ตอนที่ 1297 ศึกคราแรก – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)
ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1297 ศึกคราแรก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 1297 ศึกคราแรก
หลังจากที่เดินทัพอย่างเร่งรีบมาตลอดห้าวัน กองพลที่หนึ่ง สอง และสามก็ได้กรีธาทัพมาถึงแดนศึก
สถานที่แห่งนี้มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา เป็นเส้นทางที่ทหารจากเมืองฝูสั่วจะต้องเดินทัพผ่าน
หยูติ้งชานหัวหน้ากองพลที่หนึ่งนำทหาร 10,000 นายพรางตัวอยู่สองข้างทาง หยูติ้งเหอหัวหน้ากองพลที่สองได้นำทหาร 10,000 นายสกัดอยู่ฝั่งตะวันออกของถนน ส่วนลู่หลินเฟิงหัวหน้ากองพลที่สาม ได้นำทหาร 10,000 นายไปทางฝั่งตะวันตก
หอเทียนจีได้ส่งรายงานมาเรียบร้อย โดยมีรายละเอียดว่าเมืองฝูสั่วได้ส่งกองหนุนมาช่วยเหลือจำนวน 100,000 นาย !
ภารกิจของทั้งสามกองพลคือกำจัดทหาร 100,000 นายนี้ให้ราบคาบ ส่วนอีก 90,000 นายที่เหลือให้ข้ามหุบเขาเข้าไป โดยพวกเขาจะเดินทัพถึงเมืองฝูสั่วในอีกสองวันให้หลัง
ยามฟ้าสาง เมื่อหยูติ้งชานได้รับรายงานฉบับล่าสุดจากหอเทียนจี เขาจึงออกคำสั่งไปให้แม่ทัพอีกสองคนที่เหลือ
ใช้เวลาเพียงมินาน คำสั่งนี้ก็ถูกถ่ายทอดไปถึงทหารทุกหมู่เล่า
ต้าเซี่ยสงบสุขมานานหลายปี ทหารเหล่านี้มิได้ออกรบมานานนม บัดนี้ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ในมือจับปืนไรเฟิลอัตโนมัติเอาไว้เเน่น
เมื่อเสียงฝีเท้าม้าแว่วดังขึ้นมา ทหารชุดเกราะสีดำนับแสนนายก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางสายตาของพวกเขา
หยูติ้งชานยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูลาดเลา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะทหารเหล่านี้สะพายปืนไว้บนหลัง !
ครานั้นจักรพรรดิพระเจ้าหลวงได้ออกรบกับกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ ณ จักรวรรดิโมริยะ ตอนที่ได้รับคำสั่งให้ออกพิชิตแดนไกล ฝ่าบาทได้ส่งจดหมายประเมินกำลังการยิงของศัตรูให้พวกตนอีกด้วย
พระองค์ตรัสว่ายามที่ออกศึกพิชิตแดนเหนือเมื่อคราก่อน ศัตรูมีปืนใหญ่ แม้ว่าพลังทำลายล้างของมันจะมิสูงเท่าของต้าเซี่ย ทว่ามันก็อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน !
พระองค์ยังตรัสอีกว่าในตอนนั้นศัตรูมิได้พกอาวุธปืน… ทว่าบัดนี้เขากลับเห็นว่าข้าศึกได้สะพายปืนไว้บนหลัง
เช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา อาวุธยุทโธปกรณ์ของข้าศึกได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพียงแค่มิรู้ว่าปืนของพวกเขาได้พัฒนาไปถึงขั้นใดแล้ว
“ถ่ายทอดคำสั่ง ทุกคนจงระมัดระวังตัว จงป้องกันการบาดเจ็บและล้มตายอย่างสุดความสามารถ ! ”
“เตรียมตัว… ยิง… ! ”
สิ้นเสียงคำสั่งของหยูติ้งชาน กองทัพที่ยาวเป็นงูเลื้อยซึ่งกำลังควบม้ามาอย่างเร่งรีบก็ได้เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
กองพลที่หนึ่งจำนวนหนึ่งหมื่นนายซึ่งได้พรางตัวอยู่สองข้างทางต่างก็รัวปืนไรเฟิลอัตโนมัติในมือ “ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ…” เสียงปืนดังสนั่นแก้วหู เหล่าวิหคในพงไพรต่างตื่นตกใจจนหนีกระเจิง กองทัพ 100,000 นายส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาทันใด
“¥%#@…”
บ้างก็ส่งเสียงร้องตกใจ บ้างก็แผดเสียงโหยหวน บ้างก็ร่วงหล่นลงมาจากหลังม้า บางคนก็สิ้นใจตายคาที่ บางคนก็กระโดดลงมาจากหลังม้าเพื่อหลบกระสุนระลอกแรกของกองพลที่หนึ่ง
พวกเขาใช้ม้าเป็นเกราะกำบังด้วยอาการตื่นกลัว พวกเขานำเอาปืนที่สะพายอยู่บนหลังลงมา จากนั้นก็เริ่มยิงเข้าไปในป่าเขา !
“ปัง…ปัง…ปัง… ! ”
บัดนี้เสียงปืนจากฝั่งข้าศึกก็ดังขึ้นมาเช่นกัน เมื่อหยูติ้งชานยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู จึงยิ้มเยาะออกมาทันใด เพราะความเร็วกระสุนของข้าศึกมิอาจเทียบเคียงกับความเร็วกระสุนของปืนไรเฟิลอัตโนมัติได้เลย
ทว่าเยี่ยงไรก็รุนแรงมากพอที่จะคร่าชีวิตของทหารต้าเซี่ยได้เช่นกัน
ศึกครานี้มิจำเป็นต้องกังวลอันใดทั้งสิ้น
กองพลที่หนึ่งซึ่งมีกำลังพลเพียงแค่ 10,000 นายได้ระดมยิงออกมาจากสองข้างทางอีกครา เมื่อยิงกระสุนติดต่อกันเป็นห่าฝนอีกครา ทหาร 100,000 นายจึงสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้เพียงแค่ 1 ก้านธูปเท่านั้น หลังจากนั้นก็พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ
พวกเขามิคาดฝันว่าจะได้เผชิญหน้ากับกองทัพที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ พวกเขาน่าจะเป็นกองทัพที่ไร้ศัตรูใด ๆ บนฝืนปฐพีแห่งนี้ !
สหายร่วมรบล้มตายลงไปทีละคน พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าข้าศึกซ่อนตัวอยู่บนภูเขาไร้นามแห่งนี้
ทหาร 100,000 นายถูกตัดกำลังลงเหลือเพียงแค่ 10,000 นายเท่านั้น !
กองทัพยาวเฟื้อยกลายสภาพเป็นซากศพนอนเกลื่อนกลาด !
ซากศพกับซากม้ากองรวมกันพะเนิน โลหิตสีแดงสดไหลเจิ่งนองเต็มพื้น
ทหารที่รอดชีวิตอีก 10,000 นายเริ่มหนีจ้าละหวั่น
เผิงยวี๋เยี่ยนยกยิ้มกว้าง ดุจดวงสุริยาที่ส่องแสงเจิดจรัส
นางนำกองทัพ 10,000 นายเข้าไปในเมืองหมี่ไหลไท่ เพื่อเดินทางไปยังศาลาว่าการ
หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มสนทนากัน
“@#¥%…”
“#¥&*…”
เมื่อเห็นว่าสื่อสารกันมิได้ ทั้งสองจึงเริ่มวาดไม้วาดมือเพื่อสนทนากันแทน
ดูเหมือนว่าการใช้ภาษามือจะได้ผล เพราะซีโซย่าได้นำเผิงยวี๋เยี่ยนไปยังโกดังเสบียง เขาเปิดโกดังเสบียงออก เผิงยูวี๋เยี่ยนกอบโกยเอาเสบียงในโกดังไปจนหมด
มิหนำซ้ำยังสั่งให้เปิดคลังอีกด้วย ทว่าเผิงยวี๋เยี่ยนมิได้นำเงินไปด้วยแม้แต่อีแปะเดียว เพราะหากนำไปด้วยก็เป็นภาระเปล่า ๆ
ในวันถัดไป เผิงยวี๋เยี่ยนได้นำซีโซ่ย่าและกองทัพอีก 30,000 นายถอนทัพแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองฝูสั่ว
เผิงยวี๋เยี่ยนได้รถม้ามา 1 คัน ซึ่งเป็นรถม้าที่มีความวิจิตรงดงามมากยิ่งนัก คิดว่าน่าจะเป็นรถม้าโดยสารของเจ้าเมือง
เมื่อทั้งสองนั่งลงบนรถม้าก็เริ่มสนทนากันเป็นภาษามืออีกครา เผิงยวี๋เยี่ยนมิได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ทว่าซีโซย่ากลับรู้สึกกระวนกระวายใจเกินต้านทาน
เขามิเข้าใจว่าคนพวกนี้มาจากที่ใด ? และกำลังจะเดินทางไปที่ใดต่อ ?
ไม่สิ ! ดูเหมือนว่ากองทัพจะเดินทางไปยังเมืองฝูสั่ว เช่นนั้นพวกเขาจะต้องยกทัพไปตีเมืองฝูสั่วเป็นแน่ !
พวกเขามิได้เหลือทหารไว้ในเมืองหมี่ไหลไท่แม้แต่นายเดียว…ดูเหมือนว่าเป้าหมายของพวกเขามิได้มาเพื่อยึดครอง แล้วเป้าหมายของพวกเขาคืออันใดกันแน่ ?
เมืองฝูสั่วมีทหารรักษาการณ์ทั้งสิ้น 200,000 นาย และ 100,000 นายถูกกองทัพที่เเปลกประหลาดนี้กำจัดจนสิ้นซากระหว่างที่เดินทางมา บัดนี้กองทัพของพวกเขาเดินทัพไปถึงเมืองฝูสั่วแล้วหรือยัง ?
เมืองฝูสั่วยังอยู่ดีใช่หรือไม่ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)