“ซู่ ๆ ๆ….”
พายุฝนเทลงมาอย่างกะทันหัน ท้องนภาจากที่สดใสกลายเป็นมืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องยังคงดังครึกโครม สายฟ้ายังคงผ่าฟาดเปรี้ยง ๆ
อู๋เทียนซื่อจ้องมองหัวมังกรที่หล่นลงมา สายตาของเขาเริ่มเลือนรางภาพเบื้องหน้ากลายเป็นพล่ามัว ทั้งยังรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาในใจ
หรือนี่จะเป็นอำนาจแห่งสวรรค์ ?
ข้าเป็นโอรสเเห่งสวรรค์และได้รับราชโองการแห่งสวรรค์ให้ปกครองผืนปฐพีแห่งนี้ การที่สวรรค์ทำเช่นนี้ต้องการจะสื่อถึงอันใดกันแน่ ?
หรือเจิ้นทำผิดไปแล้วจริง ๆ ?
ถ้าหากเป็นฟู่เสี่ยวกวน เขาคงมิคิดอันใดกับเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้น ทว่าอู๋เทียนซื่อกลับมิเหมือนกัน เขามิได้เข้าใจว่าฟ้าผ่าคือพลังงานธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่านี่เป็นสัญญาณจากสวรรค์ ครุ่นคิดไปว่าสวรรค์กำลังจะลงโทษเขา
เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินไปยังโต๊ะชา จากนั้นก็นั่งลงเบื้องหน้าเยี่ยนซีเหวิน พลางหันไปสั่งหลิวจิ่นที่ติดตามเขาเข้ามาในห้องทรงพระอักษร “จุดไฟสิ ! ”
หลิวจิ่นจุดเทียน ห้องทรงพระอักษรจึงสว่างโร่ขึ้นมา อู๋เทียนซื่อถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“เสนาบดีเยี่ยน ท่านยืนกรานที่จะเข้าเฝ้าเจิ้นเช่นนี้ มิทราบว่ามีเรื่องใหญ่ใดเกิดขึ้นในราชสำนักเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
อู๋เทียนซื่อเอ่ยถามพลางใช้ตะบันไฟจุดเตาผิงขึ้นมาเพื่อต้มชา
เยี่ยนซีเหวินประคองมือคารวะแล้วหยิบจดหมายของฟู่เสี่ยวกวนออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อ
“จักรพรรดิพระเจ้าหลวงได้เสด็จออกจากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์แล้ว และนี่ก็คือจดหมายที่พระองค์ทรงเขียนให้กับฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงทอดพระเนตรด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หัวใจของอู๋เทียนซื่อเต้นโครมครามแล้วคิดตามทันใด เสด็จพ่อได้จากเมืองฉางอันไปปีกว่าแล้ว เสนาบดีเยี่ยนจะทูลเรื่องที่เกิดขึ้นในพระราชวังทั้งหมดกับเสด็จพ่อแล้วหรือยัง ?
อู๋เทียนซื่อเคารพนับถือผู้เป็นบิดามาตั้งแต่กำเนิด ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็กลัวบิดาเข้ากระดูก
ถ้าหากเสด็จพ่อทรงทราบทุกสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป… เขาแทบจะจินตนาการมิออกเลยว่าเสด็จพ่อจะใช้มาตรการใดจัดการกับเขา
แม้ว่าอู๋เทียนซื่อจะเป็นถึงจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ทว่าในใจของเขารู้ดีว่า คนที่กุมอำนาจของต้าเซี่ยจริง ๆ ยังคงเป็นเสด็จพ่อ ขอเพียงเสด็จพ่อมีพระบัญชาออกมา เขาก็คงต้องจำใจปล่อยวางตำแหน่งจักรพรรดิ !
แม้แต่หลิวจิ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินว่ามีจดหมายจากจักรพรรดิพระเจ้าหลวงจึงตื่นตกใจจนขาทั้งสองข้างสั่นไหวขึ้นมา เกรงว่าหากเรื่องราวถูกเปิดเผยออกไป หากจักรพรรดิพระเจ้าหลวงเสด็จกลับมา เช่นนั้นหลิวจิ่นคงต้องตายสถานเดียว !
อู๋เทียนซื่อสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเอง เขารับจดหมายจากเยี่ยนซีเหวินมาเปิดอ่าน...
“สวัสดีลูกข้า ! ”
“เจ้าคงเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ อยู่ในวัยที่กำลังกลางปีกบินสยายอยู่บนท้องนภาอันกว้างใหญ่ เดิมทีพ่อมิควรเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงเจ้า”
“ทว่าแม่ของเจ้าคิดถึงเจ้ามากยิ่งนัก ผนวกกับพ่อก็ต้องจากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์แล้ว จากนี้ไปคงมิอาจติดต่อสื่อสารกับเจ้าได้อีกแล้ว ดังนั้นพ่อจึงอยากเขียนจดหมายมาสนทนาบางอย่างกับเจ้า”
“สิ่งที่พ่อจะเอ่ยนั้นแน่นอนว่าเป็นเรื่องของบ้านเมือง เพราะเจ้าเป็นจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ! ”
“แท้ที่จริงเรื่องนี้พ่อเคยเอ่ยกับเจ้ามาก่อน ทว่าอยู่ ๆ พ่อก็รู้สึกว่าตนเองชราขึ้นมาอย่างกะทันหัน กลายเป็นคนที่ชอบพร่ำบ่น พ่อจึงต้องเน้นย้ำเรื่องนี้ให้เจ้าได้ฟังอีกครา ! ”
“กฎหมายรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายพื้นฐานของต้าเซี่ย เป็นกฎหมายที่มิมีอำนาจใดอยู่เหนือกว่ามัน แม้แต่พระราชอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิก็ต้องอยู่ในขอบกำหนดของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ่อหวังว่าเจ้าจะจำได้อย่างชัดเจนและตระหนักได้อย่างลึกซึ้ง ! ”
“คน ๆ หนึ่งมิว่าจะฉลาดปราดเปรื่องมากเพียงใดก็ทำผิดได้เสมอ พ่อเองก็เช่นกัน ดังนั้นเพื่อป้องกันมิให้พ่อกลายเป็นคนที่ผูกขาดอำนาจ พ่อถึงได้สร้างระบบตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจโดยแต่งตั้งสามสำนักหกกรมและคณะรัฐมนตรีขึ้นมา เพื่อให้พวกเขาได้ลงมติและให้อำนาจของจักรพรรดิเข้ามามีส่วนร่วม เป้าประสงค์หนึ่งเดียวของมันก็เพื่อต้าเซี่ย ! ”
“เจ้าจงเชื่อมั่นว่าเพียงแค่นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อราษฎรต้าเซี่ย เสนาบดีทั้งสามฝ่ายและคณะรัฐมนตรีย่อมจะเห็นพ้องกับเจ้า หรืออาจจะแสดงความเคารพต่อความสามารถของเจ้าเพราะเหตุนี้ก็เป็นได้ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)