น สีหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความถวิลหา
ยามที่พวกเราแก่ตัวลง พวกเราจะเป็นเยี่ยงไรกันนะ ?
พวกเราจะต้องเดินทางไปตั้งรกรากถิ่นฐานยังสถานที่ห่างไกล เห็นทีคงต้องใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่นเสียแล้ว
ทุกวันนี้สมาชิกในครอบครัวช่างมีมากมายเสียเหลือเกิน เช่นนั้นบ้านหลังใหม่ก็จำต้องสร้างใหญ่โตสักหน่อย
พวกเราอาศัยอยู่ด้วยกันในเรือนหลังใหญ่ คอยให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน คอยดูแลให้ความรักซึ่งกันและกัน ออกเดินทางสู่ช่วงชีวิตที่เหลือไปพร้อม ๆ กัน
มันคงจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบมากเลยทีเดียว
……
……
บรรดาภรรยาของเขานั่งล้อมโต๊ะตัวใหญ่ วันนี้มิมีพวกเด็ก ๆ มาร่วมวงด้วย
ฟู่เสี่ยวกวนอยากใช้เวลาอยู่กับเหล่าภรรยาทั้งสิบ เขาจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งรายล้อมอยู่รอบโต๊ะ ความสุขได้ปรากฎออกมาทางสีหน้าของบรรดาหญิงสาว ดังนั้นเขาจึงยกจอกสุราขึ้นมา
พวกนางมิได้กล่าวโทษที่เขาตัดสินใจสละราชบัลลังก์ให้แก่อู๋เทียนซื่ออย่างทันพลัน
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เขากังวลใจมากที่สุด
แม้ว่าเขาจะเคยแจ้งเรื่องนี้กับพวกนางแล้วก็ตาม ทว่าเขาก็ยังรู้สึกกังวลมิน้อยว่าพวกนางจะรู้สึกขุ่นเคืองใจ บัดนี้ดูเหมือนว่าตนจะคิดมากไปเอง
“ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าจากใจจริง ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)