ตอนที่ 1300 ระเบิด
และแล้วก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงของความโกลาหลโหวกเหวกโวยวาย และเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินด้วยความเร็ว
ทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมือง เห็นโคมไฟยักษ์ลอยอยู่บนท้องนภา พวกเขาต่างตกตะลึงพึงเพริดกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า !
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?
มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แม้แต่อามีลก็มิเคยเห็นโคมไฟที่สามารถลอยได้มาก่อน
และความมิรู้คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด อามีลจ้องมองโคมไฟที่ลอยล่องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขามิรู้ว่าข้าศึกจะโจมตีด้วยวิธีใด และคิดจินตการเอาเองว่าข้าศึกอาจจะทุ่มก้อนหินลงมาจากด้านบนนั้น
หรือพวกมันจะลอยเข้าไปในเมือง ?
แล้วพวกมันจะลงมาได้เยี่ยงไรกัน ?
เยี่ยงไรพวกมันก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน คงมิอาจเหาะเหินเดินอากาศได้หรอกนะ !
ระยะลอยตัวของโคมไฟนั้น สูงเกินกว่าระยะกระสุนปืนของพวกเขา อามีลมิรู้ว่าจะรับมือกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เยี่ยงไรดี ในขณะที่กำลังหวาดกลัวอยู่นั้นก็พลันบังเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา
พวกข้าศึกต้องการจะทำอันใดกันแน่ ?
บัดนี้บนกำแพงมีนายทหารยืนเงยหน้ามองท้องนภากันแน่นขนัด
โคมไฟใหญ่ยักษ์ได้แผ่ปกคลุมท้องนภา ท่ามกลางท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ เมฆสีแดงคอยขับให้ภาพตรงหน้าเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
มันเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว !
บัดนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน !
ชัดจนถึงขึ้นที่ว่าอามีลสามารถมองเห็นตะกร้าที่แขวนอยู่ใต้โคมไฟผ่านกล้องส่องทางไกลได้ เขาถึงกับต้องถลึงตาโตเมื่อเห็นคบเพลิงแผดเผาอยู่ในตะกร้านั้น และมันยังบรรทุกคนจำนวนมากไว้ในตะกร้านั้นอีกด้วย !
บัดนี้กองทหารอากาศของกองทัพบกที่หนึ่งเข้าใกล้กำแพงเมืองแล้ว ทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองต่างก็ยืดคอจ้องมองจนปวดเมื่อย ชาวเมืองก็ได้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตาเช่นกัน ราวกับเวลาได้หยุดหมุนไปทั้งอย่างนั้น
ในเมืองถูกความเงียบสงัดแผ่ปกคลุม
มิได้ยินแม้แต่เสียงกู่ร้องของพ่อค้าหาบเร่
มีเพียงเสียงกระซิบกระซาบกันเท่านั้น “นั่นคืออันใดกัน ? ”
ทว่าพวกเขาต่างก็มิรู้จัก “มิรู้สิ ! ข้ามิเคยเห็นมาก่อน”
“หรือจะเป็นพระเจ้าที่ลงมาปกป้องเมืองฝูสั่วของพวกเรากัน ? ”
“…เหตุใดพระเจ้าถึงเดินทางมาเช่นนี้เล่า ! ”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากต่างเมือง…เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นพวกข้าศึกที่ปักหลักอยู่นอกเมืองนั่น ? ”
“ถ้าหากข้าศึกโจมตีพวกเราด้วยวิธีการนี้ แล้วท่านแม่ทัพอามีลจะต้านทานได้เยี่ยงไรเล่า ? ”
“…เกรงว่าเมืองฝูสั่วจะตกอยู่ในอันตรายแล้วสิ ! ”
ในขณะเดียวกันนั่นเอง ภายในศาลาว่าการ มาร์ควิสเวลลีสเพิ่งจะได้ล้มตัวลงนอน
มาร์ควิสเวลลีสรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงเพราะอกสั่นขวัญแขวนอยู่นานหลายวัน ในที่สุดก็เข้าใจถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจสักที ซึ่งนั่นก็คือข้าศึกมิอาจฝ่าการป้องกันของเมืองนี้เข้ามาได้ !
ในที่สุดเขาก็รู้สึกผ่อนคลาย และในที่สุดเขาก็จะได้นอนอย่างสงบสุขเสียที !
ในความฝันเขากำลังสั่งการทหาร ข้าศึกล้มตายกองแล้วกองเล่า นอกเมืองแปรสภาพเป็นทะเลสาบโลหิต ศพของข้าศึกกองพะเนินเป็นภูเขา ส่วนเมืองฝูสั่วยังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง ข้าศึกถูกกำจัดสิ้นและเมืองฝูสั่วก็ได้หวนคืนสู่ความสงบสุขอีกครา
นี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ !
เขาจะต้องได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องได้รับตำแหน่งดยุคแห่งประเทศซิลูซิด !
ทุกวันนี้ประเทศซิลูซิดอันเกรียงไกรมีเพียงดยุคซีโซย่าเพียงคนเดียวเท่านั้น !
ส่วนเวลลีสกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเพื่อรับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เมื่อได้ตำแหน่งดยุคมาครอบครอง อำนาจของวงศ์ตระกูลก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น หรือบางทีอาจจะได้ธิดาพระองค์โตของเจ้าชายอาเธอร์มาครอบครองก็เป็นได้ !
“ท่านมาร์ควิส… ท่านมาร์ควิส… ! ”
เสียงที่ฟังดูรีบร้อนดังขึ้นข้างหูของมาร์ควิสเวลลีส
ใกล้ถึงเมืองหลวงแล้วหรือ ?
เขาลืมตาขึ้นมาแล้วโพล่งถามออกไป “พระเจ้าเซคิวลัสที่หนึ่งจะเรียกข้าเข้าเฝ้ายามใดกัน ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)