นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1287

สรุปบท ตอนที่ 1287 พบเจอที่ศาลากระบี่: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปตอน ตอนที่ 1287 พบเจอที่ศาลากระบี่ – จากเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

ตอน ตอนที่ 1287 พบเจอที่ศาลากระบี่ ของนิยายทะลุมิติเรื่องดัง นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่​ 1287 พบ​เจอ​ที่​ศาลา​กระบี่​

รัชสมัย​ต้าเซี่ย​ที่​ห้า​ เดือน​หนึ่ง​ วันที่​สิบ​แปด​

เมื่อ​วันหยุดราชการ​ได้​สิ้นสุดลง​ เหล่า​ขุนนาง​ต้าเซี่ย​ก็​ยุ่ง​เป็น​พัลวัน​กับ​งาน​ที่​รอ​พวกเขา​กลับมา​สะสางอยู่​

อู๋​เทียน​ซื่อ​จักรพรรดิ​แห่ง​ต้าเซี่ย​ก็​ยุ่ง​มิต่างกัน​ ทว่า​เขา​มิได้​ยุ่ง​เรื่อง​งานบ้าน​งาน​เมือง​ใน​ราชสำนัก​ แต่​เขา​ยุ่ง​วุ่นวาย​อยู่​กับ​การ​ก่อสร้าง​ตำหนัก​บน​ภูเขา​ฉางห​ลิง​

เขา​เดินทาง​ออกจาก​พระราชวัง​โดย​มีหลิว​จิ่น​และ​ทหาร​รักษา​พระองค์​หนึ่ง​พัน​นาย​คอย​คุ้มกัน​จาก​เมือง​ฉางอัน​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ภูเขา​ฉางหลิ่ง​

ครา​นี้​เขา​มิได้​เดินทาง​ไป​อย่าง​หลบ​ ๆ ซ่อน​ ๆ เเต่ก็​มิได้​แจ้งให้​เสนาบดี​ท่าน​ใด​ทราบ​เช่นกัน​ เพราะ​เขา​เห็น​ว่า​เสนาบดี​ทั้ง​สามฝ่าย​ได้​รายงาน​ทุก​เรื่อง​ที่​ต้าเซี่ย​กำลังจะ​ดำเนินการ​เมื่อ​เริ่ม​ศักราช​ใหม่​ และ​เขา​ก็ได้​ประทับตรา​ดำเนิน​นโยบาย​เรียบร้อย​เเล้ว หลังจากนี้​คง​มิมีธุระ​กงการ​อัน​ใด​ของ​เขา​อีกแล้ว​

พวก​เยี่ยน​ซีเห​วิน​เอง​ก็​จนใจ​ที่จะ​กล่าวเตือน​ พวกเขา​เพียง​หวัง​ว่า​เมื่อ​ฝ่าบาท​ทรง​เจริญ​พรรษา​มากกว่า​นี้​ พระองค์​จะหมด​ความสนใจ​ใน​การ​ทำ​สิ่งที่​ไร้สาระ​แล้ว​หันมา​ตั้งใจ​บริหารบ้านเมือง​แทน​

อู๋​เทียน​ซื่อ​เดินทาง​มาถึงภูเขา​ฉางห​ลิง​ใน​วันที่​สิบ​แปด​เดือน​หนึ่ง​

แต่ก่อน​ป่า​กระบี่​ตั้งอยู่​ที่​ภูเขา​ฉางห​ลิง​แห่ง​นี้​ ทว่า​ตั้งแต่​ที่​ถูก​ซูฉางเซิงสังหาร​จน​ราบ​ หลังจากนั้น​ก็​มิมีร่องรอย​ของป่า​กระบี่​หลง​เหลืออยู่​อีก​เลย​

เซียน​กระบี่​ทั้ง​เจ็ด​แห่ง​ป่า​กระบี่​ได้​ติดตาม​คู​ฉาน​ไป​ยัง​จักรวรรดิ​โมริยะ​ และ​ดูเหมือนว่า​สถานที่​เเห่งนั้น​จะร้าง​ผู้คน​จนกระทั่งบัดนี้​

หิมะ​บน​ภูเขา​ฉางห​ลิง​ยัง​มิละลาย​ อู๋​เทียน​ซื่อ​นำ​องครักษ์​ของ​เขา​ไป​ยัง​ทางเดิน​ขึ้น​ภูเขา​ แล้ว​จ้องมอง​หิมะ​ที่​ปกคลุม​ซากปรักหักพัง​เบื้องล่าง​

บ้านเรือน​มากมาย​พังทลาย​ลง​เพราะ​ร้าง​ผู้อยู่อาศัย​มาหลาย​ปี​ มีเพียงแค่​สอง​สามหลัง​เท่านั้น​ที่​ยังคง​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ แต่​ก็​ดู​จืดชืด​ไร้​ซึ่งสีสัน​ โดดเดี่ยวเดียวดาย​มิต่าง​อัน​ใด​กับ​ภูเขา​ที่​ไร้​ชื่อเสียง​

“หลิว​จิ่น​ ! ”

“พ่ะย่ะค่ะ​ฝ่าบาท​ ! ”

“นี่​คือ​สถานที่​ที่​คน​ของ​เจ้าเลือก​มาให้​เจิ้น​สร้าง​ตำหนัก​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

“ทูล​ฝ่าบาท​ มิใช่เช่นนั้น​พ่ะย่ะค่ะ​ สถานที่​ที่​ดู​ไว้​สำหรับ​สร้าง​ตำหนัก​นั้น​อยู่​ด้านบน​ ทว่า​กระหม่อม​มีเเผนการบางอย่าง​สำหรับ​พื้นที่​ตรงนี้​”

ความโกรธเคือง​ของ​อู๋​เทียน​ซื่อ​ได้​หาย​ไป​จาก​ใบหน้า​ของ​เขา​ทันใด​ พลาง​เอ่ย​ถามหลิว​จิ่น​ว่า​ “แผนการ​ใด​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

“สถานที่​แห่ง​นี้​กว้างใหญ่​ไพศาล​ยิ่งนัก​ ต่อไป​ใน​ภายภาคหน้า​เมื่อ​ฝ่าบาท​เดินทาง​มาพำนัก​ตำหนัก​แห่ง​นี้​ ทหาร​รักษา​พระองค์​ก็​จำต้อง​มีที่พักอาศัย​ด้วย​เช่นกัน​ ถ้าหาก​จัดการ​สถานที่​ตรงนี้​ให้​ดีขึ้น​อีก​สักหน่อย​ก็​สามารถ​สร้าง​ค่าย​พัก​ได้​แล้ว​มิใช่หรือ​พ่ะย่ะค่ะ​ ? ”

หลิว​จิ่น​ประคอง​มือขึ้น​แล้ว​เอ่ย​ต่อว่า​ “ฝ่าบาท​ พระองค์​ลอง​ทอดพระเนตร​สถานที่​ตรงนี้​ดูเถิด​ มิว่า​ผู้ใด​ก็ตาม​ล้วน​ต้อง​ผ่าน​จุด​นี้​ไป​ทั้งนั้น​ ด้วยเหตุนี้​กระหม่อม​คิด​ว่าที่​ตรงนี้​ควรจะเป็น​ด่าน​รักษา​ความปลอดภัย​พ่ะย่ะค่ะ​”

อู๋​เทียน​ซื่อ​กวาดสายตา​ไป​ทั่วทุกสารทิศ​ ทั้งสอง​ฝั่งล้วนแต่​เป็น​หน้าผา​ มีเพียง​เส้น​ทางเดียว​เท่านั้น​ที่จะ​สามารถ​ขึ้นไป​ถึงยอดเขา​ได้​

ตรงนี้​เป็น​ที่ราบ​บริเวณ​ไหล่เขา​ หาก​ให้​ทหารประจำการ​อยู่​ที่นี่​ย่อม​มีประโยชน์​ดั่ง​ที่​หลิว​จิ่น​กล่าว​

“ความคิด​คน​สวะ​เยี่ยง​เจ้าก็​เข้าท่า​ดี​นี่​ มิเลว​ ! เก็บกวาด​พื้นที่​ตรงนี้​ให้​หมด​ จากนั้น​จงสร้าง​ค่าย​สำหรับ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​ให้​กับ​ข้า​ ! ลอง​คำนวณ​ดู​สิว่า​ต้อง​ใช้เงิน​อีก​กี่​ตำลึง​ ? ”

“กระหม่อม​น้อม​รับ​บัญชา​พ่ะย่ะค่ะ​ ! ”

ขบวน​เสด็จ​เริ่ม​เคลื่อน​ขึ้นไป​ด้านบน​ภูเขา​ ถนนหนทาง​เริ่ม​คดเคี้ยว​และ​แคบ​ยิ่งขึ้น​

ทว่า​อู๋​เทียน​ซื่อ​มิรู้สึก​เหน็ดเหนื่อย​เลย​แม้แต่น้อย​ เขา​เป็น​เด็กหนุ่ม​ที่​มีร่างกาย​แข็งแรง​ ทั้ง​ยัง​ฝึก​วรยุทธ์​เป็น​ทุนเดิม​อยู่แล้ว​ ผนวก​กับ​บัดนี้​เขา​รู้สึก​เหมือนกับ​นก​น้อย​ที่​ถูก​ปล่อย​ออกจาก​กรง​ เมื่อ​เห็น​ปุย​หิมะ​ขาว​บน​ยอดเขา​ ก็​ยิ่ง​ทำให้​เขา​หาย​กังวลใจ​

“นี่​ต่างหาก​ถึงจะเป็น​ชีวิต​ที่​เจิ้น​ถวิลหา​ บัดนี้​เจิ้น​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​ เหตุใด​เสด็จ​พ่อ​ถึงมิยอม​อาศัย​อยู่​ใน​พระราชวัง​… ครา​หนึ่ง​เสด็จ​พ่อ​เคย​ตรัส​ว่า​ อ่านหนังสือ​หมื่น​เล่ม​ก็​มิอาจ​เทียบ​ได้​กับ​การ​เดินทาง​หมื่น​ลี้​ บัดนี้​เจิ้น​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เสด็จ​พ่อ​อย่าง​ลึกซึ้ง​เลย​ล่ะ​ ! ”

หลิว​จิ่น​เบ้​ปาก​อยู่​ด้านหลัง​ของ​เขา​พร้อมกับ​ครุ่น​คิดในใจ​ว่า​จักรพรรดิ​พระ​เจ้าหลวง​มิได้​เที่ยวเตร่​ชมนก​ชมไม้ไป​เรื่อยเปื่อย​สักหน่อย​ !

หรือ​ต่อให้​พระองค์​ทรง​ออก​ไป​ชมนก​ชมไม้จริง ๆ​ สิ่งที่​พระองค์​ทรง​ดำริ​คือ​…จะทำ​เยี่ยง​ไร​ถึงจะสามารถ​ปลดปล่อย​ศักยภาพ​ของ​พื้นที่​นั้น​ ๆ ออกมา​ได้​ จะทำ​เยี่ยง​ไร​ให้​ราษฎร​ได้รับ​ผลประโยชน์​อย่าง​เต็มที่​

พระองค์​ทรง​เป็น​เหมือน​จักรพรรดิ​พระองค์​น้อย​ที่​เอาแต่​จะเที่ยวเล่น​เสีย​ที่ไหน​เล่า​

ถ้าหาก​ตำหนัก​แห่ง​นี้​ถูก​สร้าง​จน​เสร็จ​แล้ว​และ​พระองค์​ได้​ย้าย​เข้ามา​ประทับ​ที่นี่​จริง ๆ​ มิรู้​ว่า​ตอนนั้น​ราชสำนัก​ต้าเซี่ย​จะเกิด​การเปลี่ยนแปลง​เยี่ยง​ไร​บ้าง​

สิ่งที่​ทำให้​หลิว​จิ่น​กลัดกลุ้ม​กังวล​ก็​คือ​จักรพรรดิ​พระ​เจ้าหลวง​ย่อม​จะเสด็จ​กลับมา​มิวันใด​ก็​วันหนึ่ง​

สามถึงห้า​ปี​หลังจากนี้​ จักรพรรดิ​พระ​เจ้าหลวง​จะทรง​คว้า​ชัย​กลับมา​ พระองค์​ย่อม​นำ​ผลประโยชน์​มาให้​ต้าเซี่ย​มากมาย​มหาศาล​ ทว่า​ท้ายที่สุด​เมื่อ​ต้อง​ทราบ​ว่า​จักรพรรดิ​ที่​พระองค์​ทรง​เลือก​มาด้วย​พระ​หัตถ์​ของ​ตนเอง​กระทำ​ตน​เช่นนี้​ มิรู้​ว่า​พระองค์​จะทรง​มีพระ​ดำริ​เยี่ยง​ไร​

เฮ้อ​…คนเรา​คง​มิสมบูรณ์แบบ​ไป​หมด​ทุกอย่าง​หรอก​

จักรพรรดิ​พระ​เจ้าหลวง​ทรง​พระ​ปรีชา​สามารถ​มากมาย​ถึงเพียงนั้น​ ทว่า​พระองค์​กลับ​ทำ​ความผิด​อัน​ใหญ่หลวง​ใน​เรื่อง​การ​เลือก​ผู้สืบทอด​ราชบัลลังก์​

คิ้ว​ที่​ขมวด​แน่น​ของ​อู๋​เทียน​ซื่อ​คลาย​ลง​ทันใด​ หาก​เป็นเรื่อง​ท่า​ป๋า​ฉางฮวน​คง​มิใช่เรื่องใหญ่​อัน​ใด​ ที่​เขา​ถูก​ตัดสินโทษ​จำคุก​สามปี​ก็​เป็น​เพราะ​เขา​ทำให้​เสด็จ​พ่อ​โกรธเคือง​ก็​เท่านั้นเอง​

นี่​เป็น​ครา​แรก​ที่​ขุนนาง​เข้ามา​อ้อนวอน​ขอร้อง​เขา​ อู๋​เทียน​ซื่อ​จึงรู้สึก​สนใจ​และ​อยาก​พบ​ขึ้น​มาทันที​

ดังนั้น​เขา​จึงเดิน​เข้าไป​โดยที่​มีหลิว​จิ่น​คอย​อยู่​ข้าง ๆ​ เขา​มิได้​กังวล​ว่า​จะมีผู้ใด​คิดร้าย​กับ​ตน​ เพราะว่า​จัว​อี้​สิงได้​เชิญผู้​มีฝีมือ​ระดับสูง​มาคอย​คุ้มกัน​เขา​ ซึ่งคน​ผู้​นั้น​ก็​คือ​หนิง​ฝาเทียน​บิดา​ของ​หนิง​ซือเหยียน​นั่นเอง​ !

ตา​เฒ่าหนิง​ฝาเทียน​ผู้​นี้​มิเลว​เลย​ ว่า​กัน​ว่า​เป็น​คนเก่าคนแก่​ของ​เสด็จ​พ่อ​ เขา​จะมิเข้ามา​ยุ่ง​เรื่อง​ของ​ตน​ และ​ด้วยเหตุนี้​คำสั่ง​ที่​เปลี่ยน​ให้​เขา​เข้า​รับ​ตำแหน่ง​หัวหน้า​ทหาร​รักษา​พระองค์​จึงถูก​ปฏิเสธ​ไป​

ขณะนี้​หนิง​ฝาเทียน​ได้​เดิน​นำหน้า​อู๋​เทียน​ซื่อ​ออก​ไป​ บน​หลัง​ของ​เขา​มีกระบี่​อยู่​หนึ่ง​เล่ม​

เขา​เดิน​มาถึงศาลา​นี้​ก่อน​คน​แรก​ เมื่อ​เงยหน้า​มองดู​เห็น​ว่า​มีป้าย​ศาลา​ที่​ทำ​จาก​ไม้แขวน​อยู่​ ด้านบน​นั้น​มีตัวอักษร​สลัก​ว่า​ศาลา​กระบี่​

ศาลา​แห่ง​นี้​ย่อม​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มาโดย​ป่า​กระบี่​อย่าง​แน่นอน​

เขา​ย่ำเท้า​เข้าไป​ใน​ศาลา​ มีกองไฟ​ที่​กำลัง​ลุกโชน​และ​บน​เตาไฟ​นั้น​ก็​มีกาน้ำ​ซึ่งกำลัง​ต้ม​อยู่​ หน้า​โต๊ะ​หิน​มีชาย​ชรา​คน​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​ คน​ผู้​นั้น​ก็​คือ​ท่า​ป๋า​ยวี่​ ปรมาจารย์​แห่ง​เขตปกครองตนเอง​ซีเซี่ย​นั่นเอง​ !

ท่า​ป๋า​ยวี่​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​หนิง​ฝาเทียน​ รูม่านตา​ของ​เขา​หด​ลง​เพราะ​หนิง​ฝาเทียน​ก็​เป็น​ปรมาจารย์​เช่นกัน​ !

“ข้า​มิได้มา​สู้รบ​แต่อย่างใด​ ! ”

“ข้า​มิได้มา​ทำมิดีมิร้าย​ต่อ​องค์​ฝ่าบาท​”

“ข้า​มาเพื่อ​ส่งสาร​เท่านั้น​”

“ส่งกระบี่​ของ​เจ้ามา เรื่อง​อื่น​ข้า​จะมิยุ่ง​ ! ” หนิง​ฝาเทียน​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เรียบ​นิ่ง​

“ได้​สิ ! ”

ท่า​ป๋า​ยวี่​ปลด​กระบี่​ที่​เอว​ของ​ตน​ออก​แล้ว​ส่งให้​หนิง​ฝาเทียน​

หนิง​ฝาเทียน​จ้องมอง​ท่า​ป๋า​วั่ง​อยู่​ชั่วครู่​ จากนั้น​ก็​ออก​ไป​ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ศาลา​ ครา​นี้​อู๋​เทียน​ซื่อ​ถึงได้​เดิน​เข้ามา​และ​นั่งลง​เบื้องหน้า​ของ​ท่า​ป๋า​ยวี่​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)