ตอนที่ 1299 รวมพล
สามวัน !
เมืองฝูสั่วจะต้องทนรับมือกับความหวาดระแวงกระวนกระวายอยู่สามวันเต็ม ๆ
มาร์ควิสเวลลีสขึ้นไปสังเกตการณ์บนกำเเพงอย่างน้อยวันละสามครา และในเเต่ละคราเขาจะทอดสายตามองกองทัพในชุดเกราะสีเงินอยู่เนิ่นนาน
เขาเห็นข้าศึกปักหลักตั้งค่าย เห็นข้าศึกกำลังปรุงอาหารกันควันขโมง เขามิรู้ว่าข้าศึกกำลังทำอันใดอยู่กันแน่
จักรวรรดิโมริยะถือเป็นดินแดนตะวันออกที่ตั้งอยู่ไกลแสนไกล ในเมื่อคนพวกนี้ยกทัพมาจากที่นั่น พวกมันก็ควรจะใช้เวลาโจมตีเมืองให้สั้นที่สุดมิใช่หรือ ?
พวกมันมิมีเสบียงคอยหนุน ย่อมทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปเท่านั้น !
ตอนแรกคิดว่ากลยุทธ์ของพวกมันคือการรบเพื่อเพิ่มกำลังพลและเสบียง เหมือนตอนที่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ได้ยกทัพไปบุกรุกแดนบูรพา
ทว่าตอนนี้พวกมันปักหลักพักอาศัยอย่างสบายอุรา หรือว่าพวกมันจะประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ กัน ?
พวกมันบังอาจทำให้ข้าเสียเวลาเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?
ทว่าเมื่อเห็นข้าศึกปักหลักตั้งค่าย มาร์ควิสเวลลีสก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามิน้อย
“เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน” มาร์ควิสเวลลีสจ้องมองอามีลผู้เป็นเเม่ทัพ “เมื่อยืดเวลาไปหนึ่งวัน กองหนุนของเราก็จะยิ่งเข้าใกล้เมืองฝูสั่วมากขึ้นกว่าเดิม”
“ทว่าเยี่ยงไรอย่าได้ชะล่าใจไป จงให้นายทหารผลัดเวรกันพักผ่อน เมื่อข้าศึกเริ่มมีการเคลื่อนไหวและเข้าสู่สภาวะคับขันเมื่อใด พวกเราจะได้รับมือทัน”
“ท่านมาร์ควิสขอรับ หรือจะให้ข้าน้อยส่งกองทหารไปก่อกวนพวกมันดีขอรับ ? ” อามีลเอ่ยถาม
มาร์ควิสเวลลีสโบกมือปัด “มิจำเป็น ! ถ้าหากพวกมันต้องการมุ่งหน้าไปทางตะวันตก เช่นนั้นก็จำต้องเผชิญหน้ากับเมืองฝูสั่ว แต่หากพวกมันมิคิดที่จะทำเช่นนั้นแล้วยอมถอยทัพไป…นี่ถึงจะเป็นจุดจบที่สวยงามที่สุด”
“อามีล ! เจ้าต้องพึงระลึกไว้ว่า…กองทัพข้าศึกที่อยู่เบื้องหน้านี้คือกองทัพที่กำจัดกองกำลังของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ! หากมิใช่เพราะกองทัพนี้…พวกเราคงมิมีโอกาสก่อตั้งประเทศซิลูซิดขึ้นมา”
“ข้าต้องกลับคฤหาสน์แล้ว เจ้าจงจับตามองเอาไว้ให้ดี”
มาร์ควิสเวลลีสเดินลงไปจากกำแพงเมือง อามีลยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องลาดเลา ทันใดนั้นเขาก็อ้าปากเหวอออกมา เพราะเขาเห็นกองทัพในชุดเกราะสีเงินปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาจากทางด้านหลัง !
เมื่อสองกองทัพรวมพลกัน หลังจากนั้น…สุริยาก็ได้ลาลับขอบฟ้า เขามิเห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ ของข้าศึกอีกเลย
……
……
ณ เพิงพักของแม่ทัพกองทัพบกที่หนึ่ง
“พวกเจ้ารบได้ยอดเยี่ยมยิ่ง ! ”
กวนเสี่ยวซีจ้องมองหัวหน้ากองพลทั้งสามนายที่เพิ่งเดินทางมาถึงแล้วเอ่ยชมว่า “ดูเหมือนว่า กองทัพของประเทศนี้ก้าวหน้ามากเลยสินะ พวกเขามีปืน แม้ว่าความเร็วกระสุนจะเทียบมิได้กับปืนไรเฟิลอัตโนมัติของเรา ทว่ามันก็แรงมากพอที่จะสังหารเราได้อยู่ดี”
“ดังนั้นข้าจึงมิได้สั่งการให้กองทัพบุกโจมตีทันทีทันใด เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่จะตามมา”
“คำแนะนำของข้าก็คือโจมตีทางอากาศ ให้กองทัพอากาศกำจัดแนวป้องกันของศัตรูทิ้งไปเสีย กองทัพบกถึงจะสามารถเข้าโจมตีเมืองได้สะดวก พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่ ? ”
หยูติ้งชานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้ารับ “ข้าเห็นด้วย ! ”
หัวหน้ากองพลอีกเก้าคนที่เหลือต่างก็ลงมติเห็นด้วย
“ข้าคิดว่าต่อไปในภายภาคหน้าพวกเราคงได้พบกับเมืองอีกมากมายนัก และอีกปัญหาหนึ่งที่จะเข้ามาสกัดการรุกคืบของพวกเราก็คือ…กระสุน ! ”
“แม้ว่าปืนไรเฟิลอัตโนมัติจะมีพลังทำลายล้างสูง แต่ในขณะเดียวกันมันก็สิ้นเปลืองกระสุนมากยิ่งนัก ! ” หยูติ้งชานระบายความในใจออกมา
“และอีกอย่างหนึ่งก็คือการโจมตีทางอากาศ การโจมตีเช่นนี้มีอานุภาพทำลายล้างสูงก็จริง ทว่าระเบิดและกระสุนที่ต้องสูญเสียไปก็มากจนน่ากลัวเช่นกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)