ตอนที่ 1267 พรหมลิขิต
ณ จักรวรรดิโมริยะ
บัดนี้มันมิได้เรียกว่าจักรวรรดิโมริยะอีกต่อไปแล้ว
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนห้า วันที่ห้า แม่ทัพคูฉานได้ปราบปรามกบฏจนหมดสิ้น ทั้งยังยึดเมืองปาฎีบุตรมาครองได้อย่างง่ายดาย
เขามิได้ตัดผมที่ยาวเฟื้อย เขาคือผู้กุมอำนาจสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด เขาขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิที่ได้รับความเคารพนับถือจากราษฎรและกลายเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองปาฎีบุตร !
และในวันนั้นนั่นเอง เขาได้เปลี่ยนชื่อจักรวรรดิโมริยะเป็นประเทศต้าฝาน !
นามคูฉานได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนนามของตนเป็นฝานฉาน เป็นปฐมจักรพรรดิของประเทศต้าฝานซึ่งมีพระนามอย่างเป็นทางการว่า…จักรพรรดิเซิ่งจื้อ !
เขาต้องการสร้างยุคสมัยที่รุ่งเรืองให้แก่ประเทศต้าฝาน !
เขาจะบริหารประเทศต้าฝานให้แข็งแกร่งเฉกเช่นต้าเซี่ย !
คงมีเพียงวิธีนี้ มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ที่จะมิทำให้สตรีผู้นั้นผิดหวัง
เหมือนว่าเขาได้วางคัมภีร์พระไตรปิฎกลงแล้ว เขาสาละวนกับการสถาปนาประเทศใหม่ในทุก ๆ วัน
เขาได้ออกนโยบายมามากมาย สองนโยบายที่โด่งดังที่สุดก็คือการใช้ตัวอักษรเดียวกันและใช้ระเบียบศีลธรรมเดียวกัน !
ตัวอักษรเดียวกันที่ว่าคือให้ใช้ตัวอักษรของประเทศต้าฝานเหมือนกันทั้งหมด
เขาได้โละทิ้งภาษาเดิมของจักรวรรดิโมริยะที่มีมากมายเหลือคณานับ จากนั้นก็สั่งให้ราษฎรในประเทศต้าฝานศึกษาตัวอักษรของต้าเซี่ย
การใช้ระเบียบและศีลธรรมเดียวกันถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต จารีตประเพณีและการนับถือศาสนาเป็นต้น
เขาได้ยกเลิกกฎการแบ่งชนชั้นวรรณะที่ยึดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ได้ปลดปล่อยคนที่เคยเป็นที่กีดกันของสังคม เขาได้ทำการแบ่งที่ดินให้กับราษฎร ปลดปล่อยกำลังการผลิตขนานใหญ่
เขาออกร้อยพันนโยบายเพื่อพัฒนาประเทศต้าฝาน จึงทำให้ประเทศต้าฝานที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าราษฎร เขาผลักดันสังคมทาสไปสู่สังคมแบบศักดินา
นี่เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ทุกวันนี้ประเทศต้าฝานซึ่งเป็นประเทศหน้าใหม่ได้เผยโฉมขึ้นมาบนผืนปฐพีแล้ว และมันก็ค่อย ๆ เรืองอำนาจขึ้นมา
……
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนเจ็ด วันที่สิบเจ็ด
ณ ห้องทรงพระอักษร พระราชวังปาฎีบุตร
หงจวงในชุดเครื่องแบบทหารยืนอยู่เบื้องหน้าของคูฉาน
“วันนี้กองทัพบกที่หนึ่งของต้าเซี่ยเดินทางถึงที่ใดแล้วกัน ? ”
หงจวงประคองสองมือคารวะพร้อมตอบว่า “ทูลฝ่าบาท พวกเขาได้มาถึงเมืองคานเทียร์เรียบร้อยแล้ว จากรายงานเหมือนว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก”
คูฉานนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ให้ทหารที่ประจำการอยู่ในเมืองติ้งเฉิงจับตามองพวกเขาไว้ให้ดี ! ”
เมืองติ้งเฉิงที่ว่าก็คืออดีตเมืองคานเทียร์นั่นเอง
ลู่ฉางเป็นแม่ทัพซึ่งประจำอยู่ในเมืองแห่งนั้น
หงจวงผงะเล็กน้อย “ฝ่าบาท…”
“พวกเขากำลังไปที่ราบฮอลต์ สั่งการให้กองทัพที่หนึ่งของลู่ฉางและกองทัพที่สองของหวงเตี๋ยไปรวมพลกันบนที่ราบฮอลต์”
“เจิ้นจะเป็นคนนำทัพครานี้เอง เจิ้นจะคิดบัญชีกับพวกต้าเซี่ยที่นั่น ! ”
“ฝ่าบาท… ! ”
“เจิ้นรู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอันใด ทว่าที่นี่เป็นปฐพีของเจิ้น ! ทุกวันนี้เจิ้นมีกำลังพลมากถึง 800,000 นาย ทั้งยังผลิตปืนเหมาเซ่อออกมามิขาดสาย”
“แม้จะสู้ปืนไรเฟิลอัตโนมัติมิได้ ทว่ามันก็มีอิทธิฤทธิ์มากพอที่จะทะลุชุดเกราะเงินของพวกมันไปได้”
“พวกมันตายไปหนึ่งก็เท่ากับขาดกำลังพลไปหนึ่ง ทว่าคนของเจิ้น…กลับมีมามิขาดสาย ! ”
หงจวงรู้สึกลังเลพลางครุ่นคิดในใจว่านั่นเป็นถึงกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าเซี่ยเชียว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)