ตอนที่ 1285 พรหมลิขิตบันดาลให้มาพบกัน
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกดีใจมากยิ่งนัก เมื่อทราบข่าวว่าพวกหวังฉาวเฟิงก็อยู่ที่เมืองอาเรียเช่นกัน
เมื่อลองอ่านรายชื่อของคนที่ถูกเชิญมางานเลี้ยงในครานี้ เขาถึงได้พบว่าสหายเก่ามิได้มีเพียงแค่สามคนเท่านั้น
เขาเห็นชื่อของหลู่หลิวฮุย จึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าเจ้าหมอนี่คงจะเป็นบุตรชายคนเล็กของหลู่ซีผิงหัวหน้าตระกูลหลู่ ซึ่งเป็นคนที่มีสัมพันธ์แนบแน่นกับซือหม่าเทา
เขายังเห็นชื่อของเฮ้ออีฟู่บิดาของเฮ้อซานเตาอีกด้วย !
นอกจากนี้ยังมีอีกมากมาย เช่น หวางซุนเยว่หมิงคุณชายใหญ่ประจำตระกูลหวางซุน หรือจะเป็นหยุนหลีเกอหนึ่งในเจ็ดหลานซี หรือจะเป็นอดีตสองตระกูลใหญ่ในว่อเฟิงเต้า ซึ่งประกอบไปด้วยหนิงลี่รุ่นหัวหน้าตระกูลหนิงและเว่ยอี้ฝานหัวหน้าตระกูลเว่ย !
ในบรรดาคนที่มีรายชื่อเหล่านี้ นอกจากเฉินชิงอีที่ถูกส่งตัวมาทำภารกิจลับแล้ว คนที่เหลือล้วนเดินทางมาจากต้าเซี่ยในตลอดระยะเวลาสองปีมานี้
เขาขีดเลือกรายชื่อจากรายชื่อทั้งหมด จากนั้นก็ส่งให้อาเรีย ให้นางส่งคนไปเชิญบุคคลเหล่านั้นเข้ามาก่อนกำหนดเวลา ด้วยเหตุนี้พวกเฉินชิงอีจึงได้รับหนังสือเชิญให้มาก่อนใคร ๆ
……
ณ โรงงานทอผ้าจิ่นซิ่ว
จังชีเยวี่ยกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดด้วยสีหน้าระริกระรี้
บัดนี้หวังฉาวเฟิงและคนอื่น ๆ อีกสามคนได้หันมามองหน้ากัน ต่างก็ดีใจจนเก็บซ่อนอาการมิอยู่ นี่เป็นบัตรเชิญที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก พวกเขาคาดมิถึงว่าจะได้พบจักรพรรดิพระเจ้าหลวงผู้เกรียงไกรบนผืนปฐพีนี้
“นี่ยังมิใช่สิ่งสุดท้ายหรอก” เฉินชิงอียกถ้วยชาขึ้นมาแล้วเอ่ยต่อว่า “ตามคำบอกเล่าของท่านอาจารย์ เกรงว่าอิงเทียนจะเป็นผืนปฐพีที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก ในอนาคตที่นั่นจะกลายเป็นอาณาเขตของจักรพรรดิพระเจ้าหลวง… ท่านอาจารย์บอกว่าจักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงมีพระดำริว่าผืนปฐพีแห่งนั้นจะมีอิสรภาพยิ่งกว่าต้าเซี่ย กฎและระเบียบต่าง ๆ จะแตกต่างจากต้าเซี่ยโดยสิ้นเชิง ! ”
“กล่าวคือ จักรพรรดิพระเจ้าหลวงมีพระประสงค์ที่จะใช้ผืนปฐพีแห่งนั้นทดลองพระราชดำริของพระองค์ เพราะหากจะทดลองที่ต้าเซี่ยราคาที่ต้องจ่ายมันสูงจนเกินไป ถ้าหากประสบความล้มเหลว ก็เกรงว่ารากฐานของต้าเซี่ยจะพังพินาศทั้งหมด”
เฉียวฉู่หมิงโน้มตัวเข้ามาเเล้วเอ่ยถามเสียงแผ่วว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่า…มันจะเป็นเวทีใหม่ทั้งหมดเยี่ยงนั้นหรือ ? แบบนี้จะมิมีปัญหามากมายหรือ ? ”
“คงจะเป็นเช่นนั้น ท่านอาจารย์มิเคยอธิบายละเอียดมากกว่านี้ คาดว่าแม้แต่ท่านอาจารย์เองก็มิอาจจินตนาการถึงมโนภาพในสมองของจักรพรรดิพระเจ้าหลวงได้”
“ทว่าเยี่ยงไรเสีย หากพระองค์ทรงประสบความสำเร็จ…สถานที่แห่งนั้นคงจะกลายเป็นประเทศที่สวยงามมากยิ่งนัก ! ”
……
……
คนที่เดินทางมาถึงพระราชวังคนแรกคือเฮ้ออีฟู่
ปัจจุบันนี้เขาอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ความทุกข์ระทมในตอนนั้นได้ทำให้เขามีผมหงอกขาวโพลนไปทั้งศีรษะ เขาชราลงไปมากโข ทว่าช่วงนี้เขาก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นแล้ว คาดว่าเขาน่าจะเดินออกมาจากความเศร้าหมองได้สำเร็จแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนรินชาใช้แขกพลางเอ่ยถามว่า “โจ่งหยูเล่า ? นางมิได้เดินทางมาด้วยหรือ ? ”
เฮ้ออีฟู่ยิ้มบางพร้อมกับเอ่ยตอบ “นางยังอยู่ที่เมืองกวนหยุนคอยดูแลบุตรทั้งสองและเฝ้าดูแลหลุมศพนั่น”
ฟู่เสี่ยวกวนก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย “เรื่องนี้…เป็นความผิดของข้าเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)